“นายครับเด็กๆ ที่ซื้อมาวันนี้ถึงแล้วครับ” ลูกน้องคนสนิทเข้ามารายงาน พร้อมกับเอาใบรายชื่อและประวัติส่งให้ให้ตรวจเช็ก
“หึ ซื้อเหรอช่างกล้าพูดว่าซื้อมา มีแต่เด็กสาวที่พ่อแม่ส่งมาใช้หนี้ทั้งนั้น” เสียงเย้ยหยันเอ่ยพูดพร้อมกับปัดเศษกระดาษลงไปบนพื้นเขาไม่มีแต่อยากจะมองด้วยซ้ำเพราะรังเกียจ
“มีอยู่คนหนึ่งครับที่โดนขายมา”
“กูต้องสนด้วยไหม” เสียงเข้มตวาดขึ้นเล็กน้อย เขาไม่มีเวลามานั่งฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอกกะแค่เด็กสาวที่ส่งมาใช้หนี้เท่านั้นเอง เสียเงินไปเท่าไรเดี๋ยวพวกผู้หญิงเหล่านั้นก็ใช้คืนให้เป็นเท่าตัว
“แล้วนายจะให้จัดการยังไงดีครับ”
“จัดการให้เหมือนเดิม” เสียงเข้มเอ่ยบอก และตวัดสายตาคมเข้มมองลูกน้องที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
“เออ คือ เด็กสาวที่ซื้อมาวันนี้ล่ะครับ” ลูกน้องคนสนิทอ้ำอึ้งถามเพราะเกรงกลัวต่อสายตาที่จ้องมองมา เพราะปกติผู้หญิงส่วนมากจะโดนพ่อแม่หิ้วให้มาทำงาน บ้างก็ส่งมาเพื่อมาจับเจ้านายของตนเพื่อหวังสบายทางอ้อม แต่วันนี้มีเด็กสาวเพียงคนเดียวที่ไม่ยอมมาง่ายๆ แถมยังโดนป้าแท้ๆ ขายทอดมาอีก
“เอาไปขายให้หมด แล้วไม่ต้องเอาเรื่องไร้สาระมารายงานกูอีก กับอีพวกผู้หญิงไร้ประโยชน์มันสำคัญอะไรนักหนา”
“ได้ครับนาย พวกผมจะไปจัดการให้” ลูกน้องคนสนิทพูดเสร็จจึงรีบหลุดออกไปด้วยความเร่งรีบ เพราะถ้าขืนช้ากว่านี้คงได้กินลูกตะกั่วแทน
“พวกมึงมีอะไรจะพูดอีกไหม” เขาหันมาตวาดลูกน้องที่เหลือที่ยืนหน้าสลอนมองตาปริบๆ
“เอ่อคือ นายครับแต่เด็กที่เอามาวันนี้ยังสดๆ ซิงๆ อยู่เลยนะครับ นายไม่อยากลองเองก่อนที่จะเอาไปขายเหรอครับ”
“กูไม่ได้อดอยากปากแห้งนะไอ้หรั่ง เอามันไปขายใช้งานซะให้สมกับเงินที่เสียไป” ร่างสูงพูดด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดกับเรื่องแค่นี้ต้องมาคอยจัดสรรให้เขา
“ครับนาย”
“หมดเรื่องแล้วก็ออกไป”
“ครับนาย” เสียงแข็งขันพร้อมรับอย่างพร้อมเพรียงและล่าถอยไป
คิ้วเข้มขมวดเป็นปมปากหยักเม้มไปด้วยความโกรธ ใบหน้าหล่อคมเข้มก้มมองกระดาษที่ร่วงหล่นบนพื้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขารังเกียจเด็กสาวหรือผู้หญิงทุกคนที่ถูกพ่อแม่ของตนเองส่งมาขาย หรือบางคนยอมรับชะตากรรมและยอมขายตัวแลกกับเงินข้าวและที่พัก โดยไม่หวงศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาเกลียดผู้หญิงพวกนี้ที่สุด
แต่จะให้หลีกเลี่ยงก็ไม่ได้เพราะถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ไม่รู้ผู้หญิงเหล่านี้จะโดนขายไปทำอะไรบ้าง สู้ให้ทำงานขายตัวไม่ดีกว่าเหรอ เพราะไม่ได้ให้ทำฟรีๆ เพราะเหล่าผู้หญิงพวกนั้นยอมรับทำกันเองบางคนยอมอาสามาเองก็มี
ถ้าจะให้พูดว่าเขาไม่ชอบเด็กสาวเหรอก็เปล่าเพราะเขาเองนั้นก็ชอบ แค่ไม่ชอบเอาเด็กในสังกัดมากินเอง ดังนั้นเขาเลือกรับเด็กจากข้างนอกมาเลี้ยงเองดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหาตามมา
