ร่างบางของผู้ที่เข้ามาอาศัยในคฤหาสน์แห่งนี้ นั่งเหม่อลอยจ้องมองไปที่สวนดอกไม้ด้านหลังก่อนจะถอดถอนใจยาว
"เฮ้อ~ ถ้าจะหลบหน้ากันขนาดนี้ ทำไมไม่ให้เราไปอยู่ที่อื่นเลยล่ะ จะทำให้อึดอัดใจทั้งสองฝ่ายทำไม"
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ เธอมาอยู่ที่นี่กับเพื่อนสนิทของพ่อได้เกือบ 2 อาทิตย์แล้วและตอนเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าของบ้านก็ไม่ยอมกลับหรือถ้ากลับมาก็เลี่ยงที่จะเจอเธอตลอด
"หงิง~"
พราวเหม่อลอยจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีเจ้าสุนัขตัวใหญ่มานั่งคอยให้ตัวเองลูบหัวอย่างเช่นทุกวัน ตอนนี้เธอกับเจ้าแบร์กลายเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว หลายครั้งที่สุนัขตัวนี้อาละวาดเวลาเจ้าของบ้านไม่อยู่ก็เป็นเธอที่เกลี่ยกล่อมให้มันยอมกลับเข้าไปในกรงและดูเหมือนคราวนี้ก็ดูเหมือนมันจะแอบหนีออกจากกรงอีกแล้ว
"เจ้าแบร์น้อย อะไรกันแกแอบหนีออกมาอีกแล้วเหรอ"
มือเล็กค่อยๆลูบขนสีน้ำตาลเข้มอย่างอ่อนโยน พอถูกลูบแบบนั้นเจ้าสุนัขตัวใหญ่ก็แสดงท่าทางออดอ้อนด้วยการเอาหัวถูไถไปมากับมือหญิงสาว จนตอนนี้จากสุนัขตัวใหญ่จะกลายเป็นลูกแมวแล้ว
"ดูเหมือนว่าลุงตั้งใจจะซื้อหมามาเลี้ยงแต่ดันได้แมวสินะ"
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นระหว่างที่พราวกำลังเพลิดเพลินในการลูบหัวสุนัขของเจ้าของเสียงก็ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นไปมอง
"ลุงเดฟ"
"แบร์มานี่สิ!"
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งจากผู้เป็นเจ้าของแบร์ก็ลุกเดินไปหาเจ้านายของมัน ก่อนจะนั่งลงหลังตรงอย่างองอาจต่อหน้าผู้เจ้านายได้ ต่างจากเจ้าแบร์ที่ออดอ้อนขอมือเล็กให้ลูบมือตัวเองเมื่อกี้มาก
"แกชอบผู้หญิงสวยสินะ"
ถึงเดฟจะพูดแบบนั้นแต่อดีตภรรยาเขาก็สวย ก็ไม่เห็นว่าสุนัขตัวโปรดของตัวเองจะชอบเลย แถมทุกครั้งที่เขาพยายามจะพาเธอเจ้าใกล้มันก็จะมักเดินหนีด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
"โฮ่ง!!"
เสียงเห่าขานรับออกไปอย่างมั่นคงทำให้เดฟที่เป็นเจ้านายถึงกับขำออกมา ต่างจากหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในภวังค์จากคำที่เพื่อนสนิทพ่อชมว่าตัวเองสวยอยู่ก็ตกใจตื่นเพราะเสียงเห่า แต่ตอนนี้เธอแอบภูมิใจนิดๆว่าสิ่งที่เธอพยายามดูแลตัวเองมาตลอดมันทำให้ได้รับคำชมจากชายหนุ่ม
"กลับเข้ากรงได้แล้ว"
"โฮ่ง!!"
