ไคล์เข้าห้องเรียนน้อยมากและหายไปจากมหาวิทยาลัยครั้งละนานๆ เขาเคยหายไปนานสุดเกือบสามเดือน มีข่าวลือว่าเขาเรียนหลายมหาวิทยาลัย หนึ่งในนั้นคือ มหาวิทยาลัยชื่อดังและเก่าแก่ในลอนดอน กระนั้น ผลการเรียนของเขายังสูงสุดเสมอ
“ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” เจ้าของดวงตาสีมรกตที่งดงามราวกับดวงตาเสือโคร่ง เธอไม่มั่นใจว่าหากได้จ้องมองดวงตาคู่นั้นใกล้ๆ เธอจะหวาดกลัวหรือหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นกันแน่ เธอยิ้มกับตัวเองเมื่อคิดไปถึงว่า... “อยู่ห้องติดกันแบบนี้ ค่อยอยากมาทำความสะอาดให้ยัยนั่นหน่อย”
“หมอนี่อยู่ห้องข้างๆ เหรอ” ร็อกกี้มีสีหน้าไม่พอใจ แน่ล่ะ เขาเป็นที่สองรองจากไคล์เสมอ “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ ปกติฉันมาทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง สัปดาห์ที่แล้วก็ยังไม่เห็นนะ มาเห็นพร้อมคุณตะกี้ มีอะไรรึเปล่าคะ คุณทำหน้าอย่างกับเพิ่งเห็นฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง”
ชายหนุ่มหญิงสาวเดินผ่านหน้าห้องของเขาไปยังหน้าลิฟต์ หญิงสาวสีหน้าแจ่มใสขึ้นเมื่อได้กลิ่นไวน์อ่อนจางลอยผ่านจมูก ไวน์จากริมฝีปากของเขาแน่ๆ แต่ชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ เธอกลับหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนคนขับถ่ายไม่ออก
“ให้ตาย ไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่เลย ทำไมต้องมาอยู่ใกล้กันด้วย”
หญิงสาวแอบแบะปาก ไม่ชอบเพราะเขาหล่อกว่า เก่งกว่า น่าสนใจกว่าตัวเองละสิ หล่อลึกลับ น่าค้นหาที่สุด ไม่เหมือนร็อกกี้จอมสร้างภาพ จะมีใครรู้ไหมว่าแท้จริงแล้ว ผู้ชายอ่อนโยนอบอุ่นคนนี้ แสนจะหยาบคาย
“ฉันจะให้ไอริสย้ายออก”
“เพียงเพราะคุณไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนข้างห้อง ตลกจังค่ะ ฉันเคยคิดว่าคุณเป็นคนมีเหตุผลกว่านี้”
“บางทีคนเราไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเยอะแยะหรอก ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ”
เหมือนที่เขาเกลียดเธอใช่ไหม...เกลียดก็คือเกลียด !
“ก็จริงของคุณ เพราะในขณะที่คุณไม่ชอบเขา เขาอาจจะเกลียดคุณเข้ากระดูกดำก็ได้”
ประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวก้าวเข้าลิฟต์ก่อนชายหนุ่ม แล้วไปยืนชิดฝาด้านหนึ่ง ส่วนชายหนุ่มเดินไปยืนชิดฝาอีกด้าน บอกให้รู้ว่าอยู่กันคนละโลก
เขาบอกให้เธอกดเลขชั้น แต่เธอยืนเฉย จนเขาต้องกดเสียเอง ถึงวินาทีนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่บ้านของไอริสจะโอหังขนาดนี้
และขณะประตูลิฟต์กำลังจะเลื่อนปิดนั่นเอง ฝ่ามือหนึ่งยื่นมาจับขอบประตูไว้เสียก่อน หนุ่มข้างห้องก้าวเข้ามาในลิฟต์เป็นคนที่สาม เขาเข้ายืนตรงกลางระหว่างร็อกกี้และเมริสา
ไคล์ยืนนิ่งเป็นหุ่น เธอไม่แน่ใจว่าเขายังหายใจอยู่รึเปล่าด้วยซ้ำ
ร็อกกี้เมินหน้าไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นหน้าไคล์ ขณะหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะสำรวจร่างกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขาช่างสูงสง่าและผึ่งผายอะไรเช่นนี้ ตัวเธอนั้นคงสูงแค่ราวอกของเขาเห็นจะได้
“ถ้าเรามีแฟนสูงขนาดนี้ สงสัยเวลาจูบแค่เขย่งเท้ายังไม่พอ ต้องเสริมเก้าอี้ด้วย” เธอพูดภาษาไทยออกมา แล้วหัวเราะขำ ชายหนุ่มสองคนถึงกับงงงัน หันมองเธอ ด้วยสีหน้าดุๆ เธอจึงกลับมาพูดภาษาอิตาลีเพื่อความเข้าใจทั้งสองฝ่าย “ฉันแค่ร้องเพลงเองค่ะ ฉันผิดด้วยเหรอ?”