“เด็กนั้นยังนอนหลับไม่ตื่นอีกเหรอ”
เสียงคนพูดกระซิบกระซาบให้ได้ยินร่างเล็กที่นอนหลับหมดสติค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด
“อ่า มึนหัวอะไรขนาดนี้” เสียงแหบพร่าเอ่ยคร่ำครวญเล็กน้อย
ดวงตากลมโตลืมตาโพล่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ไหน เธอลุกขึ้นและมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง เธอไม่ได้กรีดร้องแต่พยายามที่จะสำรวจพื้นที่รอบตัวให้ได้มากที่สุด
“ไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้น้อง อยู่นี่เราอยู่กันแบบพี่น้อง” เสียงหญิงสาวหนึ่งคนในห้องสี่เหลี่ยมเอ่ยขึ้น และเดินเข้ามาใกล้เธอยื่นน้ำดื่มให้
เธอนิ่งเฉยไม่ยอมรับน้ำดื่ม คนยื่นให้จึงได้แต่ยิ้มเพราะเข้าใจว่าหญิงสาวยังคงระแวง
“ไม่ได้ใส่อะไรไปหรอกก็แค่น้ำเปล่าธรรมดา”
“ขอบใจ” เธอยอมรับมาดื่มในที่สุดเพราะด้วยความกระหายที่มากโข
“อายุเท่าไรแล้ว หน้าเราดูเด็กจัง”
“18” เสียงห้วนพูดตอบกลับ และนั่งขดขาอยู่บนเตียง
“ยังเด็กอยู่เลย เต็มใจมารึเปล่า”
“เปล่า แต่โดนอีแก่ขายมา” เธอพูดด้วยความเกลียดชังเมื่อนึกถึงป้าแท้ๆ ของตนเอง
“พี่ชื่อวิ เราล่ะ” เสียงอ่อนโยนเอ่ยถาม และยิ้มละมุนมาให้
“แววตา เรียกแววก็ได้” ถึงแม้พูดจาไม่มีหางเสียงแต่วิกานดาก็รับรู้ได้ว่าเด็กสาวตรงหน้าเริ่มเปิดใจบ้างแล้ว
“โอเคแวว พี่จะบอกกฎระเบียบให้ฟังนะ”
“อือ”
“ถ้าเจอเสี่ยภูมิไปหลบให้ไวเพราะท่านจะอารมณ์เสียถ้าเกิดเห็นเราเข้า”
“ทำไม” แววตาถามเสียงห้วน ถ้าจับตัวมาขายแล้วจะให้หลบเขาไปทำไมกัน
“ท่านไม่ชอบเห็นผู้หญิงไร้การศึกษาอย่างเดินเพ่นพ่าน”
“อือ แล้วอะไรอีก”
“อย่าคิดหนีเด็ดขาด เพราะสถานที่แห่งนี้ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงอย่างเราแล้ว อยู่นี่ไม่มีใครกดขี่ข่มเหงเราได้”
“แค่ขายตัวก็ขายศักดิ์ศรีแล้ว” เธอประชดและหัวเราะเมื่อวิกานดาบอกว่าสถานที่แห่งนี้ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงอย่างเรา
“ถึงแม้พวกเราจะขายตัวแต่ก็ยังมีศักดิ์ศรีอยู่ เราอยู่ไปเดี๋ยวจะเข้าใจเอง”
“อือ หมดยัง”
“ข้อสุดท้าย เวลากินข้าวให้กิน อย่าพยศเด็ดขาดเพราะจะไม่ได้กินข้าวไปอีกสองวัน”
“เหอะ ถ้าคนไม่หิวแล้วจะมาบังคับกันได้ยังไง”
“พี่เตือนเราแล้วนะ อย่าลองดีก็แล้วกัน วันนี้เห็นมาวันแรกไปนอนพักผ่อนเถอะ และเตรียมใจให้พร้อมด้วย มาถึงที่นี่แล้วยังไงก็ต้องทำงาน”
“.....” แววตานิ่งเงียบและล้มตัวลงนอนคลุมโปง ภายในหัวพยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอดไปจากที่นี่ เธอไม่มีทางทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองแหกขาอ้าให้คนอื่นหรอก ไม่มีทางชีวิตของเธออีกยาวไกลจะมาจบเห่ตรงนี้ไม่ได้
5 วันต่อมา
โครม!!
