เด็กฝึกของน้าภพตอนนี้แทบจะกลายเป็นแฝดของน้าภพไปแล้วไม่ว่าเขาจะไปไหนก็จะพาเธอไปด้วยทุกที่ ด้วยเหตุผลคืออยากให้เธอเรียนรู้งานให้มาก เวลาขับรถไปไหนก็มักจะสอนเธอไปว่าทางแบบนี้ ถนนแบบนี้ สภาพการจราจรแบบนี้ ควรขับรถแบบไหนใช้เกียร์แบบไหน ตอนนี้หญิงสาวขับได้ทั้งรถเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
“น้าภพ คิดว่าหนูจะทำได้ไหมคะ” ญารินดาวันนี้ญารินดาต้องมาสอบใบขับขี่หลังจากฝึกมาจนมั่นใจและอ่านข้อสอบไปเป็นสิบรอบ
“ได้สิครับ มั่นใจหน่อยอย่าทำหน้าแบบนั้น”
“ถ้าวันนี้ไม่ผ่าน ครั้งหน้าน้าภพจะมากับหนูอีกไหมคะ”
“ไม่” ภีมภพปฏิเสธ
“น้าภพอะ ใจร้าย”
“ก็น้ารู้ว่ายังไงวันนี้กอหญ้าก็ต้องทำได้”
“หนูจะพยายามค่ะ จากนี้หนูขอเป็นคนพาแม่ไปซื้อของมาทำอาหารนะคะ”
“ได้สิ กอหญ้าจะยืมรถน้าพาแม่ไหนก็ได้ น้าอนุญาต” เพราะเป็นคนเธอเองเขาจึงมั่นใจว่าญารินดาจจะขับรถได้ดีและมีสติ
“แบบนี้หนูสู้ตายเลยค่ะ”
อาหารบนโต๊ะเย็นนี้มากกว่าทุกวันเพราะภีมภพอยากฉลองให้กับญารินดาที่สอบใบขับขี่ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก
“กอหญ้า น้ามีความลับจะบอก”
“ความลับอะไรคะน้าพร”
“เรื่องสอบใบขับขี่ น้าขอชื่นชมเลยว่ากอหญ้าเก่งมากที่สอบผ่านได้ในครั้งแรก หนูรู้ไหมมีใครบางคนแถวนี้ สอบข้อเขียนไม่ผ่าน 3 รอบ”
“อะไรนะคะ ข้อเขียนง่ายจะตาย ก่อนสอบเขาก็อบรมตั้งหลายชั่วโมงนะคะ”
“น้าก็ว่าอย่างนั้น ไม่รู้ทำไมน้าภพถึงสอบไม่ผ่านก็ไม่รู้ กอหญ้าลองถามดูสิว่าทำไม”
“น้าภพสอบไม่ผ่านเหรอคะ” หญิงสาวหัวเราะเพราะไม่คิดว่าคนที่สอนเธอมาตลอด 1 เดือนนั้นสอบครั้งแรกไม่ผ่าน
“ถ้าจะเอาจริงก็คงผ่านตั้งแต่ครั้งแรก แต่ตอนนั้นน้าจีบคนคุมสอบไงเลยต้องสอบหลายรอบ” ภีมภพรีบแก้ตัว
“อ๋อ ติดหญิงนี่เอง ผู้หญิงคนนั้นสวยไหมคะ”
“สวยสิกอหญ้า สวยมาก” เพียงพรเป็นคนตอบแล้วเธอก็หัวเราะ
“แล้วได้เป็นแฟนไหมคะน้าภพ”
“ได้สิ ได้เป็นแฟนเพื่อนน้านะ ไอ้คนที่มันพาน้าไปสอบนั่นแหละคิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย”
“น่าสงสารนะคะ น้าภพออกจะหล่อแล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่ชอบ”
“กอหญ้า หล่ออย่างเดียวมันไม่ช่วยอะไรกอหญ้า เพื่อน้าภพอาจหล่อไม่เท่า แต่พูดจาไพเราะ ช่างเอาใจ ส่วนน้าภพน่ะเหรอ เทียวไปหา ไปเฝ้า แต่ไม่พูดอะไร อยากให้ผู้หญิงรู้เอง สุดท้ายก็เลยแห้ว” เพียงพรเล่าไปก็ขำไป
“นั่นไง หนูว่าแล้ว น้าภพคะ ผู้หญิงไม่ได้เป็นหมอดูนะคะ จะได้รู้ว่าใครคิดยังไงกับตัวเอง ถ้าน้าภพชอบก็ต้องบอก เอาอย่างนี้นะคะ ถ้าจากนี้จะจีบผู้หญิงคนไหน ให้มาบอกหนู เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง”
