ฉันซวยตลอดเลย

1479 คำ
“ขอโทษนะคะ ฉันคงมาเร็วไป” เธอหมุนตัวจะกลับ เขาเรียกไว้ “มาช้าไปตั้งสิบนาที เร็วเข้า ผมหิว” หญิงสาวหลับตาแน่น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะพบภาพอุจาดแบบนี้ในวันฟ้าใส และเธอไม่อยากจะเชื่อว่าหมอนี่จะเป็นคนเปิดเผยขนาดนี้ “ได้ยินรึเปล่า ว่าผมหิว” เขายังคงตีหน้าขรึม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่กำลังทำอนาจารอยู่อย่างเลือดเย็น ที่สำคัญ ทำให้สายตาของเธอเดือดร้อน “ฉันจะรอให้คุณแต่งตัวเรียบร้อยก่อนค่ะ ฉันจะรออยู่หน้าห้องนี่ละ” ชายนุ่มยิ้มนิดๆ อันที่จริง เขาอยากจะแกล้งเธอบ้าง “เมื่อวานมีแต่เมนูไข่ ฉันกินจนจะอ้วก” ใครกันแน่จะอ้วก เธอค้านในใจ “ถ้าเธอแกล้งทำเมนูไข่ให้ฉันกินอีกล่ะก็ ฉันจะให้เธอกินเองให้หมดเลย” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก เธอไม่อยากจะแปลประโยคของเขาเลย เขากำลังคิดลามกอยู่ใช่ไหม “เช้านี้ ขอแซนวิสกับกาแฟก็พอละกันนะ” “ค่ะ...เอาเป็นว่าฉันจะรอให้คุณแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยนะคะ เชิญคุณเข้าไปจัดการตัวเองก่อนเถอะค่ะ ก่อนที่ฉันจะ...” ตัดของคุณมาทำอาหารให้คุณรับประทาน หญิงสาวเป่าลมออกจากปาก เพื่อระบายความอึดอัดในอก เธอรออยู่อึดใจหนึ่ง เขาเดินกลับมา ด้วยสภาพแบบไหนนั้นมิอาจรู้ได้ “เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” “ไอริสยังไม่กลับห้องเลย” เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด สายตาเป็นกังวล “หรือว่าเธอจะมีอันตราย” ใครกันแน่ที่อันตราย... “ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอกค่ะ ไอริสฉลาดเอาตัวรอดเก่งจะตาย” “ผมเห็นด้วยนะ นางฟ้าของผมไม่เสียท่าให้ใครง่ายๆ หรอก” เขาพูดด้วยความภูมิใจสินะ ก่อนจะทำเสียงขรึมเหมือนเดิม “เข้ามาได้แล้ว” “ฉันจะเข้าไปก็ต่อเมื่อคุณอยู่ในสภาพที่พร้อมจะรับแขกแล้วจริงๆ เท่านั้นค่ะ” “หันหน้ามาสิ” “ไม่ค่ะ คุณต้องคอนเฟิร์มก่อนสิคะ” “เออ!!!” เขาตวาดใส่หูเธอจนหูจะระเบิด “ที่ออกมาสภาพนั้นเพราะคิดว่าเป็นไอริสต่างหาก ไม่ได้คิดว่าเป็นแม่บ้านตัวแสบอย่างเธอหรอก เข้ามาเสียที” เมริสาแสยะริมฝีปากด้วยความหมั่นไส้ คิดว่าถ้าเขายังอยู่ในสภาพเปลือย เธอจะเตะผ่าหมากให้ตัวงอเลยทีเดียว เธอหันกลับไปมองอย่างลุ้นๆ เธอค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย เมื่อเห็นเขาใส่ชุดคลุมอาบน้ำแล้ว “ชุดนี้ดีกว่าชุดเดิมนิดหนึ่ง” ชายหนุ่มกอดอก