“ไอ้แก่ตัณหากลับออกไปจากห้องฉันถ้าไม่อยากตาย” แววตาหยิบโคมไฟขึ้นมาป้องกันตัวเมื่อใช้ปลายด้ามฟาดเข้าที่หน้าของตาแก่ลงพุงที่พยายามจะล่วงเกินเธอ
“อีเด็กบ้านี่ กูเสียเงินไปแล้วยังจะมาเล่นตัวกับกูอีก”
“ไอ้แก่อยากโดนข้อหาล่วงละเมิดเด็กไม่พ้นวุฒิภาวะไหม ฉันเพิ่งจะ 18 อยากจะกินเด็กจนไม่สนกฎหมายรึไง”
“ใครเอาอีนี่มาย้อมแมวว่ะ ไหนบอกน่ารักเรียบร้อย เรียบร้อยห่าอะไร อีเด็กเปรต”
“เออ...ออกไปไอ้แก่ ถ้าไม่อยากโดนอีเด็กเปรตตีกบาลแตกอีกรอบ”
“เอะอะโวยวายอะไรกันครับ” ผู้ที่ดูแลสถานที่ขายบริการเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบเมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังตีกันดังออกไปข้างนอก
“จะอะไรอีกล่ะ เด็กแกไง มันเชื่องที่ไหนมึงดูหัวกูแตกจนไม่รู้ต้องไปหยิบกี่เข็ม เอาเงินกูคืนมา” ชายแก่ลงพุงพูดอย่างหัวเสียและมองหน้าเด็กสาวอย่างเอาเรื่อง
“แววตาเธออีกแล้วนะ”
“ทำไม มาตบมาตีฉันสิ มาตบเลย” เธอท้าไปงั้นแหละเพราะลองแผลงฤทธิ์แบบนี้มาตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่เคยโดนทำร้ายร่างกายเลยสักครั้ง คงกลัวสินค้ามีตำหนิถึงได้ดูแลการกินการอยู่ดีแบบนี้
“ผมขอโทษเสี่ยด้วยนะครับ เดี๋ยวทางเราจ่ายค่ารักษาให้ และจะตักเตือนเด็กคนนี้ให้ครับ”
“เออ สั่งสอนมันดีๆ อีเด็กนี่อายุเพิ่งจะ 18 เองด้วยซ้ำกะจะให้กูติดคุกหัวโตเลยรึไง”
“หา 18”
“เออ มึงไม่รู้รึไง เอาเงินมาให้กู กูจะไปแล้วเจ็บหัวฉิบหาย”
ภายในห้องสีทึบภูมิหรือเสี่ยภูมิที่คนข้างนอกเรียกกันว่าเสี่ยนั่งคิ้วกระตุกเมื่อลูกน้องมารายงานว่าเด็กที่ซื้อมาอายุเพิ่งได้ 18 ปี
“ก่อนมึงเอามามึงไม่ตรวจสอบให้ดีรึไงกันว่ะ” คิ้วเข้มกระตุกโกรธจนตัวสั่นเพราะไหนจะเสียเงินไปแล้วเด็กที่ได้มายังใช้ประโยชน์ไม่ได้อีก"
“และวันนี้เด็กนั้นทำร้ายร่างกายแขกจนเลือดตกยางออกด้วยครับ”
“ฉิบหาย” ได้ยินเลือดลมแทบขึ้นหน้าเมื่อรู้ว่าต้องเสียเงินเพิ่มอีก “มึงไปจัดการเรื่องให้เรียบร้อยซะ”
“แล้วเด็กนั้นละครับนายเอาไงดี”
“ปล่อยเอาไว้ก่อน ไสหัวไป”
“ครับนาย”
“ส่วนมึงไอ้หรั่งอยู่ก่อน” สายตาดุมองตวัดไปที่นามว่าหรั่ง หัวคิ้วเขากระตุกไปมาและเดินเข้าไปตบกบาลอีกฝ่ายอย่างแรง
ผลัวะ!
