“อ๊า...ลึกมากเลย เบาๆ หน่อยสิคะคุณ อ๊ะ...อ๊า”
“ผมดีใจนะที่คุณชอบ....”
ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!
“อ๊า....ภาสอย่าแกล้งสิคะ” ร่างบางโยกคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้นจากทางด้านหลัง ฝ่ามือนุ่มนิ่มของนิรมลดันหน้าท้องแกร่งของภารสกรที่กำลังร่อนเอวสอบใส่เธอ ราวกับกำลังกลั่นแกล้งให้ปุ่มกระสันเสียวสะท้าน จนแทบจะแตะขอบสวรรค์อยู่รำไร
“ซี้ด...เสียงคุณมันยั่วอารมณ์ผมมากเลยครับคุณมล” ภาสกรเอ่ยออกมาอย่างเอาใจ ในขณะที่ช่วงล่างของเขาก็กระหน่ำแทงสวนเข้าใส่ส่วนบอบบางของแม่ม่ายสาวจากทางด้านหลังอย่างดุเดือด เล่นเอาสะโพกมนที่กำลังแอ่นรับความแข็งขืนสั่นสะเทือนทุกครั้งที่เขาสะบัดความใหญ่โตเข้าใส่ ช่วงล่างก็ตอดรัดแก่นกายใหญ่โตเอาไว้จนคับแน่นทั้งดุ้น
“อ๊ะ...อ๊า...เสียวมากที่รัก...อ๊า..”
“ครางแบบนี้ถ้าคุณลงจากเตียงไม่ได้ อย่าโทษผมนะครับ” ภาสกรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่า ริมฝีปากหนาถูกโน้มลงขบเม้มบนแผ่นหลังขาวเนียน ราวกับจะกลืนกินเจ้าของเรือนร่างอรชรลงไปทั้งตัว
แม้ว่านิรมลจะได้ชื่อว่าเป็นแม่ม่ายผัวตายในวัยสี่สิบห้าปีก็ตามแต่ ทว่าความเผ็ดร้อนเรื่องบนเตียงของเธอถือว่าไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าสาววัยยี่สิบต้นๆ เลยสักนิด
“อ๊า...คุณภาส...”
ปัง!!
แต่กิจกรรมเริงรักอันเร่าร้อนของทั้งสองกลับต้องหยุดลงกะทันหัน เมื่อจู่ๆ ประตูห้องนอนลายเวอซาเช่สุดหรู ก็ถูกถีบจากด้านนอก บานประตูเปิดอ้าออกกว้างฟาดกระทบเข้ากับผนังห้องเสียงดังปัง!
เผยให้เห็นลูกสาวคนเดียวของนิรมล ยืนหอบหายใจอยู่ตรงกรอบประตู นัยน์ตากลมโตของเธอจับจ้องไปทางทั้งคู่ด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ
“แม่!!”
“อึก! มะ...มิรา!”
ภาสกรดึงท่อนเอ็นแข็งขืนที่กำลังถูกช่องทางรักของนิรมลบีบรัดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมสีขาวขึ้นมาสวมใส่ลวกๆ รวมถึงนิรมลเองก็เช่นกัน เธอรับเสื้อคลุมที่ภาสกรยื่นให้ขึ้นมาสวมลงทับร่างอรชรเปลือยเปล่าของเธออย่างเงอะงะ
“แม่เอาไอ้แมงดานี่เข้ามากกที่บ้านของเราอีกแล้วเหรอ แม่ก็รู้ว่าหนูไม่ชอบมัน!” นิ้วชี้เรียวของมิราชี้ไปที่ภาสกรอย่างเอาเรื่อง แวบหนึ่งเธอเห็นมันทำหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่เธอ ก่อนที่มันจะเดินไปช่วยนิรมลผูกเชือกเสื้อคลุมให้เรียบร้อย
ไม่เคยคิดเลยว่าเธอในวัยยี่สิบปีจะต้องมาพบเจอเรื่องบัดสีของแม่ตัวเองที่ทำขึ้นแบบไม่อายฟ้าดิน
“แม่บอกแกแล้วไง ว่าภาสกับแม่เราตกลงคบหากันแล้ว เมื่อไหร่แกจะเข้าใจเรื่องนี้สักที” นิรมลเอ่ยออกมาด้วยท่าทางอ่อนใจ ผิดจากมิราลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอที่เกรี้ยวกราดใส่ทั้งคู่ไม่มีแม้แต่ความยำเกรงให้กับแม่ของตัวเอง
“แม่ไม่รู้จริงๆ เหรอคะ ว่าผู้ชายคนนี้มันเป็นแมงดา” นิ้วชี้เรียวของมิราชี้ไปทางภาสกรอย่างเอาเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าแม่ของเธอจะหลงในคารมของผู้ชายที่พึ่งเจอกันได้ไม่นาน ถึงขั้นพาเข้ามาอยู่ในบ้านแถมยังยกหุ้นในบริษัทให้มันถืออีก
“หยุดก้าวร้าวคุณภาสกรเดี๋ยวนี้นะมิรา นี่แกชักจะเอาใหญ่แล้วนะ” นิรมลเริ่มขึ้นเสียง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มเสียงดังและแสดงความก้าวร้าวใส่ภาสกร ซึ่งเธอตกลงคบหากันกับเขาได้เดือนเศษแล้ว
“ใจเย็นๆ สิคุณ มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกับลูก แกยังเด็ก” มือหนาของภาสกรกุมลงที่หัวไหล่ของนิรมล พร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ตรงกันข้ามกับสายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่กำลังทอดมองไปยังมิราลูกสาวคนสวยของนิรมลหัวจรดท้าย ซึ่งมันจ้องจะเคลมเธออยู่ตลอดเวลา
“เสือก! ฉันจะคุยกับแม่ฉัน ส่วนแกไสหัวออกไปจากบ้านฉันเลยนะ ออกไป!” มิราตวาดใส่ภาสกรเสียงดังลั่น เธอหันซ้ายหันขวา สายตาจะปะทะเข้ากับแจกันราคาแพงที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งในห้องนอนของผู้เป็นแม่
“หยุดนะมิรา!”