วางท่าเหมือนเจ้านาย “เธอไปหาคำตอบมาให้ฉันว่าเจ้านายเธออยู่ที่ไหน ภายในวันนี้ ถ้าเธอหาคำตอบให้ฉันไม่ได้...” ชายหนุ่มโชว์ล็อกเก็ตที่อยู่ในมือของเขาอย่างเป็นต่อ หญิงสาวตาโตตกใจ จะคว้าคืน แต่ไม่สำเร็จ “ฉันจะเก็บไอ้นี่ไว้เป็นตัวประกัน” “คุณจะบ้าเหรอ ของมันไม่ได้มีราคาอะไร” “ไม่มีราคาแต่อยากได้คืน” เขาหัวเราะหยันๆ “ไม่รู้หรอกนะว่าสำคัญแค่ไหน แต่พอเห็นหน้าเธอตอนเห็นมัน ฉันบอกได้เลยว่ามันได้ผล ถ้าอยากได้คืน ก็ทำตามที่ฉันบอก” “ฉันขอร้องล่ะ” เมริสารีบเดินตามชายหนุ่มเข้าไปด้านใน ส่งสายตาออดอ้อนเต็มที่ แม้ไม่ได้ผลก็ต้องลองดู “นี่มันเรื่องของพวกคุณสองคนนะ ไม่เกี่ยวกับฉันเลย ถ้าคุณไม่มีปัญญาตามหาแฟนตัวเองล่ะก็ คุณก็ไม่ควรจะเป็นแฟนกับเธอหรอก จริงไหมคะ” ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า ทำให้เธอชนแผ่นหลังเขาอย่างจัง เขาหันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจับสองบ่าของเธอไว้แน่น “เธอว่าไงนะ” “เอ่อ...คือ...” เธอหายใจติดขัด กลัวเขาตบที่สุด ไม่น่าพลั้งปากหลอกด่าเขาไปเลย อยากตบปากตัวเองนัก “คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ปล่อยฉันก่อน ฉันเจ็บค่ะ” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ก่อนจะผลักเธอออกไปจากพันธนการอย่างแรง จนตัวเธอเซไปหลายก้าว หญิงสาวประคองตัวให้ยืนตรงได้อย่างเร็ว เขาเดินงุ่นง่านไปมาเหมือนคนฟุ้งซ่านคิดไม่ตก เธอจึงรีบใช้ช่วงเวลานั้นอธิบายเพื่อเอาตัวรอด “คือฉันหมายถึงฉันไม่ควรก้าวก่ายเรื่องของเจ้านาย คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหมคะ ในความคิดของฉันก็คือ เจ้านายของฉันจะติดต่อกลับมาที่คุณเอง ถ้าเธอต้องการ” “ถ้าเธอต้องการ!!!” อีกแล้วนะเมริสา เธออยากโดนดีรึไง “อย่างนั้นก็แสดงว่า ไอริสไม่ต้องการติดต่อกับฉัน ใช่ไหม???” “คือไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ” เธอไม่รู้จะอธิบายหมอนี่อย่างไรดี เพื่อไม่ให้กระทบกระทั่งทั้งสองฝ่าย คนหนึ่งก็คนในครอบครัว อีกคนก็ไม่ผิด แต่เรื่องของเรื่องก็คือเธอไม่อยากโกหก ไม่อยากเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดกับแม่นั่น “ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าเธอคิดอย่างไร ไม่เคยล่วงรู้จิตใจของเธอผู้นั้นจริงๆ แต่ฉันเชื่อว่าใจของเธออยู่กับคุณที่นี่ ไม่ว่าตัวของเธอจะอยู่ที่ไหนก็ตาม