ตอนที่ 1 เพลงรัก
สายฝนกระหน่ำตกมาเป็นสายไม่ยอมหยุด ราวกับว่าสวรรค์กำลังโกรธแค้นโลกใบนี้ สายตาหวานจ้องมองถนนแคบในสลัมที่ชื้นแฉะ ความสกปรกจากคราบน้ำเน่าที่เอ่อล้นจากท่อระบายน้ำ มันเต็มไปด้วยโคลนตมที่ส่งกลิ่นสาบฉุนติดจมูก เพลงรักหลับตาลงครั้งหนึ่งก่อนจะวิ่งออกจากเพลิงสังกะสีเล็ก ๆ หน้าปากซอย
แขนข้างหนึ่งกอดหนังสือไว้แนบอก ชุดนักศึกษาสีขาวซีดจนติดไปทางสีเหลืองอ่อน เปียกชื้นแนบเนื้อด้วยน้ำฝนที่สาดซัดมาไม่หยุด เธอเพิ่งกลับจากไปทำงานพิเศษในร้านอาหารเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไปไม่กี่ซอย อาศัยทำงานแลกค่าแรงวันละสองร้อย เพียงหวังแค่ให้พอเก็บสะสมไปจ่ายค่าเทอมในวันพรุ่งนี้
เมื่อเดินผ่านตรอกแคบ ๆ ที่คุ้นเคย หญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเตรียมใจรับสิ่งที่รออยู่ข้างใน บ้านของเธอนั้นเป็นเพียงเพิงไม้เก่า ๆ มีสังกะสีขึ้นสนิมพาดไว้เป็นหลังคาและตีรอบ ๆ ผ้าขาด ๆ ที่เธอหาได้จากกองขยะถูกเย็บติดกันแทนผ้าม่าน พื้นไม้ผุกร่อนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อเหยียบย่างเข้าไป
“อีมาลี! มึงแย่งเงินกูทำไมวะ!” เพียงแค่เพลงรักวิ่งผ่านประตูบ้านเข้ามาก็ได้ยินเสียงของพ่อเลี้ยงตะโกนลั่น เธอเห็นร่างซูบผอมดวงตาโหลของชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครารุงรัง กำลังยื้อแย่งถุงพลาสติกใสที่ดูคุ้นตากับแม่ของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
“มึงอย่ามาแตะเงินกูนะ ไอ้ทศ! เงินนี่ของกู กูจะเอาไปเข้าบ่อน!” มาลีแม้จะเสียงแหบแห้งแต่ก็ตะโกนไม่แพ้กัน แต่สิ่งที่ทำให้เพลงรักชะงักใจหวิววาบ คงไม่พ้นที่เธอนั้นเห็นชัดเจนว่าธนบัตรในซองพลาสติกนั้นมันคือเงินที่เธอเก็บไว้ใต้หมอน เงินที่สองมือเก็บทุกบาททุกสตางค์จากการล้างจานจนนิ้วลอก เดินเสิร์ฟอาหารจนขาแทบพันกัน
“นั่นมันเงินของหนู! ค่าเทอมหนูต้องไปจ่ายพรุ่งนี้นะ!” พูดเพียงแค่นั้นร่างผอมแห้งเพราะขาดสารอาหาร ได้ถลาเข้าไปพยายามคว้ามือแม่ไว้ด้วยความตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็สะบัดแขนสุดแรงแทบจะทันที
“มึงเก็บไว้ทำไมไม่บอก!? แอบซุกเงินไว้นี่หาว่ากูโง่เหรออีเพลง! อีลูกเวร!!” สิ้นสุดเสียงด่าของแม่ ก็เป็นเสียงของพ่อเลี้ยงที่ถ่มน้ำลายลงพื้น
“ถุ๊ย!! อีเด็กนี่ หัดตอแหลนะมึง! ออกไปทำงานล้างจานจะได้กี่บาทกันเชียว แต่กลับมีเงินมาแอบซุก มึงไปขายตัวมาใช่ไหม!” เธอแทบไม่เคยมีปากมีเสียงในครอบครัวนี้เลยสักครั้ง ต่อให้พวกเขาด่าทอยังไง ทุบตียังไงเธอทนได้มาตลอด แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยรู้สึกว่าพวกเขาจะดูถูกเธอมากขนาดนี้ และความอดทนที่เธอทนมาตลอด 20 ปีก็หมดลง
“แต่นี่มันเงินของหนู!” เพลงรักตะโกนกลับทั้งน้ำตาด้วยความโมโห หากเธอไม่จ่ายค่าเทอมพรุ่งนี้ อาจารย์ต้องไล่ออกจากมหาลัยแน่ ๆ เธอพยายามเกือบตายที่จะได้เข้าไปเรียนที่นั่น จะไม่ยอมมาถูกไล่ออกแบบนี้เด็ดขาด
“แม่ก็เหมือนกัน เงินนี้เป็นของหนู! หนูอุตส่าห์..”