เพล้ง!
“กรี๊ด!!”
“ระวังครับคุณนิรมล! โอ๊ย!”
แจกันของหายากที่สะสมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ถูกยกขึ้นเหนือศีรษะและจับทุ่มลงพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ แทบเท้าภาสกรที่แสดงบทพระเอก เข้าเอาตัวมาบังเศษแจกันไม่ให้กระเด็นไปถูกนิรมล
“ภาสกร คุณเจ็บตรงไหนบ้าง” นิรมลรีบผลุนผลันย่อตัวลงดูแผลที่เท้าของภาสกรที่ถูกเศษแจกันบาด
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณมลไม่เป็นไรใช่มั้ย”
มิรายืนกำหมัดแน่นหอบหายใจออกมาอย่างโมโห จับจ้องไปที่ผู้เป็นแม่กับภาสกรด้วยความโกรธเกรี้ยว ยิ่งเธอเห็นภาพอ้อล้อของทั้งสองคนตรงหน้า เธอยิ่งอยากเข้าไปฉีกร่างกายมันออกเป็นชิ้นๆ
เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเมื่อผู้เป็นแม่พาผู้ชายที่คบหาดูใจกันได้เพียงหนึ่งเดือนเศษ เข้ามาอยู่ภายในบ้าน
ซึ่งใครๆ ก็ดูออกว่าภาสกรไม่ใช่คนดีเด่นอะไร กลับมีลักษณะไม่ต่างจากพวกแมงดาที่คอยปอกลอกพวกผู้ดีมีเงินก็เท่านั้น
“ออกไปจากบ้านฉัน! ฉันบอกให้ออกไป!” เสียงตวาดดังลั่นอีกครั้ง ไล่ไม่ไล่เปล่า มิราหันซ้ายหันขวา ตรงดิ่งไปทางแจกันหายากราคาแพงอีกอัน ที่วางโชว์อยู่บริเวณห้องนอนหรูของผู้เป็นแม่ ก่อนจะยกมันขึ้นเตรียมทุ่มเข้าใส่ภาสกรให้เศษแจกันทิ่มแทงมันให้ตายลงต่อหน้า
“หยุดนะมิรา! ฉันบอกให้แกหยุด!” นิรมลตรงดิ่งเข้าไปยื้อยุดแจกันขนาดเขื่องกับมิรา เพื่อห้ามการกระทำของลูกสาวที่กำลังอาละวาดอยู่ขณะนี้
“ถอยออกไปค่ะคุณแม่!! หนูจะฆ่ามัน!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
เพี้ยะ!
ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งลงทันที เมื่อฝ่ามือนุ่มนิ่มของนิรมลสะบัดฟาดลงบนแก้มนวลของมิรา จนเธอใบหน้าสวยใสของเธอหันไปตามแรงตบ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงรสฝาดและกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในโพรงปากเล็ก มิราจ้องเขม็งไปทางภาสกรก่อนจะทุ่มแจกันที่อยู่ในมือลงบนพื้นอย่างสุดแรง จนเศษของแจกันกระจายไปทั่วพื้น
เพล้ง!