“แก่แดดใหญ่แล้วนะกอหญ้า” วาสนาปรามลูกสาวที่ตอนนี้แทบจะพูดกับภีมภพเหมือนคนวัยเดียวกันไปทุกที
“แม่คะ หนูก็แค่อยากช่วย”
“น้าว่าดีเหมือนกันนะคะกอหญ้า ถ้าน้าภพมีแฟน น้าก็คงสบายขึ้น จะได้มีคนมาช่วยทำงาน”
“ผมยังไม่คิดเรื่องนั้นเลยพี่พร ตอนนี้อยากทำงานเก็บเงินไปก่อน เดี๋ยวแก่แล้วไม่มีแรง”
“ไม่ต้องห่วงนะคะถ้าน้าพรกับน้าภพแก่ หนูจะดูแลเอง”
“ได้ยินอย่างนี้น้าชื่นใจเลยกอหญ้า” เพียงพรรู้สึกว่าเธอมองคนไม่ผิดเลยจริงๆ
“แล้วกอหญ้าจะไหวหรือเปล่า ดูแลพวกเราทั้งสามคน” วาสนาถามลูกสาวอย่างเอ็นดู
“ไหวอยู่แล้วค่ะแม่”
ผู้ใหญ่ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้วยิ้มความสดใสของญารินดาทำให้บรรยากาศของบ้านดูสดชื่นขึ้นกว่าเดิมมาก
ช่วงก่อนเปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่ญารินดามีความสุขที่สุด พอถึงเวลาที่ต้องไปเรียนเลยอิดออด เพราะอยากอยู่ช่วยงานมากกว่า
“กอหญ้าต้องดูแลตัวเองนะลูก ห้ามอดข้าว ห้ามนอนดึก แล้วอย่าลืมโทรหาแม่กับน้าพรด้วยนะกอหญ้า”
“ค่ะแม่ แม่กับน้าพรก็ต้องดูแลตัวเองนะคะ ถ้าหยุดเสาร์อาทิตย์ หนูรีบกลับนะคะแม่”
“จ้ะลูก”
วาสนา เพียงพร รวมถึงภีมภพมาส่งญารินดาตั้งแต่เช้า จากนั้นก็ช่วยจัดของ พอบ่ายก็ไปซื้อของที่จำเป็นเพิ่มเติม ก่อนจะทานอาหารเย็นกันที่ร้านใกล้ๆ กับหอพัก
“น้าภพห้ามขับรถเร็วนะคะ” เพราะเกือบสามเดือนที่ผ่านมาญารินดามักจะไปไหนมาไหนกับภีมภพเกือบจะตลอดเลยรู้ว่าชายหนุ่มนั้นขับรถค่อนข้างจะเร็ว
“ไม่เร็วหรอกกอหญ้า น้าขับตามกฎหมายกำหนด ไม่เคยโดนใบสั่งสักที”
“ก็น้าภพรู้ว่าตรงไหนมีกล้อง” หญิงสาวรู้ทัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกกอหญ้า น้าจะช่วยปรามให้เอง” เพียงพรก็รู้เรื่องการขับรถของน้องชายเป็นอย่างดี
สัปดาห์แรกที่มาเรียนญารินดารู้สึกว่าการเรียนระดับมหาวิทยาลัยนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มันต่างจากเดิมมาก เธอต้องรับผิดชอบทั้งการเรียนและการใช้ชีวิต และต้องบาลานซ์ทุกอย่างให้ลงตัว จากที่คิดจะกลับบ้านช่วงสุดสัปดาห์ก็ทำไม่ได้
“น้าวาสครับ กอหญ้าบอกหรือเปล่าว่าจะให้ไปรีบกี่โมง” ภีมภพรอสายจากญารินดาตั้งแต่เย็นวันศุกร์จนถึงเช้าวันเสาร์ หญิงสาวก็ยังไม่โทรมาสักที
“กอหญ้าโทรมาบอกน้าเมื่อวานแล้วค่ะคุณภพ ที่มหาลัยมีกิจกรรมรับน้องเลยไม่ได้กลับบ้าน”
