ห้องโถงใหญ่ของบ้านเพียงดาวเต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบงัน ราวกับเวลาหยุดหมุน คุณอารยะเดินวนไปมาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองปนตกใจ เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้องสะท้อนทั่วพื้นหินอ่อน ขณะที่คุณอรทัยนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา มือบางกำชายเสื้อแน่น ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความไม่เข้าใจ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน มันจะไม่มีบอกใครบอกว่ายัยเอื้อยไปไหนเลยหรือไง เพื่อนยัยเอื้อยทุกคนก็ไม่มีใครรู้ว่ายายเอื้อยไปไหน” คุณอารยะเอ่ยเสียงเข้ม แววตาคมดุดันจ้องไปยังจดหมายที่เพียงดาวทิ้งไว้ มีเพียงไม่กี่ประโยคสั้นๆ ที่ไม่ระบุจุดหมายปลายทางและความตั้งใจว่าเธอจะเดินทางไปที่ใด มันทำให้ทั้งคุณอารยะและคุณอรทัยเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
"คุณคะ ยัยเอื้อยได้ปรึกษาอะไรคุณมั้ย ยัยเอื้อยได้บอกคุณไหมว่าทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งที่แค่อีกสองเดือนก็จะแต่งงานกับตาแทนแล้ว" คุณอรทัยเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาจ้องไปที่สามีด้วยความหวั่นวิตก ท่านไม่รู้เลยว่าบุตรสาวไปอยู่ที่ใด และคำถามที่ถามสามี ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหาคำตอบ เพียงแค่ต้องการระบายสิ่งที่อึดอัดอั้นในใจของท่านเท่านั้น
ผู้เป็นบิดากำหมัดแน่น ความผิดหวังและความโกรธตีตลบในใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบุตรสาวที่เลี้ยงดูมาอย่างดี ถึงเลือกเดินหนีจากสิ่งที่ครอบครัวจัดเตรียมให้
“ลูกไม่รู้หรือไงว่านี่คือสัญญาที่ผูกพันกันมานาน” คุณอารยะไม่ตอบในสิ่งที่ภรรยาถาม แต่ท่านเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะหันไปมองแทนคุณที่เพิ่งเดินเข้ามา และได้ยินสิ่งที่คุณอารยะเอ่ยออกไป
แทนคุณยืนนิ่ง สีหน้าสงบแต่ดวงตาลึกซึ้งเต็มไปด้วยคำถาม เขาไม่ได้ตอบอะไรในทันที เพียงมองกระดาษในมือบิดาของเพียงดาวเหมือนอยากจะเจาะลึกลงไปถึงเหตุผลที่แท้จริง
“คุณน้าครับผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าเอื้อยต้องมีเหตุผลถึงเลือกทำอะไรแบบนี้ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไปตามหาเอื้อยให้เจอ ไม่ว่ายังไงผมกับเอื้อยก็ต้องแต่งงานกัน” เสียงทุ้มหนักแน่นของเขาดังขึ้น มันทำให้ชายชรามั่นใจขึ้นมาว่ายังไงเสียการแต่งงานของทั้งสองคนก็ไม่ล่มแน่ๆ
"แทน เราคิดว่าเราจะทำยังไงต่อไป" คุณอารยะสบตาเขา ความโกรธในใจถูกแทนด้วยความกังวลที่ซ่อนลึก แทนคุณนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยช้าๆ แต่ชัดเจน