สุนัขแสนรู้พอได้รับคำสั่งจากเจ้านายก็วิ่งกลับเข้ากรงตัวเองทันที ท่าทางของมันช่างแตกต่างกับตอนที่เหล่าพ่อบ้านหรือคนรับใช้พยายามที่จะจับมันเจ้ากรงมาก
"ทำอะไรอยู่เหรอ"
เดฟเดินไปหาหญิงสาวที่นั่งเงียบไม่ยอมยิ้มแย้มให้ตัวเอง ต่างจากตอนที่อยู่กับสุนัขของเขาเมื่อกี้ลิบลับ
"ไม่ได้ทำอะไรค่ะ"
"อย่างนั้นอยากออกไปข้างนอกกับลุงไหม"
"ไปข้างนอกเหรอคะ!!" พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของคนที่ราบเรียบเมื่อกี้ ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างดีใจแทน
"ใช่ พอดีแม่ของเราโทรศัพท์มาหาขอร้องให้ลุงช่วยพาเราไปซื้อของหน่อยบอกว่าใกล้เปิดเทอมแล้ว"
พอได้ยินว่าแม่เป็นคนของร้องให้ช่วยสีหน้าของพราวก็กลับไปเรียบเฉยตามเดิม
"ที่จริงให้คนขับรถพาไปก็ได้นะคะ ไม่ต้องลำบากให้ลุงเดฟพาไปหรอกค่ะ"
"ไม่ลำบากเลย...ไปเลยไหมหรือว่าจะเปลี่ยนชุดก่อน"
"งั้นพราวขอไปหยิบเสื้อโค้ดก่อนนะคะ"
ถึงช่วงปลายเดือนกันยายนที่นี่จะเป็นฤดูใบไม้ผลิแต่ดูเหมือนว่าอากาศจะเย็นลงกว่าตอนที่เธอมาถึงวันแรกมาก
"เดี๋ยวลุงไปรอที่รถนะ"
เดฟเดินตรงมาที่รถสปอร์ตคู่ใจของตัวเอง ความจริงแล้วช่วงนี้ทางฟาร์มไข่มุกเริ่มที่จะคัดไข่มุกที่เสียหายจากมรสุมที่ผ่านมาออกมาขายอีกเกรดในราคาที่ถูกลงแล้วเป็นรับการเสนอตลาดจากผู้รับซื้อตลาดกลาง เลยมีใบเสนอราคามาให้เขาอ่านเยอะจนต้องนอนที่คอนโดหลายครั้ง กลายเป็นว่าเขาเริ่มละเลยลูกสาวของเพื่อน ดีนะที่นิชาโทรศัพท์มาหา ไม่อย่างนั้นเขาคงลืมเรื่องที่มหาวิทยาลัยใกล้จะเปิดเทอมแล้ว
"ขอโทษนะคะลุงเดฟที่ให้รอนาน"
ทันทีที่ร่างบางก้าวขามานั่งด้านข้างคนขับเธอก็รีบขอโทษคนที่มานั่งรออยู่ในรถ
"ไม่เป็นไรเลย มีที่อยากไปเป็นพิเศษไหมเดี๋ยววันนี้ลุงจะเป็นคนขับรถให้ทั้งวัน"
"วันนี้ลุงเดฟว่างเหรอคะ ความจริงไม่ต้องลำบากพาพราวไปก็ได้นะคะ"
"ว่างครับ ลุงเพิ่งเคลียร์งานใหญ่เสร็จไป เลยว่าจะพักผ่อนสักหน่อย"
ระหว่างที่รถคันหรูเคลื่อนตัวไปตามท้องถนน คนในรถก็พูดคุยกันหลายเรื่อง พราวเพิ่งจะรู้ว่าหลายวันที่ผ่านมาเดฟต้องเข้าบริษัทเพื่อคุยงานเรื่องไข่มุกที่เจอมรสุมไป เธอก็หลงคิดตั้งนานว่าเขาพยายามหลบหน้าเธอหรือเปล่า
"จริงสิ...วันเปิดเทอมพ่อเราขอให้ลุงไปเป็นผู้ปกครองแทนให้"
"ความจริงไม่ต้องไปก็ได้นะคะ อีกอย่างพราวอยู่ตั้งมหาลัยแล้วถ้ามีผู้ปกครองคงอายน่าดู แล้วก็เกรงใจคุณลุงด้วย"
ความจริงที่มหาวิทยาลัยจะมีการเชิญผู้ปกครองไปฟังการบรรยายในวันแรก แต่จะไปหรือไม่ไปก็ได้แล้วก็พอได้ยินว่าช่วงนี้อีกฝ่ายทำงานหนักเธอก็ไม่กล้าจะรบกวน