ไคล์หันกลับไปยืนหน้าตรง ส่วนร็อกกี้ชี้หน้าคาดโทษเธอ แม้ไม่รู้ว่าเธอพูดอะไรกันแน่ แต่ดวงตากลมโตที่ดูมีเล่ห์ ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอกำลังนินทาเขาอยู่
อึดใจต่อมา ประตูลิฟต์เลื่อนออก ถึงที่หมาย
ไคล์เดินออกคนแรกแล้วแยกไปอีกทาง หญิงสาวมองตามหลังเขาไปอย่างสนใจ จนชายหนุ่มที่ก้าวออกมาหลังสุด รู้สึกหมั่นไส้
“พวกขายยา”
“ยา!!!” หญิงสาวหัวเราะน้ำตาเล็ด จนชายหนุ่มงง “คุณหมายถึงเปิดร้านขายยาน่ะเหรอ เขามีคลินิกเหรอคะ”
“ไม่ใช่!!!” เขาอิดหนาระอาใจ “พวกมาเฟีย ไอ้หมอนี่เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลคาร์โล ที่เบื้องหลังทำแต่เรื่องผิดกฎหมาย”
“แล้วเบื้องหน้าเขาล่ะ”
“กุมธุรกิจโรงแรมในเครือนิวส์พาราไดซ์”
“เขาก็รวยเหมือนกันนะ”
“เอาไว้ฟอกเงิน แต่ไม่มีหลักฐาน อย่าพูดไป” ชายหนุ่มยังทำหน้าเครียดต่อเนื่อง “เอาเป็นว่า อย่าเข้าใกล้เป็นดีที่สุด เพื่อความปลอดภัย อยู่ห่างหมอนี่ไว้”
“คุณเตือนฉันเหรอ”
“เปล่า...ฝากบอกไอริส”
“งั้นคุณไปบอกเธอเองก็แล้วกัน เจอกันบ่อยกว่าฉันเสียอีกนี่”
เธอพูดจบก็เดินหนีเขา โดยทิ้งระยะห่างจากเขาเกือบเมตร ไม่นานนักก็ถึงซุปเปอร์มาเก็ต หญิงสาวเข้าไปด้านในแล้วเข็นรถตรงไปยังแผนกอาหารสดทันที
เธอเลือกซื้อผักสดอย่างมีความสุข จนกระทั่ง ชายหนุ่มมายืนอยู่ด้านหลังแล้วออกคำสั่งเหมือนเธอเป็นทาสรับใช้
“เอาแครอทออก หยิบบล็อกโคลี่มา ข้าวโพดอ่อนด้วย แล้วก็...”
“คุณมาเลือกเองก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่เหนื่อยปาก”
“ฉันเป็นแฟนเจ้านายเธอนะ อย่าลืม กินเงินเดือนไอริสอยู่ไม่ใช่เหรอ”
เธอไม่อยากจะเถียง เลยเข็นรถหนีไปที่แผนกเนื้อสัตว์ เขาตามมาไม่ทิ้งห่าง
“ฉันไม่กินเนื้อวัว และสัตว์ปีกทุกชนิด และฉันแพ้อาหารทะเลหลายอย่าง กุ้ง หอย ปู ไม่ได้เลยนะ ปลาก็ต้องสดจริงๆ ไม่อย่างนั้น ฉันจะท้องเสีย ส่วน...”