“อ๋อ ครับ” ภีมภพพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังรู้สึกห่วงคนที่เคยอยู่ข้างกายมาตลอดสามเดือน
ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วที่ญารินดาไม่กลับบ้านเพราะทั้งเรียนทั้งกิจกรรม วาสนาพยายามเข้าใจลูกสาวเพราะทุกวันลูกสาวจะโทรศัพท์มารายงานตลอดว่าในแต่ละวันทำอะไรบ้าง คนเป็นแม่ก็เลยไม่ห่วงมากเท่าไหร่
แต่คนที่เดือดร้อนที่สุดก็คงจะเป็นภีมภพ เพราะเมื่อไม่มีเธออยู่ชีวิตของเขาก็ไม่สดใสอย่างเคย ชายหนุ่มกลายเป็นคนเก็บตัวและพูดน้อย ไม่ค่อยมีลูกน้องคนไหนอยากเข้าใกล้เพาะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเจ้านาย พอทำงานเสร็จทุกคนก็พากันหายหัวไปไหม
วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของร้าน ถ้าเป็นแต่ก่อนเขากับลูกน้องก็พากันมานั่งเล่น คุยเล่น และมาดูหนังที่บ้านของชายหนุ่ม แต่วันนี้มีเพียงเขาคนเดียวที่นั่งเหงา พี่สาวกับน้าวาสก็พากันไปทำบุญที่วัดใกล้หมู่บ้านตั้งแต่เช้า
“กอหญ้านะ กอหญ้า ไหนว่าจะกลับบ้านทุกอาทิตย์” ภีมภพดูรูปถ่ายของหญิงสาวที่แอบถ่ายไว้แล้วก็ยิ่งหงุดหงิด
“กรุงเทพ สุพรรณ ใกล้นิดเดียว” เมื่อคิดได้ชายหนุ่มก็รีบขับรถออกจากบ้านหลังเล็กไปโดยเร็ว
ภีมภพนั่งอยู่บนรถที่จอดอยู่หน้าหอพัก กำลังพยายามคิดหาคำคำพูดว่าจะบอกกับเธอยังไงที่อยู่ ๆ ก็มาหาเธอถึงนี้
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
เสียงเคาะกระจกทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว
“น้าภพ” เสียงที่คุ้นเคยส่งผลให้คนตัวโตยิ้มกว้าง
“กอหญ้า”
“น้าภพมาทำอะไรที่นี่คะ มาหาหนูหรือเปล่าคะ แล้วแม่กับน้าพรมาไหม”
“น้ามาคนเดียวพอดีมาทำธุระเลยแวะมาหา แม่กับน้าพรไปทำบุญที่วัด”
“หนูขอโทษนะคะ ไม่ได้กลับบ้านอย่างที่บอกไว้แต่แรก” หญิงสาวรู้สึกผิดที่ทำตามคำพูดไม่ได้
“ไม่เป็นไร แล้วตอนนี้ปรับตัวได้หรือยัง”
“ก็พยายามอยู่ค่ะ ช่วงนี้กิจกรรมเยอะเลยไม่มีเวลากลับบ้านเลย”
“น้าพอเข้าใจ” เขาเองก็เคยผ่านช่วงเวลานี้มาก่อนเลยเข้าใจเธอมากกว่าใคร
“น้าภพขึ้นไปบนห้องก่อนไหมคะ กินข้าวมาหรือยังคะ”
“ยังเลย ว่าจะให้กอหญ้าพาไปกิน”
“ได้เลยค่ะ ขอเอาหนังสือไปเก็บก่อนนะคะ น้าภพขับรถมาเหนื่อยๆ ไปล้างหน้าก่อนไหม”
“น้าขึ้นไปได้เหรอครับ”
“ได้สิคะ น้าภพเป็นผู้ปกครองของหนู เจ้าของหอไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”
ชายหนุ่มฟังแล้วแทบสะอึกกับคำว่าผู้ปกครอง เพราะคำนั้นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรู้สึกกับเธอเป็นอื่นไปได้เลย