“มะ...แม่...” มือเล็กยกขึ้นสัมผัสที่แก้มขวาของตัวเองด้วยความสั่นเทา มิรามองไปที่แม่ของเธอด้วยแววตาสั่นระริก พยายามสกัดก้อนจะอื้นไม่ให้มันเล็ดออกมา เพราะเธอรู้ดีว่าภาสกรรอเย้ยหยันเธออยู่
“มิรา...แม่” นิรมลเอื้อมมือที่สั่นเทาเข้าไปหมายจะสัมผัสใบหน้าของลูกสาวด้วยความรู้สึกผิด แต่กลับถูกมิราปัดมันออกออกแรงซะก่อน
“แม่ตบหนู แม่กล้าตีหนูเพราะมัน” นิ้วชี้เรียวของมิราชี้ไปทางภาสกรที่ยืนทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดอยู่อีกทาง ภาสกรใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างหงุดหงิด ซึ่งมีเพียงมิราเท่านั้นที่เห็นอาการของเขาเพราะเวลาอยู่ต่อหน้านิรมลเขาก็จะทำอีกแบบ
“เพราะแกไม่มีสติต่างหาก”
“ไอ้นี่มันเป็นแมงดา มันกำลังปอกลอกแม่”
“มีสติหน่อยสิมิรา นี่แกจะอาละวาดทำลายข้าวของไปถึงไหน แกก็เห็นอยู่ว่าคุณภาสกรเขาเข้ามาช่วยเราบริหารบริษัทนะ บริษัทกำลังเจอวิกฤตแค่ไหนแกเคยแหกตาดูมั้ย”
“พอเถอะครับ มันไม่ขนาดนั้นหรอก คุณเองก็เก่ง”
“ไม่ได้ค่ะ มลต้องอธิบายให้ยัยมิเข้าใจในตัวคุณ”
“ใช่ค่ะ พอเถอะค่ะ หนูสะอิดสะเอียนจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว แม่พูดมาเลยดีกว่า ระหว่างหนูกับมันแม่จะเลือกใคร”
“ยัยมิรา!”
“คุณมล อย่าเสียงดังกับลูก” ภาสกรปรี่เข้ามากอดรั้งนิรมลเอาไว้จากทางด้านหลัง ราวกับกำลังห้ามไม่ให้เธอทะเลาะกับลูกสาว แต่ทว่า เขากลับกำลังแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะส่งไปทางมิราต่างหาก
“ถ้าแม่เลือกมัน ก็ไม่มีหนูอีกต่อไป”
“ลูกอย่ามาต้อนแม่ให้จนมุมแบบนี้นะมิรา”
“พูดแบบนี้แปลว่าแม่เลือกไอ้แมงดานี่” หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน เธอเงยหน้าขึ้นใช้นิ้วเรียวเช็ดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นขอบตาออกลวกๆ
“แกก็รู้ว่าบริษัทที่พ่อของแกทิ้งไว้ปัญหามันใหญ่มากกว่าที่ฉันจะดูแลคนเดียวได้ เราจำเป็นต้องพึ่งคุณภาสกร” นิรมลพยายามอธิบายแต่เหมือนยิ่งพูดก็เหมือนเข้าข้างภาสกรมากกว่าที่จะเลือกมิรา
“หนูก็ทำได้ อีกไม่กี่เดือนหนูก็จะเรียนจบแล้วนะแม่ ยังไงก็บริหารบริษัทนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องมีไอ้สวะนี่”
“หยุดเรียกผมแบบนั้นสักที ถ้าคุณไม่เคารพผมก็ควรให้เกียรติแม่คุณบ้าง”
“เหอะ!” มิราหัวเราะขึ้นจมูก เธอเบือนสายตาไปทางอื่น ก่อนจะดึงสายตากลับมาจับจ้องที่ภาสกรอีกครั้ง “ทำไม? รับสภาพสวะของตัวเองไม่ได้ ไม่มีใครหน้ามืดตามัวเหมือนผู้หญิงตรงหน้าแกหรอกนะ ไอ้สวะ!”
“หยุดนะมิรา หยุดทำตัวก้าวร้าวแบบนี้สักที แล้วก็ออกไปจากห้องฉันซะ ออกไป!”
“แม่ นี่แม่ยังเห็นว่าหนูเป็นลูกแม่อยู่รึเปล่า แม่ทำเหมือน...”
“ออกไป! ฉันบอกให้ออกไปจากห้องฉันไง” ม่ายสาวตวาดไล่ลูกสาวของเธอเสียงดังลั่น ฝ่ามือของเธอถูกง้างขึ้นหมายจะฟาดลงบนเนื้อตัวของหญิงสาว
มิราได้แต่ยืนกำหมัดตัวสั่นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นอีกครั้งที่แม่ของเธอทำราวกับเธอเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกในไส้
“ได้ค่ะ! พูดแบบนี้ก็เท่ากับแม่เลือกแล้ว งั้นหนูขอให้แม่มีความสุขกับผัวใหม่ของแม่นะ อย่าพึ่งหมดตัวก่อนล่ะ ส่วนเรื่องที่บริษัทมหนูจัดการเองทั้งหมด คนเดียว!” มิราเอ่ยด้วยความรู้สึกจุกอก แววตาเกรี้ยวโกรธจับจ้องไปที่ภาสกรที่ยืนแสยะยิ้มอยู่ด้านหลังนิรมล
ร่างเล็กหมุนตัวหันหลังเดินออกจากห้องนอนของผู้เป็นแม่ทันที โดยยังมีเสียงหวีดร้องเรียกตามหลังเธอมาเป็นระยะ แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้สมองของเธอพร่าเบลอไปหมด รวมทั้งหัวใจที่เจ็บปวดอย่างหนัก
แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่ของเธอกระทำการที่เป็นสิ่งทำร้ายจิตใจ แต่ครั้งนี้มันมากเกินกว่าที่ปล่อยให้ผู้ชายจอมหลอกลวงคนนั้นมาผลาญสมบัติที่พ่อของเธอทิ้งไว้ให้ก่อนตาย