“คุณจักรครับ คุณจักร”
“ว่าไงครับพี่ปกิต”
จักรทิพย์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเหลือบสายตามองประกิตอย่างไม่เข้าใจนัก แต่คนที่ต้องไม่เข้าใจก็คือปกิตต่างหาก เพราะเขาเรียกจักรทิพย์นานอยู่หลายนาทีกว่าที่เจ้าตัวจะขานรับ
“เอ่อ ผมถามว่าเรื่องที่บีจีขอให้เราส่งเหนียวทับทิมจำนวนสิบตันในอีกสองสัปดาห์คุณจักรโอเคไหมครับ”
ปกิตกล่าวถึงข้าวโพดข้าวเหนียวพันธ์ุเหนียวทับทิมที่มีสีม่วงทั้งฝัก จักรทิพย์ขมวดคิ้วแน่นอย่างครุ่นคิดเพียงครู่เดียวก็พยักหน้าให้ปกิต
“อาทิตย์หน้าถึงช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวได้พอดี น่าจะทัน ตอบตกลงบีจีไปได้เลยครับ”
“โอเคครับ เดี๋ยวผมบอกให้พี่เบญจัดการแจ้งทางบีจีให้” ปกิตรับคำแข็งขัน “ว่าแต่…เมื่อคืนเพิ่งเข้าหอเช้านี้ก็ลุกขึ้นมาทำงานเลย คุณจักรดูแข็งแรงดีนะครับ”
“ผมนึกขึ้นมาได้ว่ามีคนงานลาป่วยอยู่คนหนึ่ง บางทีพี่ปกิตอาจจะอยากลงไปช่วยเก็บข้าวโพดใส่กระสอบ”
“ผมต้องรีบไปบอกพี่เบญให้แจ้งทางบีจีเรื่องยืนยันส่งสินค้า ขอตัวก่อนนะครับ”
ก่อนจะถูกจักรทิพย์ส่งไปเก็บข้าวโพดในไร่ปกิตก็รีบเอาตัวรอด เขาสาวเท้าออกจากห้องทำงานของจักรทิพย์ไปอย่างรวดเร็วโดยที่เจ้าของห้องไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร จักรทิพย์ได้แต่ส่ายหน้าเอือมอย่างไม่จริงจังนักหลังจากที่บานประตูปิดสนิท ก่อนจะเอนแผ่นหลังพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงเพราะมีเรื่องบางเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจ กำลังจะหยิบแฟ้มงานขึ้นมาตรวจเพราะช่วงบ่ายต้องเข้าไร่ ทว่าไม่ทันได้เปิดแฟ้มหน้าแรก เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น คิ้วได้รูปที่พาดเหนือดวงตาเรียวรียกขึ้นสูงอย่างแปลกใจเพราะไม่คุ้นเบอร์ที่โทร.เข้ามา แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจกดรับสาย
“สวัสดีครับ”
“จักร นิ้งเองค่ะ”
เสียงคุ้นเคยจากปลายสายที่ไม่ได้ยินมานานร่วมปีทำเอาจักรทิพย์ลมหายใจสะดุดไปชั่วขณะ ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดเสียยิ่งกว่าตอนแรก
“โทร.มามีอะไรหรือเปล่า”
“แหมจักร ทำไมเสียงแข็งขนาดนั้นล่ะคะ นิ้งคิดถึงคุณนะคะ”
มโนรมบอกเสียงอ่อนหวาน สีหน้าที่เคยเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งก่อนที่เขาจะเอ่ยเสียงเยือกเย็น
“คุณก็รู้ว่าเราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”
“จักร นิ้งขอโทษ” มโนรมเอ่ยเสียงอ่อน
“ผมไม่ติดใจอะไร”
“งั้นเราก็กลับมาคบ…”
“อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยนิ้ง แค่นี้นะผมมีงานต้องทำ”
“เดี๋ยวสิคะจักร”
จักรทิพย์ไม่คิดจะรักษามารยาทอะไรทั้งนั้น สำหรับเขาคนรักเก่าที่จบกันไม่ดีไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บเอามาใส่ใจหรือรักษาน้ำใจอะไรทั้งนั้น จบก็คือจบ และแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนที่จบความสัมพันธ์ในครั้งนี้ เป็นมโนรมเองต่างหากที่ขอยุติความสัมพันธ์
จักรทิพย์สลัดเรื่องของมโนรมออกไปจากหัว มือหนาหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิดอ่าน ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เขาดวงตกกระมัง มีแต่เรื่องเข้ามากวนใจไม่หยุดหย่อน ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตั้งใจพิจารณาเอกสารในมือ แต่น่าแปลกเรื่องที่กวนใจของจักรทิพย์กลับไม่ใช่เรื่องของคนรักเก่าอย่างมโนรมที่จู่ๆ ก็ติดต่อมา แต่เป็นเรื่องของภรรยาหมาดๆ อย่างมนตระการต่างหาก ตั้งใจอ่านเอกสารไปได้ไม่ถึงสิบนาที ภาพของมนตระการก็ลอยเข้ามาในหัวของเขา