“กินอะไรได้บ้างคะ” เธอถามเพราะรำคาญเต็มทน
เขานิ่วหน้า...แล้วคิด “นอกจากที่พูดไปไง”
“คำตอบของคุณเป็นประโยชน์กับฉันมากเลยค่ะ ฉันรู้แล้วว่าจะซื้ออะไรไปทำอาหารให้คุณกิน”
“อะไรเหรอ”
“ไข่ไง” เขาอ้าปากค้าง เธอเดาว่าเขาคงอยากจะกินเสียเดี๋ยวนี้เลย เจ้าหล่อนเดินไปที่แผนกขายไข่แล้วหยิบมาสองโหล จากนั้นก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์อย่างเร็ว
โดยไม่ฟังเขาบ่นเรื่องการกินอาหารไม่ครบหมู่ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับพลังงานที่เพียงพอต่อการนำไปเลี้ยงสมอง เป็นผลให้การทำงานตกต่ำลง เธอเพียงแค่บอกให้เขาจ่ายเงินและเดินตามกลับไปที่อพาร์ตเม้นต์
กลับถึงห้องปุ๊บ หญิงสาวลงมือทำอาหารทันที เธอต้องการให้อาหารเสร็จก่อนเย็น เพราะเธอต้องการกลับไปช่วยงานที่ร้านอาหาร ซึ่งเป็นงานที่เธอได้เงินเดือน
“ฉันจัดอาหารไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอเคาะประตูห้องนอน ชายหนุ่มเองก็เข้าห้องไปตั้งแต่กลับเข้ามา “เชิญคุณรับประทานได้ ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ชายหนุ่มเปิดประตูผ่าง เขาอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ผมยังเปียกกระเซิงอยู่
“กลับไปไหน”
เมริสาไม่อยากมองเขาตรงๆ จึงเลื่อนสายตาไปทางอื่น “กลับที่พักของฉันน่ะค่ะ”
“ไม่ได้พักที่นี่เหรอ”
“เปล่านี่คะ ฉันทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับค่ะ แล้วก็มาเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น คุณไอริสไม่ได้บอกเหรอคะ”
ชายหนุ่มเงียบไปครู่ ไม่รู้คิดอะไร “อยากไปไหนก็ไป”
ประตูปิดลง หญิงสาวดีใจรีบกลับไปเก็บกระเป๋าสะพาย แล้วออกจากห้องทันที ก่อนที่หมอนั่นจะตะโกนสั่งงานมาอีก เพราะถ้าเธอไปถึงที่ร้านตอนนี้ เธอจะช่วยงานได้มาก เพราะลูกค้าจะเยอะในช่วงเวลานี้
เมริสาเปิดประตูออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี มุ่งตรงไปยังลิฟต์โดยไม่รอช้า
“จ้างให้ก็ไม่มาอีก เชิญอยู่รอนางฟ้าแสนดีไปเหอะ” เธอพูดพลางก้มสูดดมตามเสื้อผ้าตัวเอง “เหม็นสุดๆ”
แล้วก็ถอนหายใจระอา เนื้อตัวเธอมีแต่กลิ่นอาหารตลบอบอวล ไร้เสน่ห์ ไร้แรงดึงดูด ไม่ควรเข้าใกล้ใคร
“เฮ่อ....” เธอรอลิฟต์เพียงครู่เดียวเท่านั้น มันก็เปิดออก เผยให้เห็นคนที่โดยสารกลับขึ้นมา ชายหนุ่มข้างห้องเดินสวนออกมา สายตาเย็นชาไร้อารมณ์สุดๆ
“มาเฟียเหรอ” เธอรู้สึกตลกกับเรื่องที่ได้ยินมา “เป็นตั้งมาเฟีย แล้วมาทำอะไรแถวนี้ บอดี้การ์ดล่ะ มือปงมือปืนหายไปไหนหมด ไม่กลัวโดนศัตรูซิวเหรอ”
นิ้วชี้เรียวสวยกดที่ชั้น G ลิฟต์เลื่อนลงยังจุดหมาย ในช่วงเวลาเพียงน้อยนิดที่อยู่ในลิฟต์ เธอหายใจเอากลิ่นกายที่เขาทิ้งไว้เข้าปอด กลิ่นเหมือนไวน์ขาวที่เธอใช้ทำอาหาร