“มึงเป็นคนซื้อเด็กนั้นมามึงไม่ได้ตรวจสอบอายุมาก่อนรึไงไอ้หรั่ง”
“ตรวจสอบแล้วครับแต่ไม่รู้ว่าจะโดนย้อมแมวเพราะป้ามันที่ขายให้บอกว่าอายุ 20 ปีแล้วครับนาย”
“แล้วมึงก็เชื่อเขาโดยง่าย ไอ้ควายเลี้ยงเสียข้าวสุก ทีหลังมึงตรวจสอบบัตรประชาชนสิวะ ไม่ใช่ให้บอกปากเปล่าแล้วรับควักเงินซื้อ”
“ขอโทษครับนาย แต่เด็กนั่นมันสวยจริงๆ นะครับนาย ป้ามันบอกว่ายังซิงอยู่ผมเลยกะจะเอามาให้นายครับ”
“แล้วมึงถามกูรึยังว่ากูต้องการไหม”
“ขอโทษครับ ผมเห็นนายชอบรับเลี้ยงเด็ก แล้วเด็กนี่มันสวยๆ จริงๆ ผมเลยเอามา”
“มึงคิดว่ากูจะเอาเด็กในสังกัดเข้ามาเลี้ยงรึไงไอ้โง่ อยู่กับกูมาตั้งนานยังไม่รู้อีกว่ากูเป็นคนยังไง”
“ขอโทษครับนาย นายลองไปดูก่อนไหม แค่ลองไปดูเฉยๆ ก่อนก็ได้ ถ้าไม่ถูกใจจริงๆ เราค่อยส่งเด็กนั่นไปทำงานอย่างอื่นแทน”
“กูไม่เอาตัวเองไปเกลือกกลิ้งสถานที่แห่งนั้นหรอก” เส้นเลือดตรงขมับแทบแตกเมื่อลูกน้องตัวดียังมีหน้ามาบอกให้เขาไปดู คนอย่างเขาไม่มีทางเดินเข้าไปสถานที่แห่งนั้นเด็ดขาด ถ้าจะไปจริงๆ ก็ต้องเป็นเรื่องสำคัญเท่านั้น
“เดี๋ยวผมพามาเองครับ”
“เฮ้อ ออกไป กูปวดหัว”
“ครับๆ”
“แววตาขืนเธอมัวเป็นแบบนี้จะลำบากเอานะ” วิกานดาเข้ามาพูดคุยเมื่อเห็นหญิงสาวไม่ยอมหยุดอาละวาด ผ่านมาห้าวันแล้วที่ยังไม่ยอมรับแขกถึงแม้จะรู้ว่าหญิงสาวอายุ 18 ปี ก็เถอะ แต่เข้ามาอยู่แบบนี้ก็ต้องทำเหมือนกัน เพราะทุกคนมีหน้าที่ขาย
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”
“ไม่ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ หลับหูหลับตาทำไปเถอะ”
“ไม่เอา ให้ฉันตายเสียดีกว่าไปอ้าขาให้คนอื่น” แววตาสวนกลับอย่างดื้อดึง วิกานดาทำอะไรไม่ได้จึงวางข้าวกล่องไว้ให้ เพราะหญิงสาวยังโดนกักบริเวณอยู่
เธอหยิบข้าวขึ้นมากินไม่เคยคิดที่จะประท้วงว่าไม่กินข้าว เพราะเคยทำแล้วโดนปล่อยให้อดกินข้าวจริงๆ สองวัน จึงเลิกใช้วิธีนั้นเพื่อประท้วงเพราะยังไม่อยากตายตามที่ปากพูด
ผ่านมาอีกวันแต่ครั้งนี้ไม่มีใครเข้ามาต้องการจะมีเพศสัมพันธ์กับเธอ อาจจะเป็นเพราะเมื่อวานเธอบอกไปว่าอายุได้แค่ 18 ปี ถึงที่นี้จะเป็นสถานที่ขายบริการแต่ต้องยอมรับเลยว่ากฎค่อนข้างแน่นหนาและไม่เอาเด็กที่อายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์มาขายบริการเด็ดขาดตามกฎหมายที่คุ้มครองเอาไว้