“บ้าชะมัด”
จักรทิพย์รวบปิดแฟ้มเอกสารและสบถอย่างหัวเสีย เปลือกหนาปิดแน่นด้วยท่าทางหงุดหงิด เขาหลับตาอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ สุดท้ายก็ลืมตาขึ้นตัดสินใจลุกพรวดออกจากห้องทำงาน
“คุณจักรจะไปไหนเหรอคะ”
เบญจาที่อยู่หน้าห้องถึงกับลุกขึ้นถามด้วยความงุนงงเมื่อเจ้านายหนุ่มพรวดพราดออกมาจากห้องทำงาน ปกติจักรทิพย์จะเคลียร์งานอยู่ในสำนักงานครึ่งวัน ช่วงบ่ายจึงจะออกไปตรวจงานในไร่ แต่นี่เพิ่งจะสิบโมงกว่า เบญจาจึงอดสงสัยไม่ได้
“ผมจะแวะไปเอาของที่บ้านสักหน่อย”
“ให้พี่ไปเอาให้ไหมคะ เดี๋ยวพี่ขับมอเตอรไซค์ไปแป๊บเดียว”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเอง”
“ค่ะ แล้วเรื่องอาหารกลางวันให้พี่จัดเอาไว้ให้เหมือนเดิมไหมคะ”
ท่าทางของจักรทิพย์ดูลังเล เบญจาจึงไม่คัดค้าน หญิงสาวลอบอมยิ้มเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าจักรทิพย์อาจจะอยากกลับไปรับประทานมื้อกลางวันกับภรรยา
“เดี๋ยวพี่จัดไว้ให้เหมือนเดิมก็แล้วค่ะ แต่ถ้าคุณจักรไม่ได้กลับมากิน ก็ให้เป็นลาภปากของปกิตไปก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
รถซีอาร์วีสีขาวมุกเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านไตรลักษณ์ หากแต่คนขับอย่างจักรทิพย์ยังนั่งอยู่หลังพวงมาลัย มือหนาจับที่พวงมาลัยรถเอาไว้แน่น เจ้าตัวรู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่ได้จะกลับมาเอาของอะไรทั้งนั้น ก็แค่…แค่อยากกลับมาบ้านเฉยๆ ก็แค่นั้นเพราะไม่มีงานอะไรเร่งด่วนเสียหน่อย
ใช่ มันเป็นแบบนั้นนั่นแหละ
คิดได้แบบนั้นจักรทิพย์ก้าวลงจากรถ ร่างสูงมุ่งหน้าเข้าไปในตัวบ้าน ถึงห้องรับแขกก็สวนกับป้านุ่มที่กำลังหอบตะกร้าผ้าออกมาพอดี
“อ้าวคุณจักร ลืมของหรือคะ”
“อ่าครับ”
จักรทิพย์จำต้องรับคำอย่างเสียมิได้ ร่างสูงเดินขึ้นไปชั้นสอง ยังไม่ทันได้ถึงบันไดขั้นบนสุดเท้าหนาต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงป้านุ่มเอ่ยไล่หลัง
“ป้าลืมบอกไปเลยค่ะ คุณมนไม่อยู่นะคะ เธอออกไปดูร้านขนมค่ะ”
คิ้วหนาขมวดมุ่นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น จักรทิพย์รับคำแต่ก็ยังสาวเท้าต่อ
“ครับป้านุ่ม”
ครั้นจะหันหลังกลับเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้ลืมของ จักรทิพย์ก็เย่อหยิ่งเกินกว่าจะทำแบบนั้น ขายาวจึงก้าวขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนตามความตั้งใจเดิม สะโพกสอบหย่อนลงบนผ้าปูที่นอนที่เรียบตึง แขนแกร่งยกขึ้นกอดอก ตวัดขาไขว่ห้าง ขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ด้วยท่าทางหงุดหงิด แต่จักรทิพย์ไม่รู้ตัวว่าเขากำลังหงุดหงิดด้วยเรื่องอะไร เรื่องที่มนตระการไปไหนโดยไม่บอกกล่าวคนเป็นสามีอย่างเขาถึงเขาจะไม่ได้รักใคร่ไยดีในตัวเธอก็ตาม นั่นแหละน่าจะเป็นอย่างนั้น เขาก็แค่หงุดหงิดที่หญิงสาวไม่เห็นหัวเขา ไม่ได้หงุดหงิดเพราะกลับมาบ้านแล้วไม่เจอหน้าอีกฝ่ายเสียหน่อย
น่าจะเป็นอย่างนั้น
เมื่อในบ้านไม่มีอะไรที่ต้องให้ความสนใจอีก ร่างสูงก็ลุกจากเตียง ก้าวยาวๆ ออกจากห้องมุ่งหน้าตรงดิ่งไปชั้นล่าง ก้าวออกจากตัวบ้านได้สามสี่ก้าวก็เจอป้านุ่ม