จะเข้มแข็งได้นานแค่ไหน

1439 คำ
แม้จะรู้สึกโกรธและเกลียดผู้เป็นบิดามากแต่ริณเรณูก็ยังคงรอโทรศัพท์อยู่ตอนนี้เวลาเพราะอยากจะให้คุยกับเขาเรื่องมารดาและอยากขอร้องให้เขามาเยี่ยมมารดาสักครั้งแต่ผ่านมาสองวันแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะโทรกลับมาเลย ความหวังที่อยากให้มารดามีความสุขสักครั้งก่อนจากไปมันดูจะเป็นได้ไม่ได้อีกแล้ว เด็กสาวนั่งมองเบอร์โทรศัพท์อยู่นานก่อนจะตัดสินใจบล็อกเพราะคิดว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินในเย็นวันนั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจของคนที่เธอเคยเรียกว่าพ่อจริงๆ นับจากนี้ริณเรณูจะไม่พูดจะไม่คิดถึงเขาอีกและนับว่ายังโชคดีที่เธอไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้มารดาฟังเพราะถ้ามารดารู้ก็คงจะตั้งหน้าตั้งตารออย่างแน่นอน ตอนนี้อาการของคุณเรณูเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ เธอแทบจะไม่มีแรงคุยกับลูกสาวเลย ในแต่ละวันในทุกครั้งที่ริณเรณูไปเยี่ยมมารดาของเธอจะยิ้มให้กับลูกสาวแต่บทสนทนานั้นเริ่มสั้นลงเรื่อย ริณเรณูเองก็กำลังทำใจว่ามารดาคงจะอยู่กับเธอได้อีกไม่นาน ริณเรณูกำลังพยายามลืมเรื่องของบิดาเพราะมีสิ่งที่สำคัญสำหรับเธอมากกว่าผู้ชายคนนั้น เด็กสาวต้องให้เวลากับมารดามากที่สุด เธอไปเยี่ยมมารดาตั้งแต่เช้าก่อนไปเรียนและหลังเลิกเรียนก็รีบกลับมาหาท่านและอยู่กับท่านจนกระทั่งดึก ก่อนจะกลับมานอนที่บ้าน อันที่จริงเธอก็อยากนอนเฝ้ามารดาที่โรงพยาบาลแต่แผนกที่มารดาเธอนอนอยู่นั้นก็ไม่อนุญาตให้ญาตินอนเฝ้า เด็กสาวจึงทำได้เพียงอยู่กับท่านจนกระทั่งหมดเวลาเยี่ยม วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอเลิกเรียนแล้วก็รีบกลับไปหามารดาทันที “แม่คะ หนูสอบเสร็จแล้วนะคะ พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้วค่ะ ต่อไปนี้ช่วงกลางวันหนูจะมาอยู่กับแม่ได้ตลอดเลยนะคะ” “แล้วทำข้อสอบได้ไหมล่ะลูก” “ได้สิคะ” “ลูกสาวแม่เก่งมากๆ” “หนูคิดว่าเทอมนี้หนูน่าจะได้เกรดสี่ทุกวิชานะคะแม่” เธอพูดกับมารดาด้วยความภูมิใจเพราะเธอเป็นเด็กขยันตั้งใจเรียนและส่งงานตามกำหนดตลอด อีกทั้งคะแนนเก็บที่ผ่านมาก็อยู่ในเกณฑ์ดีเธอทำคะแนนปลายภาคอีกแค่ครึ่งเดียวเกรดสี่ก็จะมาอยู่ในมือ “หนูอยากได้อะไรเป็นของขวัญล่ะ” “หนูยังคิดไม่ออกเลยค่ะแม่” ริณเรณูอยากจะบอกมารดามากเหลือเกินว่าของขวัญที่เธออยากได้คือเวลาที่มารดาจะอยู่กับเธอไปอีกนาน แต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยตอนนี้ “เอาเป็นโทรศัพท์เครื่องใหม่ดีไหมแม่เห็นโทรศัพท์ของหนูมันเก่ามากๆ” “แต่มันยังใช้ได้อยู่เลยค่ะ แล้วโทรศัพท์ก็มีไว้แค่โทรเข้าโทรออกกับเล่นไลน์นิดหน่อยเก่าๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันค่ะจะได้ไม่ต้องระมัดระวังเวลาใช้งานมาก” “แต่แม่ว่ามันเก่ามากจริงๆ นะดูสิหน้าจอแตกลายไปหมดแล้ว หนูไปดูเครื่องใหม่มานะว่าอยากจะได้ยี่ห้ออะไรเดี๋ยวแม่จะซื้อให้เอง” “เอาไว้หนูขอคิดดูก่อนนะคะ ตอนนี้หนูยังไม่รู้ว่าอยากได้อะไร” “แม่แล้วแต่หนูเลยถ้าหนูไม่เอาโทรศัพท์อยากจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้นะลูกครั้งนี้แม่จะตามใจหนูทุกอย่าง บางทีการให้ของขวัญหนูครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้” คุณเรณูพูดขณะที่ลมหายใจของเธอนั้นหอบเหนื่อยเหมือนกับคนที่ทำงานหนักมากๆ ทั้งที่ตลอดทั้งวันเธอก็นอนอยู่บนเตียงแค่นั้น “แม่ขาอย่าพูดแบบนั้นสิคะ หนูใจคอไม่ดีเลย ตอนนี้หนูก็เรียนจบม. 