ตอนที่ 2 การันต์
ดวงตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้น เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือในห้องของโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง แสงนวล ๆ สาดผ่านผ้าม่านบาง ๆ จากริมหน้าต่าง หูของเธอยังอื้อเล็กน้อย ดวงตายังพร่ามัว จากความรู้สึกแสบร้อน
เพลงรักมองซ้าย มองขวาก่อนจะเห็นว่าข้าง ๆ เตียงนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอจ้องมองใบหน้าของเขาถึงพบว่าเขาหลับตาพริ้ม มุมปากมีรอยเหยียดยิ้มนิด ๆ แวววาวด้วยเสน่ห์แบบผู้ชายคูล ๆ
กลิ่นน้ำหอมที่ดูหรูหราจาง ๆ ลอยแตะจมูก ทำให้หัวใจของเพลงรักเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอยังคงจ้องมองใบหน้าคมคายของผู้ชายข้างเตียง กวาดสายตามองรูปทรงจมูกที่โด่งเป็นสัน ไล่สายตามองคิ้วหนาสีดำธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่ง ริมฝีปากที่น่าดึงดูดสีแดง แม้จะมีติดคล้ำเล็กน้อยแต่ก็ยังดูดีมาก ๆ
หญิงสาวพยายามขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้น แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นใจ ความรู้สึกเจ็บช้ำตามร่างกาย แล่นแปล๊บเข้ามา ทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกสุดท้ายที่จำได้คือเธอหน้ามืดก่อนจะเซออกไปกลางถนน
'นี่ฉันล้มไปชนรถเขาพังหรือเปล่าเนี่ย.. ไม่ใช่ว่าเขาอยู่รอเรียกค่าเสียหายจากเราหรอกใช่ไหมนะ'
ในขณะที่เพลงรักกำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปจ้องมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะความหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้ หรือเพราะในชีวิตนี้ของเธอยังไม่เคยเจอใครที่น่าดึงดูดเช่นเขามาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เธอมั่นใจก็คือผู้ชายคนนี้ดูดีมากจริง ๆ
“จ้องขนาดนี้ ไม่เข้ามาสิงฉันเลยล่ะ” เสียงนุ่มทุ้มชวนฝันของผู้ชายตรงหน้าดังขึ้น ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลืมตา ใช้สายตาคมกริบเหลือบมองเธอช้า ๆ แต่เพียงแค่สบตาก็ทำให้เพลงรักถึงกับชะงัก หัวใจดวงน้อยเต้นรัวราวกับรัวกลอง
“คะ.. คุณ!” เขาหันมามองใบหน้าของเธอ ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำ
“ทำไม! เห็นฉันแล้วเป็นใบ้เลย!? หรือว่าติดอ่าง!?” เธอทั้งกลัวทั้งตกใจ ก่อนจะละล่ำละลักเอ่ยขอโทษที่เสียมารยาท
“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท!” เธอพูดพร้อมกับก้มหน้าลงเพราะความเขินอาย ใบหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก แต่ด้านชายหนุ่มกลับยืนนิ่งราวกับเป็นเรื่องที่เขาชินชา ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาแล้วใช้นิ้วดีดหน้าผากเธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“โอ๊ย!” เพลงรักสะดุ้งก่อนจะปัดมือเขาออกแทบจะทันที ก่อนจะได้สติว่าทำอะไรลงไป ใจเธอก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้แต่ร่างกายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ
“คะ.. ขอโทษค่ะ ฉัน.. ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ คุณ.. คุณชื่ออะไรคะ?”
“ถามทำไม!?” แต่นอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามของเธอแล้ว การันต์กลับหันมาจ้องหน้าเพลงรักนิ่งราวกับกำลังสแกนจับผิดอะไรบางอย่าง
“ก็.. ก็คุณพาฉันมาส่งโรงพยาบาล แค่อยากขอบคุณเฉย ๆ ค่ะ ถ้าคุณไม่สะดวกไม่เป็นอะไร” เพลงรักรีบพูดเพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิด ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่เขามองมาแบบนั้น แต่อีกใจหนึ่งกลับมีความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น
“หึ!! งั้นเหรอ” เขาตอบออกมาเสียงเย็น ๆ ก่อนจะดันตัวเองไปพิงเก้าอี้นั่งตัวตรงแล้วยกแขนขึ้นมากอดอก และเป็นเหมือนบทสนทนาที่ถูกตัดขาด เพราะเพลงรักเองก็ไม่รู้ว่าในเวลานี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
“การันต์” แต่ผ่านไปเพียงไม่ถึง 5 นาทีที่ทั้งสองคนนั่งเงียบอยู่ในห้อง ก็เป็นชายหนุ่มตรงหน้าที่เอ่ยปากขึ้นมาดื้อ ๆ เพลงรักหันไปมองหน้าเขาทันที ก็เห็นว่าเขานั้นจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว
“แล้วคุณ.. เอ่อ.. คุณเป็นใครคะ” เธอถามต่อด้วยเสียงสั่น ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะหล่อมาก แต่ดูเหมือนคำพูดและสายตาของเขาจะไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
“คนที่เธอวิ่งมาตัดหน้ารถไง” การันต์พูดออกมาแทบจะทันทีที่เธอถามจบ น้ำเสียงของเขาแฝงความรำคาญอย่างปิดไม่มิด
“อยากตายหรือไง! วิ่งออกมาไม่ดูตาม้าตาเรือ!”
