ถ้าเธอรู้ว่าจะใช้วิธีนี้เพื่อนเข้าไปเธอจะไม่มาด้วยเด็ดขาด ! ถ้าโดนจับได้เธอจะโดนรวบส่งตำรวจเลยรึเปล่าก็ไม่รู้
หากโดนส่งตำรวจแล้วคนที่บ้านเกิดรู้ขึ้นมา พวกเขาต้องโกรธมาก ทำไงดี…ไปต่อก็กลัว จะกลับก็ไม่ทันแล้ว
เอาว่ะ !
น้ำอิงหายใจติดขัดอย่างตื่นเต้นรู้สึกได้ถึงลำคอที่กำลังแห้งผาก เพราะความไม่มั่นใจทำให้พอจะถึงคิวเธอจะเลี่ยงให้พี่ ๆ ไปตรวจบัตรก่อน หัวใจก็จะวายเพราะพี่การ์ดดูตรวจกันโหดมาก
“เฮ้ย...ใครมาตรวจแทนกูหน่อย กูจะไปเข้าห้องน้ำ” พี่การ์ดหน้าโหดพูดกับคนอื่นในขณะที่ตรวจเอมคนก่อนหน้าน้ำอิงเรียบร้อย และเธอเป็นคนสุดท้ายของแถว ตอนนี้พวกพี่ ๆ ถูกปั๊มข้อมือผ่านกันหมดแล้ว และกำลังรออยู่หน้าประตูอย่างลุ้นระทึก
อะไรกันเล่า...ทำหน้ากลัวแบบนั้นแล้วเธอจะไปเอาความมั่นใจที่ไหน ขนาดพวกพี่เขายังไม่มั่นใจเลยว่าวิธีนี้จะใช้ได้
อยากหนีกลับบ้านแล้ว ฮือออ
“เดี๋ยวผมตรวจให้ก็ได้พี่สิน” มีเสียงบางคนตอบรับ ซึ่งน้ำอิงก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเพราะกลัวสบตากับการ์ดแล้วเขาจะจับพิรุธได้
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมรีบมา”
“ขอบัตรหน่อยครับ” เสียงเข้มเอ่ยบอกพร้อมยื่นมือมารับบัตรที่อยู่ในมือเล็กซึ่งกำลังสั่นอย่างกับเจ้าเข้า เพราะเป็นคนทนแรงกดดันไม่ค่อยไหวตัวก็เลยสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
“...”
“...”
เขาเงียบไปนานมากกก ยิ่งทำให้คนตัวเล็กทำอะไรไม่ถูกไปกันใหญ่ ใบหน้าที่ถูกแต่งเติมเบาบางสมวัยเงยหน้านิดหน่อยเพื่อดูว่าตอนนี้ตัวเองถูกจับได้หรือยัง
จนสายตาปะทะกับเจ้าของใบหน้าขาวตี๋ซึ่งมีจุดเด่นเป็นขี้แมลงวันที่แก้มขวาทำให้ใบหน้าเขาดูโดดเด่นกว่าการ์ดที่เหลือ จะว่าไป...มันดูดีกว่าใครทั้งหมดไม่ว่าจะการ์ดหรือลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาแถวนี้เลยต่างหาก
ถึงจะหล่อขนาดนั้นแต่เมื่อเงยหน้ามองเธอนิ่ง ๆ ดวงตาเฉี่ยวหลังแว่นสายตากรอบสีดำมองบัตรสลับกับใบหน้าของเธอก็ทำให้เสียวสันหลังวาบ เพราะเห็นมุมปากเขายกยิ้ม สิ่งนั้นทำให้เธอหน้าซีดอีกครั้ง แล้วส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากพี่ ๆ ซึ่งพวกเขาก็ได้แต่กุมขมับ
ท่าทางแบบนั้นของพี่ ๆ คืออะไร? ...หรือว่าเธอถูกจับได้แล้วเหรอ ตายห่า !
“ตัวสั่นเลยนะครับ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“คะ ?!” เธอสะดุ้งจนเผลอตอบกลับเสียงดังลั่น “หนะ...หนาวค่ะ !”
“อ่อ เลขจองอะไรครับ” เขาถามซึ่งเธอไม่เข้าเข้าใจก็หันไปถามพี่ออย ซึ่งก็ได้ความว่า...
“45 ค่ะ”
“ครับ” เขาตอบรับสั้น ๆ ซึ่งใบหน้าหวานก็ยังคงฉงนไม่หายว่า 'ครับ' ที่ว่านั่นคือ ผ่านได้ยัง ? “ขอตรวจกระเป๋าด้วยครับ”
เพราะเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำให้เธอต้องก้าวไปหาแล้วเปิดกระเป๋าให้เขาที่ถือไฟฉายรออยู่ตรวจ พลางคิดในใจว่าน่าจะผ่านแล้วมั้งก็เลยอมยิ้ม แต่แล้ววินาทีนั้นคนตัวเล็กก็ตัวชาวาบเพราะการ์ดหน้าหล่อคนนั้นกระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหู
“อายุไม่ถึงสินะ
“คะ...” น้ำอิงผวาทำตาโตเป็นไข่ห่าน โดนจับได้แล้ว ชิบหายแน่ ชิบหายของจริง !!! “คือว่า...”
“ให้เข้าไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวตำรวจลงพวกผมก็ซวยสิ”
หัวใจเธอเต้นโครมครามขาเล็กก็สั่นพรั่บ ๆ ภาพในจินตนาการคือตำรวจหลายนายกำลังใส่กุญแจมือเธอแล้วโยนเธอเข้าตาราง
ประสบการณ์มาอยู่กรุงเทพ ฯ วันแรกของเธอจะเป็นผู้ต้องหา แทนการเป็นนักศึกษาไม่ได้นะ ช่วยด้วยยย !!
“แต่ว่า...” ดวงตากลมเหลือบไปมองพวกพี่สาวที่ดูตั้งใจจะมาเที่ยวกันมาก แต่ตอนนี้ดันติดอยู่ที่เธอคนเดียว ถ้ามีปัญหาพวกเขาคงจะเที่ยวไม่สนุกกันแน่ ๆ เมื่อกลัวเป็นตัวปัญหาก็เลยเลือกที่จะลองขอร้องอีกซักครั้งดู แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือเปล่า “ฉันมากับพี่สาวค่ะ ขอเข้าไปเถอะนะคะ สัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาแน่นอนค่ะ”
“แค่อายุไม่ถึงก็สร้างปัญหาแล้วครับ” เขาตอบกลับมาเสียงเรียบ โดยที่เรายังกระซิบกระซาบกันอยู่แบบนั้น
“นะคะ...แค่ครั้งเดียวเองค่ะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ถูกจับได้แน่นอน”
“ก็ถูกจับได้แล้วนี่ไงครับ”
แงงงงง ชีวิต !!
“ขะ...ขอร้องล่ะค่ะ” ในตอนที่เกือบจะยกมือไหว้คนตรงหน้าอยู่แล้ว พี่หน้าโหดคนเดิมที่ก่อนหน้านี้ขอไปเข้าห้องน้ำก็เดินกลับมา น้ำอิงแทบตาเหลือกลืมหายใจเพราะรู้ทันทีว่าถ้าให้คนนั้นตรวจเธอต้องโดนเตะออกไปแน่นอน
“มีอะไรเหรอครับ” ในวินาทีเฉียดตายที่พี่โหดเอ่ยถามคนตรงหน้า ตัวปั๊มก็ถูกปั๊มที่ข้อมืออย่างทันทีทันใดท่ามกลางความงง ๆ ของเธอ
หือ ?
“เปล่าพี่ เขาน่ารักดีเลยอยากคุยด้วย” การ์ดหน้าหล่อหันไปพูดกับพี่หน้าโหดเสียงติดหัวเราะเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เราคุยเล่นกันสนุกสนาน ทั้งที่ความเป็นจริงเขากดดันเธอจนฉี่แทบราดอยู่แล้ว “เชิญครับ คนสวย”
“เข้าได้เหรอคะ” เธอถามเสียงเบาเพื่อขอความแน่ใจอีกครั้ง ก่อนยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เขายิ้มให้เธออีกครั้งก่อนจะหันไปพูดกับอีกคน ”พี่เปลี่ยนโต๊ะ 45 หน่อย...”
หลังจากที่ผ่านมาได้แบบงง ๆ น้ำอิงก็เดินตัวลอยเข้าไปข้างในหูดับไปหมด ลมแทบจับ น้ำตาแทบไหล หัวใจจะวายกับไม่กี่นาทีที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“น้องมึงเก่งมากอีออยยย” พี่แป้งกรี๊ดกร๊าดเสียงกระซิบกระซาบ แล้วรีบดันตัวคนที่เข่าอ่อนเข้าไปด้านในเหมือนกลัวว่าจะโดนเรียกไปถามอีก
“โต๊ะ 45 ทางนี้นะครับ” พวกเราเดินเบียดเสียดผู้คนตามพนักงานเข้าไปด้านใน ก่อนจะขึ้นไปชั้นสองโต๊ะใกล้กับบันไดทางลงที่สุด
น้ำอิงไม่สนใจใครทั้งนั้นเพราะหมดแรงปักหัวไปที่โต๊ะอย่างหมดสภาพ คนกระทั่งพี่ ๆ สั่งเครื่องดื่มกันเรียบร้อยจึงหันมาให้ความสนใจกับคนอายุน้อยสุดอีกครั้ง
“คุยอะไรกับหนุ่มคนนั้นเหรอ หรือเขาจีบเหรอ?” พี่แป้งถามด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“เขาไม่ได้จีบค่ะ เขาจับได้ต่างหากว่าอิงอายุไม่ถึง” ประโยคที่ได้รับนั้นทำคนในโต๊ะช็อก
“หาา แล้วเขาให้เข้าได้ไงเนี่ย”
“อิงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อิงคิดว่าจะโดนลากไปโรงพักแล้วซะอีก ฮือออ” ขณะพูดเธอยังรู้สึกขนลุกไม่หาย บรื๋ออ
“สงสัยวันนี้อะลุ่มอล่วยให้มั้งงง” ออยคาดเดาสิ่งที่พอเป็นไปได้ออกมา ทุกคนก็พากันพยักหน้าก่อนจะเบาใจที่ไม่เป็นเรื่องใหญ่มาก
แต่คนที่ได้รับแรงกดดันบัดนี้หมดสนุกไปหมดแล้ว ถึงเขาจะปิดหูปิดตาให้เข้ามาเพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่ก็ใช่ว่าจะรู้สึกผิดน้อยลงหรอกนะ
ไม่นานเครื่องดื่มยี่ห้อคุ้นตา น้ำแข็ง และโซดาจำนวนมากก็ถูกวางลงบนโต๊ะ ตอนแรกก็ไม่ได้อยากลองแต่พอโดนยุด้วยคำพูดที่ดูมีหลักการของเอมก็จำใจต้องยกขึ้นมาชนดื่มกับพวกเธอ
“ดื่มกับพวกพี่ดีกว่าดื่มกับคนอื่นนะน้องอิง คิดดูสิ เราจะได้รู้ลิมิตด้วยว่าเราดื่มได้ประมาณไหน พอไปดื่มกับคนอื่นเราจะได้ยั้งตัวเองได้ไงคะ”
พอคิดตามมันก็มีเหตุผลไม่น้อย เอมโน้มน้าวคนเก่งพอสมควรรู้ตัวอีกทีก็ดื่มไปแล้วหลายอึก
แสงไฟแวบวับจนต้องกดใบหน้าหนีแสงไฟกับเสียงเพลงดังกึกก้องเหมือนกับถูกจับยัดเข้าไปอยู่ในลำโพง เพลง EDM ที่ผู้คนต่างลุกขึ้นมาโยกย้ายไม่เว้นแม้แต่พี่สาวในโต๊ะของเธอดูท่าทางสนุกสนานกันยกใหญ่
สำหรับน้ำอิงนั้นเข้าไม่ถึงจังหวะของมันเท่าไหร่ ถ้าเปิดแนวหน้าฮ้านน่าจะพอไหว
“น้ำอิงเดี๋ยวพี่ไปชนกับโต๊ะนู้นแป๊บนะลูก” แป้งหันมาพูดกับน้ำอิงที่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงคนเดียวในโต๊ะ เพราะออยกับเอมขอตัวไปเข้าห้องน้ำซึ่งนานมากแล้ว
เธอรู้สึกผิดชะมัดที่มาอยู่สถานที่ไม่สมควร จากที่คิดว่าจะฟังพวกพี่ ๆ คุยกันก็กลายเป็นว่าช่วงวัยที่ต่างกันของเรา ทำให้บทสนทนาของเหล่าพี่สาวไปแนวการทำงานมากกว่าชีวิตวัยเรียนแบบเธอ
รู้สึกผิดไม่พอ แถมยังคิดผิดด้วยที่ตามมา ไม่เห็นจะได้อะไรเลย มีแต่พังกับพัง ! แต่ทำไงได้ล่ะ คนที่ตัดสินใจตามมาด้วยก็คือตัวเอง ไม่มีใครบังคับเสียหน่อย เฮ้อ…
เวลาล่วงเลยเกือบจะเที่ยงคืน ดูเหมือนความซวยของคนที่ใช้ชีวิตราวกับต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองอย่างน้ำอิงจะยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
ขณะที่คนในโต๊ะไปคนละทิศคนละทาง คนซึ่งนั่งคุดคู้กระดกเหล้าจากที่จิบแรกคิดว่ามันขมจนบัดนี้ต่อมรับรสเริ่มชินชาพอ ๆ กับความชายิบของใบหน้าและร่างกายที่เริ่มเชื่องช้าแปลก ๆ
เสียงเพลงเร้าใจและแสงไฟทำให้ไม่ค่อยมีใครสนใจใครในขณะนี้ แต่กลับมีเสียงใครซักคนพูดที่ข้างหูพร้อมแรงกระชาก
“รีบออกมาเร็ว !”
“เฮ้ย !” น้ำอิงร้องเสียงหลง แต่ร่างกายและความสามารถในการต่อต้านกลับถดถอยลงกว่าปกติ
ตึก ตึก ตึก ตึก !
แรงดึงทำให้ร่างเล็กถลาวิ่งตามไปด้วย เรียวขายาวของใครบางคนก้าวไว ๆ ลงบันไดลงไปชั้นล่างอย่างน่าหวาดเสียว ถ้าก้าวพลาดหรือสะดุดคงล้มหัวฟาดไปเยี่ยมนรกแน่นอน
แต่ว่าคนที่ตาลีตาเหลือกพาเธอวิ่งนี่ใครวะ ?
ผลั่ก !
กำแพงที่ถูกตกแต่งด้วยสังกะสีในคราแรกดูเหมือนกำแพงทั่วไปแต่พอมือหนาผลักมันก็กลายเป็นประตูซะงั้น
ว้าววว สุดยอดเลย ! เหมือนเวทมนตร์เลย ประตูลับงั้นเหรอ...
กำลังตกตะลึงกับประตูที่ซ้อนอยู่ในกำแพง ก็สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่า...
“ขอความสงบด้วยครับ ! ขออนุญาตตรวจค้น รบกวนทุกท่านถือบัตรประจำตัวประชาชน...”