คฤหาสน์หลังใหญ่
สองพ่อลูกอาศัยอยู่ท่ามกลางบรรยากาศหน่วงซึม ผู้เป็นพ่อหลังจากสูญเสียภรรยาไปก็มักจะซื้อผู้หญิงมาบำเรอเสมอ ทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนที่แม่จะสิ้นใจพ่อเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงาน หรือมีผู้หญิงคนใหม่อย่างเด็ดขาด
"เอากะหรี่มาอีกแล้วเหรอ สักวันคงได้ไปพระบาทน้ำพุแน่" เสียงกระแนะกระแหนของลูกชายดังขึ้นเมื่อเดินลงมาจากบันไดก็เห็นพ่อกำลังนัวเนียกับสาวขายบริการที่จ้างมา
"พูดจาระวังปากหน่อยไอ้ลีวาย! แกมีหน้าที่เรียนหนังสือก็เรียนไป อย่ายุ่งเรื่องของฉัน"
"ใครจะสบายเท่าพ่อคงไม่มีอีกแล้วมั้ง ร่ำรวยใช้เงินซื้อเอาผู้หญิงไม่ซ้ำ ขยะแขยง!!"
"ไอ้ลูกเลว! นี่ฉันเป็นพ่อแกนะ!"
"รู้แล้วไม่ต้องย้ำ"
ลีวาย กระแทกกระทั้นน้ำเสียงทิ้งท้าย จากนั้นก็เดินเลี่ยงออกไป โดยไม่ได้สนใจถ้อยคำด่าทอตามหลังของพ่อเลย สองพ่อลูกมีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน คืออารมณ์ร้อนพูดจารุนแรง ไม่เคยนึกถึงจิตใจของคนฟัง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างลีวายกลับมีดวงตาที่แฝงไปด้วยความร้อนแรงเหมือนพ่อราวกับพิมพ์เอกสารก็อปปี้
ลีวาย ชายหนุ่มวัยคึกคะนอง อายุยี่สิบสามปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง สูง 186 ผิวขาวแดงหุ่นห้างดี เจ้าชู้ ปากร้าย เอาแต่ใจมาก อารมณ์ร้อนเกินกว่าปกติ
ซ่องเจ๊ลี
"ที่ฉันเคยบอกพิมพาไปละสรุปว่ายังไง" น้ำเสียงอ่อนโยนของชายวัยชราเอ่ยถามกับพิมพา
"ยังไม่ได้คุยกับลูกสาวเลยค่ะคุณท่าน"
"ลูกสาวพิมพาโตขึ้นทุกวันแถมยิ่งโตยิ่งสวยมาอยู่ในที่แบบนี้จะดีเหรอ...คนอื่นเขาจะมองยังไง"
"ดิฉันเข้าใจที่ท่านพูดนะคะ"
พิมพารู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงโดยไร้เจตนาแอบแฝง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะหาวิธีบอกลูกยังไงให้เข้าใจ คุณท่านคือผู้ที่มีพระคุณ รู้จักกันผ่านเพื่อนโสเภณี แต่นึกว่าเขาจะมาใช้บริการอย่างว่า กลายเป็นว่าเขาเพียงมาหาเพื่อให้บีบนวดเสมอ
เวลาหนึ่งทุ่มตรง
หลังคุยธุระเสร็จชายชราก็กลับไป โมบายแอบดักรอแม่ก่อนจะเอ่ยแซว "คุณลุงมาหาแม่บ่อยมากๆ เขาชอบแม่หรือเปล่าคะเนี่ย อิอิ"
"ไม่หรอกเขาแค่เหงามาหาเพื่อนคุย"
"แต่เขาให้เงินแม่เยอะตลอดเลยเป็นหมื่น"
"ก็เขาร่ำรวยมาก"
"เหลือกินเหลือใช้ว่างั้น"
ทุกครั้งที่ชายคนนั้นมาเขามักจะให้เงินแม่ตลอด แถมไม่ใช่จำนวนน้อยๆ จึงทำให้โมบายเกิดความสงสัย อีกทั้งยังสุภาพอ่อนโยนแตกต่างกับแขกที่มาใช้บริการทั่วไป
"โมบายเราไปอยู่ที่อื่นกันไหม?" ทำใจอยู่นานในที่สุดแม่ก็เอ่ยถามลูกสาวออกไป "ไปใช้ชีวิตใหม่"
"ทำไมเหรอแม่ หรือใครรังแกแม่บอกหนู!"
"โมบายโตเป็นสาวขึ้นทุกวัน อยู่ในสถานที่แบบนี้มันไม่ดี ใครๆ จะมองยังไง"
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิมพารู้ดีว่าลูกสาวต้องถูกผู้คนรังเกียจเพราะมีแม่ทำอาชีพขายตัว ไหนจะสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ ทำให้โมบายถูกมองไม่ดีทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
"หนูไม่อายนิแม่ ช่างคนอื่นสิ!"
"เพื่อความสบายใจของแม่เราจะไปอยู่ที่อื่น"
"แม่ไม่ต้องทำอะไรเพื่อหนูขนาดนั้น"
"โมบาย..ถือว่าแม่ขอนะ"
ถึงอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็ทนดูไม่ได้หากลูกสาวเพียงคนเดียวจะต้องถูกผู้คนตัดสินทั้งที่โมบายนั้นเป็นเด็กดีมาโดยตลอด พิมพาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะอธิบายจนลูกเข้าใจ และสุดท้ายทั้งคู่ก็ตกลงย้ายออกจากที่นี่
วันต่อมา
พลบค่ำ
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทางโดยมีเจ๊ลีกับกะเพรามายืนรอส่งเพราะทั้งคู่รู้จักสนิทกันมากที่สุด
"ไปดีนะอีพิมพา แวะมาเยี่ยมข้าบ้าง" เจ๊ลีร่ำลาด้วยความใจหาย เธอเองก็รักพิมพาเหมือนน้องสาวมาตลอด ไม่เคยบังคับขู่เข็ญใจ
"ขอบคุณน้ำใจพี่มากที่ช่วยฉันกับลูก"
"กูก็เห็นมึงเป็นน้องสาวคนหนึ่ง อีกอย่างไปได้ดีกูก็ดีใจด้วย ชีวิตมึงจะได้พ้นจากที่นี่"
"พี่ดูแลตัวเองด้วยนะจ๊ะ"
"ไปดีมาดีนะพิมพา"
ด้านหน้าซ่อง
"ฮือออ~ โมบาย ไปแล้วเราจะอยู่กับใคร" เสียงสะอึกสะอื้นของกะเพราร้องดังลั่น ก่อนจะโผเข้ากอดเพื่อนสนิทที่กำลังจะจากกันไปไกล
"เราจะโทรหากันทุกวันสัญญานะ ตกลงไหม โอ๋ๆ ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวมาเยี่ยม"
"ห้ามลืมกันเด็ดขาด!"
"ใครจะลืมเพื่อนรักได้"
"โมบาย~ฮึกกกก"
โมบายพยายามข่มน้ำตาไว้พลางกอดตอบกะเพรา เธอเองก็รู้สึกเสียใจเพราะทั้งชีวิตมีเพียงแคกะเพราที่เป็นเพื่อน
แต่สุดท้ายก็ถึงเวลาต้องจาก
แยกย้ายกันไปเติบโต