เพี้ยะ!
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ฝ่ามือหนาของผู้เป็นแม่ได้ฟาดลงที่แก้มเธออย่างจัง จนรู้สึกได้เลยว่าใบหน้าของเธอนั้นสั่นสะท้านไปทั้งซีก
“สมน้ำหน้า! ใครใช้ให้มึงสะเออะมาขึ้นเสียงกับกู! อีลูกไม่รักดี อีสันดานต่ำ!” พ่อเลี้ยงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะใช้มือมาคว้าผมเธอแล้วกระชากไปด้านหลัง
“งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้ามึงอยากเรียนจริงก็ไปทำงานหาเงินให้มากกว่านี้” มาลีหันขวับมามองพ่อเลี้ยง ริมฝีปากยกยิ้มอย่างคนที่พึงพอใจ ดวงตาเบิกกว้างเหมือนนึกอะไรได้
“เออใช่! ให้มันไปทำงานกับอียุพิน! ได้ตังค์เยอะดี!” แต่สิ้นสุดคำพูดของคนเป็นแม่ มันกลับทำให้หัวใจของเพลงรักนั้นกระตุกวาบ ในละแวกนี้มีใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าเจ๊ยุพินคือใคร
“ไม่! หนูไม่ไป!”
“มึงไม่มีสิทธิ์เลือก! สวย ๆ แบบนี้กูว่าคืนนี้ได้เป็นสิบ!!” พ่อเลี้ยงกระชากผมเธอจนเซเข้าไปติดแผงอกของเขา มือเล็กของเพลงรักแม้จะพยายามทั้งแกะทั้งดิ้น แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดพ้นจากผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย
มือสากของคนเป็นพ่อเลี้ยงบรรจงเลื่อนไล้ไปตามแขนเรียวของเธอ แม้จะบอกว่าเพลงรักนั้นเป็นเด็กที่อยู่ในสลัม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหน้าตาและผิวพรรณของเธอนั้นดีมาก ดวงตารีที่ดูมีเสน่ห์ ปากนิด จมูกหน่อย กับผิวพรรณที่ขาวผ่องราวกับผิวพรรณของผู้ลากมากดีก็ไม่ปาน
“มึงจะทำอะไร!” แต่ยังไม่ทันที่พ่อเลี้ยงจะทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงของแม่ก็ดังขึ้นพร้อมกับใช้มือกระชากเธอเข้าไปใกล้ มีแวบหนึ่งที่เพลงรักหลงดีใจว่าแม่กำลังปกป้องเธอเอาไว้ แต่มันก็เป็นเพียงแค่พริบตาเดียว
เพราะหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันลากแขนเธอออกจากบ้าน ทั้งทั้งที่ยังมีฝนตกลงมาไม่ขาดสาย ร่างบางเปียกฝนและดิ้นรนอย่างหมดแรง เธอใช้ทุกวิธีที่จะหยุดเหตุการณ์นี้เอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นผล เธอที่ถูกทั้งสองคนกระชากได้ไถลไปกับพื้นหลายครั้ง
“มึงอย่ามาทำสำออย! ลุก!!!”