สถานที่แห่งนี้เธอได้รู้มาจากวิกานดาว่าเป็นสถานที่ขายบริการถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมีการขึ้นจดทะเบียนอย่างถูกต้อง
“ทำงานไม่ได้คืนนี้ก็ออกไปช่วยเสิร์ฟเหล้าละกัน" ผู้คุมเดินเข้ามาหาเด็กสาวที่นั่งจ้องเขาด้วยสายตาที่ไม่มีความหวาดกลัว หลายวันมานี้เขาได้เห็นแล้วว่าเด็กคนนี้มันแผลงฤทธิ์ได้ขนาดไหน ไหนจะปากที่ด่าเก่งอีกไม่รู้ใครสรรหาเด็กคนนี้มา
“ให้ไปทำที่ไหนล่ะ” เสียงห้วนถามกลับอย่างไม่มีหางเสียง
“ที่ผับข้างบน” ผู้คุมชี้มือไปข้างบนที่เปิดเป็นผับและสถานบันเทิง ส่วนข้างล่างจะเป็นสถานที่ขายบริการต้อนรับแขกที่ต้องการปลดปล่อย
“อายุเพิ่ง 18 ทำไม่ได้หรอก” เธอเถียงสู้กลับและเอามือกอดตัวเองเอาไว้แน่น
“ทำไม่ได้ก็ต้องทำ แค่ไปเสิร์ฟไปเก็บแก้วจาน ถ้าเธอยังทำไม่ได้อีกคงได้เป็นเรื่อง หรืออยากจะขายล่ะ ยังไงก็ไม่มีใครรู้ว่าเธออายุเท่าไรอยู่ดี"
“อือ ฉันจะไปเสิร์ฟเหล้า”
“ดี เดี๋ยวให้วิเอาชุดมาให้”
“แววอย่าก่อเรื่องเข้าใจไหม ถ้าคืนนี้เธอก่อเรื่องอีกเป็นเรื่องแน่ เพราะข้างบนเสี่ยภูมิอยู่” วิกานดาที่เข้ามาแต่งตัวให้กับแววตารีบพูดกำชับ
“รู้แล้วพี่ ฉันทำอะไรได้หมดแหละไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“รู้ว่าไม่ใช่เด็ก แต่เธอดื้อมากคุมก็อยาก ถ้าคืนนี้เผลอก่อเรื่องขึ้นมาอีกเสี่ยภูมิเอาตายแน่”
“รู้แล้ว” แววตากลอกตาอย่างเบื่อหน่าย เพราะเธอโตมาด้วยตัวเองจึงค่อนข้างจะดื้อดึง และไม่ยอมถูกเอาเปรียบ ถ้าวันนั้นไม่พลาดท่าให้กับป้าแท้ๆ ของตนเองคงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่
“เป็นเพราะรูปร่างของเธอไงแวว คนเขาถึงไม่คิดว่าอายุ 18 ไหนจะนมไหนจะเอวไหนจะบั้นท้ายแน่นมือแบบนี้ไงไอ้พวกนั้นถึงไม่รู้” วิกานดาที่แต่งหน้าทำผมให้เสร็จและสั่งให้แววตาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถึงได้เห็นว่าเด็กสาวคนนี้สวยและดูโตกว่าอายุ
“ไปได้ยัง” เมื่อเห็นถึงความห่วงใยมาจากคนที่เธอพึ่งรู้จักได้ไม่ถึงอาทิตย์จึงทำอะไรไม่ถูก
“เสร็จแล้ว ตามมาพี่จะอธิบายงานให้ฟังว่าทำอะไรบ้าง” วิกานดาพาเดินเข้าไปในลิฟต์และกดชั้นสอง
แววตาตกตะลึงเล็กน้อยเธอไม่เคยคิดเลยว่าข้างบนจะเป็นผับใหญ่ขนาดนี้ มีทั้งโซนที่นั่งทานอาหาร อีกฝั่งจะเป็นเฉพาะนั่งดื่มเท่านั้นแยกออกอย่างชัดเจน
“พี่จะเอาเราอยู่โซนอาหารขืนให้ไปอยู่โซนดื่มมีหวังเป็นเรื่องแน่”