“หนู.. หนูไม่ได้ตั้งใจวิ่งออกไป และก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุด้วย ขอโทษนะคะ”
“หึ!! ไม่ได้ตั้งใจจริงเหรอ ไม่ใช่ว่าวิ่งมาตัดหน้าเพื่อจะเรียกร้องค่าเสียหายหรอกเหรอ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยแรงกดดัน เพราะสายตาของเขานั้นจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเพลงรักไม่กะพริบ
“ฟื้นแล้วเหรอ” แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไร ประตูหน้าห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก พร้อมกับร่างของผู้ชายที่หล่อเหลาไม่แพ้คนตรงหน้าเอ่ยถามอย่างคนที่ดีใจ
สองเท้าของชายหนุ่มผู้นั้นก้าวเข้ามาใกล้เตียงของเธอ พร้อมกับฉีกยิ้มมาให้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย และนั่นจึงทำให้เพลงรักเผลอยิ้มตอบอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นยังไงบ้าง คุณรู้สึกดีขึ้นไหม?” นอกจากใบหน้าของเขาที่ดูใจดีแล้ว ความรู้สึกของเธอเวลาที่ได้ฟังน้ำเสียงนี้กลับรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันไม่ถึง 1 นาที จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากกว่าคนที่อยู่กับเธอมาครึ่งชีวิตเสียอีก
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทั้งคุณที่ดูใจดีและคุณ..” ในตอนที่เอ่ยขอบคุณสายตาของเพลงรักเหลือบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียงเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะดูไม่ได้สนใจอะไรเธอสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเพลงรักแล้วกลับรู้สึกเกร็งไม่น้อย
“เอ่อ.. ขอบคุณคุณการันต์ด้วยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ตอนนี้หนูรู้สึกโอเคขึ้นมากแล้ว ถ้าคุณมีธุระสามารถกลับก่อนได้เลยนะคะ หนูไม่เป็นไร”
“ราเชนทร์” เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ท่าทางใจดีด้วยสีหน้าฉงน ก่อนจะถึงบางอ้อแล้วพยักหน้าตอบด้วยความเข้าใจ
“เพลงรักค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เกิดในตระกูลที่ดี แต่ก็พอรู้เรื่องมารยาทอยู่บ้าง หากมีใครเอ่ยชื่อของเขาให้เรารู้จัก เราก็ควรเอ่ยชื่อของเราตอบเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
“เธอแน่ใจเหรอ?” แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันมากกว่านั้น เสียงของการันต์ก็ดังขึ้นแบบเย็นยะเยือก
“ก็ดี! ถ้าเธอจะให้เรากลับก็ได้แล้วก็รักษาตัวเองให้มันดี ๆ อย่าเที่ยวไปวิ่งชนรถใครอีก มันเสียเวลาคนอื่นเขา” การันต์พ่นคำพูดออกมายาวเหยียด ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทันทีที่เพลงรักเห็นความสูงของเขาก็ต้องตกใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายที่สูงเท่าเขามาก่อน
“ว่าไง! แน่ใจใช่ไหม” และไม่รู้ว่าเพราะเธอจ้องเขานานเกินไปหรือเปล่า ถึงทำให้ผู้ชายตรงหน้าดีดหน้าผากเธอเพื่อเรียกสติอีกครั้งแล้วถามย้ำ
“ค่ะ.. แน่ใจค่ะ เอ่อ..” แต่ก็เหมือนเพิ่งนึกอะไรออก เธอตอบแบบอ้ำอึ้งก่อนจะกวาดสายตามองในห้องพักไข้นี้ช้า ๆ ก่อนจะหันมาสบตากับชายหนุ่มอีกครั้ง
“เอ่อ.. โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลอะไรเหรอคะ” สิ่งที่เธอลืมไปเสียสนิทก็คือตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอนั้นไม่มีอะไรเลย ในตอนที่เธอวิ่งหนีพ่อเลี้ยงกับแม่แม้แต่กระเป๋าก็ไม่ได้หยิบมา แต่ถึงหยิบมาก็คงใช้อะไรไม่ได้เพราะในกระเป๋านั้นไม่เหลือเงินเลยสักบาท
“ไม่ต้องกังวล ฉันเลือกโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เลือกหมอชั้นนำมาตรวจให้เธอด้วย อาการนี้นอนพักที่นี่ 1 คืนก็พอ”
“ค่ารักษาพยาบาล.. เท่าไหร่คะ” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ในตอนที่เขาบอกว่าเลือกโรงพยาบาลที่ดีที่สุด หรือแม้กระทั่งแค่ตรวจอาการยังเลือกหมอชั้นนำ ถ้าเป็นอย่างที่เธอคิดนี่ไม่ใช่ว่าเขากำลังขุดหลุมฝั่งเธอไว้ที่นี่เหรอ
“ค่าแอดมิดที่นี่คืนละ 50,000 บาท” การันต์มองหน้าเพลงรักและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
“ห้าหมื่น!!!” ทันทีที่ได้ยินตัวเลข เธอก็ตกใจพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยใบหน้าเหลอหลา มั่นใจได้เลยว่านาทีนี้สีหน้าของเธอคงซีดกว่าเดิมแน่
และทันทีที่ได้สติมือเล็ก็ยกขึ้นมาเตรียมถอดสายน้ำเกลือแทบจะทันที เพราะมั่นใจได้เลยว่าเธอไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษาพยาบาลแน่ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถอดสายน้ำเกลือออกการันต์ที่ไวกว่าเอื้อมมากระชากแขนเธอเอาไว้
“ตลกสิ้นดี! เธอคิดว่าแค่ถอดมันออกแล้ววิ่งหนีไปเขาจะไม่คิดเงินเหรอ?”
“แต่ว่าแพงขนาดนั้น หนูไม่มีปัญญาจ่ายหรอก”
“ไม่มีเงินก็อยู่นิ่ง ๆ”