"ลุงจะไปหาอธิบการบดีพอดีเพราะอย่างนั้นสบายมาก ไม่ต้องเกรงใจลุงหรอก...เราก็เหมือนคนในครอบครัวลุงคนหนึ่ง"
ใบหน้าของเดฟตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่พราวกับเห็นไม่ชัดเพราะหนวดเคราที่รกรุงรังบดบังอยู่ เธออยากเห็นใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาอีกสักครั้งจัง
"ถ้าลุงเดฟอยากไปจริงๆ ช่วยฟังคำขอร้องของพราวได้หรือเปล่าคะ"
"ได้สิ พูดมาเลย"
"ลุงเดฟไปแปลงโฉมได้ไหมคะ"
"แปลงโฉม?" เดฟทำหน้างง
"ก็...ลุงเดฟเหมือนโจรเลยค่ะ ไว้หนวดเครารุงรัง ผมเพ้าก็...พราวขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ"
คนที่กำลังบรรยายถึงบุคลิกคนข้างๆก็ต้องชะงักไว้เมื่อเห็นคิ้วเข้มของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากัน เลยรีบขอโทษออกไป
"ฮะ ๆ ฮ่า ๆ มิน่าล่ะตอนที่เราเจอลุงครั้งแรก ถึงได้ดูกลัวลุงขนาดนั้น เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ก็จริงลุงไม่ได้ดูแลตัวเองมาตั้งหลายปีจะเหมือนโจรก็แปลก"
เดฟนึกถึงช่วงเวลาหลายปีที่ตัวเองขลุกอยู่ที่ฟาร์มไข่มุก ไม่เคยได้ดูแลตัวเองเลย แม้แต่ที่โกนหนวดเขายังไม่คิดที่จะหยิบมันคือมาโกนหนวดออกจนมายาวขนาดนี้
"คือพราว..."
"ไม่เป็นไรครับลุงไม่ได้โกรธ ดีเหมือนกันเลย ลุงจะได้ทำตัวให้เป็นผู้เป็นคนสักหน่อย ขืนไปมหาวิทยาลัยทั้งสภาพแบบนี้คงโดนไล่ออกตั้งแต่ก้าวขาเข้าไปแน่"
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง ทำให้พราวรู้สึกสบายใจขึ้นมานิดนึ่งที่เขาไม่ได้โกรธตัวเอง แต่เธอชอบเวลาที่เขายิ้มจังเลย มันทำให้หัวใจเหมือนถูกน้ำเย็นชะโลมในหัวใจ มือเล็กเผลอสัมผัสหน้าอกฝั่งหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ เป็นเขาที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง
"ลุงเดฟยอมรับสิ่งที่พราวบอกเหรอคะ"
"ครับ...ไม่มีอะไรที่ลุงต้องปฏิเสธ ความจริงแล้วหนูพราวก็หวังดีกับลุงไม่ใช่เหรอครับ"
ระหว่างที่รถติดไฟแดงเดฟก็เอาแขนขึ้นหนึ่งพาดบนพวงมาลัยก่อนจะเอียนหัวไปพิงแล้วหันหน้ามองคนข้างๆ ก่อนจะถามเสียงหวาน ทำเอาคนที่ถูกถามถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จะน่ารักเกินไปแล้วเด็กน้อย...ถ้าเธอยังน่ารักแบบนี้ความอดทนฉันจะหมดเอานะ
เดฟได้แต่ข่มความคิดของตัวเองไว้ลึกสุดใจเพราะขืนมันยังโผล่ออกมานึกคิดเรื่องไม่ดีกับลูกสาวเพื่อนคนที่จะซวยคือเขาเอง ไอ้เพื่อนคนนั้นเวลาหวงยิ่งเหมือนหมาบ้า