“อยู่ไหนก็อยู่พี่”
“เราไม่ต้องไปรับออร์เดอร์คอยเอามาเสิร์ฟและเก็บอย่างเดียว ตอนเก็บจานชามก็เอาไปวางตรงจุดล้างเดี๋ยวพี่พนักงานเขามาล้างเอง”
“แล้วพี่ล่ะ”
“พี่อยู่ตรงดื่มนู้นต้องคอยเอนเตอร์เทนแขกอีก”
“อ๋อ โอเคไม่ต้องห่วงฉันทำได้”
“งั้นพี่ไปแล้ว”
“น้องมาใหม่ใช่ไหม” พนักงานชายเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นหญิงสาวดูแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อน
“ใช่ค่ะ พี่เขาให้มาช่วยทางนี้”
“งั้นเอาเซตนี้ไปเสิร์ฟโต๊ะ 6 หน่อย”
“ค่ะ” เมื่ออยู่ในสถานการณ์นี้เธอเองก็สามารถปรับการพูดจาได้เพราะไม่อยากมีเรื่องมีเรื่องมีราวทีหลัง จึงพยายามพูดให้มีหางเสียงให้มากที่สุด
แววตาทำงานไปได้สักพักก็เริ่มชินเพราะเธอเคยทำงานสารพัดอย่างมาก่อนเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง แค่นี้ถือว่าเธอสบายมาก
“พี่ทางดริ้งคนไม่พอขอคนไปช่วยสักคนสองคนได้ไหม”
“น้องๆ น้องคนสวยๆ นะได้ยินไหม”
“ค่ะ ได้ยินค่ะ” แววตาเอาแก้วมาวางตรงจุดล้างและเดินเข้ามาหา
“เราหน้าตาสะสวยไปช่วยทางนั้นหน่อย ทางนี้แขกไม่เยอะแล้ว”
“ได้ค่ะ” เธอตอบรับอย่างว่าง่ายและเดินตามผู้ชายร่างสูงที่ค่อนข้างอ้อนแอ้นเล็กน้อย
“พอแขกสั่งน้ำเราเอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟให้กับแขกพอ ยืนตรงจุดบาร์นี่แหละ”
“ได้ค่ะ”
“ฝากด้วยนะ”
“เด็กใหม่เหรอเรา ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” บาร์เทนเดอร์หน้าตาหล่อเหลาเอ่ยถามและยิ้มมาให้
“ใช่ค่ะ” เธอตอบรับสั้นๆ และพยายามมองไปทางข้างหน้าที่มีแขก
“เราชื่อไรล่ะ พี่ชื่อขุน”
“แววค่ะ”
“ชื่อน่ารักจัง เอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟโต๊ะนั่นที”
“โต๊ะไหน” เธอเพ่งมองท่ามกลางความมืดเพราะไม่แน่ใจว่าจะเอาไปให้เสิร์ฟโต๊ะไหน”
“โต๊ะ 4 ดูแสงไฟนีออนสะท้อนแสงเอาจะได้เห็น”
“โอเค” เธอถือถาดเครื่องดื่มที่มีแชมเปญและไวน์ขาวเดินตรงไปที่โต๊ะ 4 ที่บาร์เทนเดอร์บอก “เครื่องดื่มค่ะ” เธอวางเครื่องดื่มและเตรียมจะหันเดินกลับไป
“เด็กใหม่เหรอหน้าตาสวยจัง มานั่งกับพี่ก่อนมา” ชายร่างท้วมแก่คราวพ่อไม่พูดเปล่ากับดึงข้อมือเล็กให้เข้ามานั่งบนตักของตน
“ไอ้แก่”
เพล้ง!!
*****************************
นางเอกสู้ยิบตาค่ะเธอ
ไรท์หายไปนานยังจำไรท์กันได้อยู่ใช่ไหม งื้ออ