4 เองนะอีกตั้งสองปีกว่าหนูจะสอบเข้าม.6 และสอบเข้ามหาวิทยาลัย หนูอยากให้แม่อยู่ให้กำลังใจหนูก่อน” “แม่ก็อยากจะอยู่ให้กำลังใจหนูนะ แต่แม่ก็รู้ตัวเองดี ไม่ว่าแม่จะอยู่ตรงนี้หรือเปล่าแต่แม่ก็จะคอยมองดูความสำเร็จของหนูอยู่ไกลๆ หนูสัญญากับแม่ได้ไหมว่าหนูจะเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน” “ค่ะแม่หนูจะตั้งใจเรียนและเป็นคุณครูให้ได้อย่างที่หนูบอกกับแม้ไว้ หนูสัญญาว่าไม่ทำให้แม่ผิดหวังค่ะ” “ดีมากจะลูก วันนี้แม่ว่าหนูกลับไปพักผ่อนได้แล้วนะพรุ่งนี้ค่อยมาหาแม่” “ได้ค่ะ แม่อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวหนูจะซื้อมาฝาก” “ไม่ต้องลำบากหรอกจ้ะพรุ่งนี้ปิดเทอมวันแรกใช่ไหม” “ใช่ค่ะแม่” “หนูตื่นสายสักหน่อยก็ได้นะไม่ต้องรีบมาตั้งแต่เช้าหรอกเพราะวันเสาร์คุณหมอเขาจะเข้ามาตรวจช่วงสายๆ” “ก็ได้ค่ะแม่ หนูจะมาให้ทันเวลาที่คุณหมอลงตรวจนะคะ” “ขี่รถกลับดีๆ นะลูกอย่าขี่เร็ว ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวกว่าก็ดูดีๆ ก่อน แม่รักหนูนะลูก” แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่เรณูก็ยังคงบอกรักลูกสาวเหมือนกันทุกวันเพราะไม่รู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะมีโอกาสได้บอกรักริณเรณูอีกไหม “ค่ะ หนูรักแม่นะคะ รักมากที่สุดเลยค่ะ” ริณเรณูกอดมารดาแล้วหอมไปที่แก้มทั้งสองข้างก่อนเดินออกมาจาก เมื่อหันหลังให้กับมารดาแล้วเด็กสาวก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่เธอร้องไห้อย่างไม่อายใคร แม้จะเดินผ่านผู้คนอีกมากมายแต่เธอก็ไม่อาจจะหยุดร้องได้ เมื่อเดินมาถึงรถจักรยานยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่ริณเรณูก็ไม่มีแรงที่จะขับออกมา หญิงสาวรู้สึกว่าวันนี้อาการของแม่มันแย่ลงกว่าทุกๆ วันการคุยกับเธอแค่ไม่กี่ประโยคแต่มารดาของเธอดูเหนื่อยกว่าทุกครั้ง พรุ่งนี้ถ้าเจอกับคุณหมอเธอจะลองปรึกษาท่านดูว่ามีทางไหนที่จะทำให้ที่จะยื้อชีวิตมารดาของเธออยู่ได้นานกว่านี้ได้หรือเปล่า ริณเรณูขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้านและอาบน้ำเข้านอนแต่ก็ยังไม่สามารถข่มตานอนได้ เธออยากปรึกษาเรื่องนี้กับใครสักคน อยากระบายความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ในหัวใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดกับใครเพราะสุนิสาเพื่อนของเธอก็มีปัญหาเรื่องที่บิดามารดาทะเลาะกันเด็กสาวจึงไม่อยากเอาปัญญาของตัวเองไปเพิ่มให้เพื่อน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับรามัญแต่ก็รู้สึกเกรงใจมากๆ เขากับเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลยแล้วเขาจะรับฟังปัญหาของเธอไหม กันขนาดคนที่เป็นพ่อยังไม่สนใจแม้แต่จะโทรมาหาหรือมาเยี่ยมเลย หญิงสาวนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์ไปหารามัญเพราะเธอไม่อาจจะทนอยู่กับความรู้สึกกลัวโดดเดี่ยวในตอนนี้ได้เลย ริณเรณูรอสายอยู่นานแต่ปลายสายก็ไม่มีก็ไม่มีคนรับ เธอวางโทรศัพท์ลงด้วยหัวใจที่อ่อนล้าเต็มที เขาเป็นคนบอกเธอเองว่ามีปัญหาให้โทรหาเขาแต่พอเธอโทรไปจริงๆ เขากลับไม่ยอมรับสาย นาฬิกาบนจอโทรศัพท์บอกเวลาสามทุ่มและเธอคิดว่าเวลานี้เขาคงยังไม่เข้านอน แต่ที่ไม่รับโทรศัพท์เธอก็อาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอ เขาไม่ผิดอะไรเพราะไม่ใช่คนในครอบครัวไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่ญาติพี่น้องที่ไหนเด็กสาวน้ำคลอเมื่อคิดว่าจากนี้ไปเธอก็คงไม่มีใครเป็นที่พึ่งอีกต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาเด็กสาวคิดว่าตนเองเข้มแข็งมาตลอดและสามารถอยู่คนเดียวได้แต่พอมาวันนี้วันที่เธอเห็นว่ามารดากำลังจะจากเธอไปจริงๆ ความเข้มแข็งมันก็ไม่หลงเหลือ ตอนนี้ริณเรณูรู้สึกอ่อนแอและกำลังต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะหาใครคนนั้นได้จากที่ไหน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม