เช้าวันต่อมา
อมีนาตื่นแต่เช้ามาช่วยงานในครัวเฉกเช่นทุกวัน ทว่าวันนี้ร่างกายของเธอกลับไม่เอื้ออำนวย ทำให้การทำงานล้าช้าจนน่าสงสัย
“ไม่สบายเหรอ” เสียงของเพียงดาวเพื่อนวัยเดียวกันกับอมีนาที่มีพ่อเป็นคนขับรถให้คุณท่านทั้งสอง
เพียงดาวเป็นสาวสวยไม่ต่างจากอมีนา แต่ความที่เป็นคนนิ่งๆ ติดไปทางเย็นชา ทำให้ไม่มีเสน่ห์เหมือนอมีนา ความนิ่งพูดน้อยของเพียงดาวทำให้เธอไม่ค่อยลงรอยกับคนรอบข้างทั้งที่คฤหาสน์และที่มหาวิทยาลัย คงจะมีแค่อมีนาคนเดียวที่เข้าใจเพียงดาวและมีเพียงดาวคนเดียวที่เข้าใจอมีนา
“เปล่า” อมีนาตอบด้วยท่าทางมีพิรุธ
“แต่ท่าทางเธอดูผิดปกตินะ”
เพียงดาวมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาจับผิดและยังคงนิ่งจับสังเกตเพื่อนราวกับว่าไปรู้เรื่องอะไรมา
“กินยาหรือยัง”
เพียงดาวถามขึ้นมาอีกครั้งแต่คำว่ากินยาทำให้คนที่มีเรื่องปิดบังอย่างอมีนาเสียอาการทันที เธอเลิ่กลั่กจนจับอะไรถูกผิดไปหมด
“ดาวถามอะไรเนี่ย มีนสบายดีจะไปกินยาทำไมล่ะ”
อมีนาบอกออกไปโดยที่ ไม่สบสายตาของเพียงดาวเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าเพียงดาวจะจับพิรุธได้เหมือนทุกๆ ครั้งที่อมีนามีเรื่องปิดบัง
“มีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า”
นั่นไง! เพียงดาวเริ่มสงสัยจริงๆ ด้วย
อมีนายืนนิ่งคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี จะสารภาพไปตามตรงดีไหม เพราะเธอรู้นิสัยของเพียงดาวดี หากสงสัยอะไรแล้วคงไม่ปล่อยผ่านแน่ๆ โดยเฉพาะเรื่องของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอย่างอมีนา
“อมีนา!!” เสียงแหลมที่คุ้นเคยดังมาจากหน้าประตูห้องครัวทำให้สองสาวหันไปมองอมีนาที่ยังไม่ทันได้พูดอะไร
หมับ!!
เสื้อนักศึกษาตัวจิ๋วก็ถูกปาเข้ามาใส่หน้าของเธออย่างแรง ฝีมือของเมษาน้องสาวต่างแม่ของอมีนา
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำเสื้อเป็นรอย เธอรีดยังไงให้มันไหม้ขนาดนี้ ห๊ะ!!” เมษาตะคอกใส่หน้าพี่สาวต่างแม่อย่างไม่สนใจว่าใครจะอยู่ด้วย
การถูกเลี้ยงแบบเอาแต่ใจตั้งแต่เด็กและไม่เคยทำอะไรเองทำให้เมษาเป็นเด็กก้าวร้าวนิสัยเสียเป็นอย่างมาก
“คือว่าพี่…”
อมีนากำลังจะบอกออกไปว่าเธอไม่ได้เป็นคนรีดชุดนี้แต่ก็โดนนวลจันทร์เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“โวยวายอะไรกัน” ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร แต่สายตาที่มองไปยังอมีนาก็บ่งบอกชัดเจนว่าคนที่ผิดต้องเป็นเธอ
“แกทำอะไรน้อง”
“เฮ้อ… บทแม่เลี้ยงใจร้ายมาอีกแล้ว”
เพียงดาวอดแขวะแม่ลูกนิสัยเสียไม่ได้จริงๆ ทำไมถึงได้ร้ายขนาดนี้
“อย่ามาปากดีนะนังดาว คราวก่อนฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับแกเลยนะ เป็นเด็กเป็นเล็กหัดเคารพผู้ใหญ่ซะบ้าง”
“ผู้ใหญ่แบบนี้ยังมีความน่าเคารพอยู่เหรอ”
“อิดาว!!”
“พอเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณท่านจะรอนานนะคะ” คราวนี้อมีนาเป็นฝ่ายห้ามศึก
“ไม่ต้องทำมาเป็นห้ามคนอื่นหรอก แกคิดว่าฉันลืมเรื่องชุด…”
“แค่เรื่องชุดอย่าไปใส่ใจเลยลูก ตอนนี้แม่ว่าลูกรีบเอาอาหารไปเสิร์ฟก่อนดีกว่า”
ผู้เป็นแม่ที่เป็นต้นเหตุรีดเสื้อลูกสาวไหม้จึงหาเรื่องอื่นมาแทรก
“ทำไมต้องเป็นหนูด้วยล่ะแม่ เรื่องในครัวเป็นงานของอมีนาหนิหนูจะไปเรียนสายนะ”
“สายหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกลูก เพราะวันนี้คุณชายมาทานข้าวเช้าที่นี่กับคุณท่าน”
นวลจันทร์บอกลูกสาวด้วยท่าทางตื่นเต้น ความฝันของหล่อนก็ไม่มีอะไรนอกเสียจากอยากได้คุณชายมาเป็นลูกเขยหวังสูงจนน่าหมั่นไส้เสียจริง
“จริงเหรอแม่”
“ก็จริงหน่ะสิ รีบๆ ออกไปเลย ก่อนที่คนอื่นมันจะเสนอหน้าไป”
ไม่พูดเปล่าแต่กลับจิกหางตาไปยังลูกเลี้ยงที่ตั้งหน้าตั้งตาจัดจานอาหารให้สวยงามและเสร็จตามเวลาที่กำหนด
การกระทำเหล่านี้ไม่ใช่การทำเอาหน้าแต่เป็นหน้าที่ของอมีนามาตั้งแต่ไหนแต่ไร จะเรียกว่าเป็นพรสวรรค์ที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นทวดก็ว่าได้ เพราะอมีนานั้นทำอาหารอร่อยมากจึงได้รับหน้าที่ทำอาหารในทุกๆ เช้าก่อนที่จะไปมหาวิทยาลัย
“เสร็จแล้วใช่ไหม เอามานี่!!”
เมษาเข้าไปแย่งถาดอาหารเช้าที่อมีนาพึ่งจะจัดแต่งเสร็จไปไว้ในมือของตัวเองอย่างหน้าไม่อาย
“ไปเรียนกันเถอะหมดหน้าที่เราแล้ว” เพียงดาวถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว
‘ดีเหมือนกันจะได้ไปเรียนเร็วๆ’ อมีนาบอกตัวเองภายในใจโดยที่ความรู้สึกลึกๆ ในใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย
สองสาวเดินออกมารอรถเมล์เฉกเช่นทุกวันตั้งแต่ปีหนึ่งจนกระทั่งตอนนี้ก็ปีสี่แล้วและอีกไม่กี่เดือนพวกเธอก็จะได้ฝึกงานแล้ว
“ถ้าไม่ไหวก็กลับไปพัก เดี๋ยวลาให้” เพียงดาวที่เห็นท่าทางไม่ค่อยจะดีนักของเพื่อนจึงได้บอกออกไปด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร มีนไปไหว”
อมีนาเลือกที่จะยิ้มให้เพื่อนเพื่อความสบายใจและพูดคุยกันเรื่องงานมหาวิทยาลัยที่ไปสมัครพร้อมรอยยิ้มก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะจางหายไปจากใบหน้าสวย
เมื่อรถคันหรูหลายคันขับเคลื่อนผ่านจุดที่พวกเธอกำลังยืนรอรถเมล์อยู่ หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมาเมื่อรู้ได้ว่ารถหรูเหล่านั้นเป็นรถของใคร รู้แม้กระทั่งว่าเจ้าของรถเหล่านั้นนั่งอยู่คันไหน
“คนรวยนี่ใช้ทรัพยากรโลกได้สิ้นเปลืองจริงๆ ทำไมต้องไปกันทีละหลายคันขนาดนี้” เพียงดาวพูดขึ้นมาขณะที่มองรถคันหรูขับผ่านไปแล้ว
อมีนาที่ยังเสียอาการกับบางคนที่เพิ่งผ่านไปจึงไม่ได้ฟังในสิ่งที่เพื่อนพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย
ในหัวเอาแต่นึกไปถึงภาพกิจกรรมการชดใช้หนี้ด้วยร่างกายในค่ำคืนที่ผ่านมา เพียงแค่คิดก็รู้สึกถึงความเจ็บแสบตรงกลางหว่างขา ความรู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดตรงเนินเนื้อสาวยังชัดเจน
“ไม่เห็นรู้สึกดีอย่างที่คนอื่นบอกเลยสักนิด” อมีนาพึมพำออกมาอย่างลืมตัว
“อะไรไม่ดี”
“ปะ… เปล่า ไม่มีอะไร ไปกันเถอะรถมาแล้ว” รถเมล์ช่างมาได้จังหวะเสียจริง