สิ่งที่ฉันแน่ใจมีเพียงเรื่องเดียวค่ะ” “โกหกรึเปล่า” เขาคาดคั้นด้วยสายตาที่ประหลาด แลดูมีเลศนัยบาง ๆ เธอสู้สายตาเขา เพื่อยืนยันคำพูดยืดยาวของตัวเอง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าริมฝีปากและยอดแก้มแดงปลั่งไปหมดแล้ว เพราะความที่ตื่นเต้นจัด “ฉันพูดความจริงค่ะ” “ถ้าฉันจับได้ว่าเธอโกหก ฉันจะให้เธอรับผิดชอบ จำไว้” เขาชี้หน้าเธอแบบคาดโทษ ทำใจเธอหล่นตุ๊บ “รับผิดชอบ?” เมริสายิ้มเจื่อน “คนอย่างฉันจะรับผิดชอบอะไรได้คะ ฉันเป็นแค่แม่บ้าน” เขายิ้มดูถูก เหมือนมองทะลุเข้าไปในความคิดของเธอ “ฉันจะเก็บสร้อยเส้นนี้ไว้ก่อน เอาไว้เมื่อไหร่ที่ฉันได้เจอกับไอริสแล้ว ฉันจะคืนให้เธอ” เขาพูดจบก็เดินเข้าห้องแต่งตัว พอประตูปิดสนิท เธอถอนหายใจพรึด “ซวยจริงๆ เลย” นี่มันใช่เรื่องที่เธอต้องรับผิดชอบเหรอ!!! “ฉันจะรอจนกว่ายัยนั่นจะกลับมา” ร็อกกี้คุยโทรศัพท์กับเพื่อน ขณะที่เมริสาสวมผ้ากันเปื้อน กำลังใช้ไม้ถูพื้น แหย่เข้าไปใต้โต๊ะกินข้าว แต่หูนั้นคอยกระดิกฟังไปด้วย “อะไรนะ!!! เกิดปัญหาขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกความเบื่อหน่าย “ไม่...วันนี้ฉันลางาน” เธอเคยรู้จากไอริสว่าหมอนี่ไม่มีวันลางาน หากไม่จำเป็นจริงๆ “คงจะรักยัยไอริสมากสินะ” ทั้งสีหน้า ท่าทาง และคำพูดที่เป็นกังวลเหล่านั้น ทำให้เธอยิ่งแน่ใจว่าไอริสช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีนัก เธอควรตระหนักและกลับมาเดินร่วมกับเขาต่อ เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่สาย “ผู้จัดการเรียกประชุมด่วนอย่างนั้นเหรอ” เขาส่งเสียงฟึดฟัดขัดใจ เดินไปเดินมา หน้าตาเคร่งเครียด เขาต้องเลือกแล้วล่ะ ระหว่างงานซึ่งเป็นอนาคต หรือหญิงสาวที่เขารักนักหนา แต่กำลังคิดคดทรยศเขาอย่างเลือดเย็น “เข้าใจแล้ว รู้แล้วโว้ย” จบประโยคก้าวร้าวนั้น เขาก็วางสาย ถอนใจเหนื่อยหน่ายเหมือนเธอเวลาเจอเรื่องสิ้นหวัง เขาหันมามองเธอโดยทันที เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาจับได้ว่าเธอกำลังจ้องเขาเขม็ง “เธอไม่รู้แน่นะว่ายัยนั่นไปไหน” เธอควรจะบอกความจริงให้เขารู้ไหม ทุกอย่างมันจะได้จบ “ไม่รู้ค่ะ” เขาวางหน้านิ่ง จับสังเกต “เวลาพูด ช่วยสบตากับคู่สนทนาด้วย อย่ามัวแต่หลบ เพราะสายตามันไม่เคยโกหกหรอกนะ เว้นแต่...” แต่เขายิ่งพูด เธอก็ยิ่งหลบยิ่งเลี่ยง เพราะแน่ใจว่าถ้าสบตา เขาจับได้แน่ว่าเธอโกหก เธอไม่ใช่นักแสดงเสียหน่อย “คุณหิวรึยังคะ ฉันจะอุ่นอาหารเช้าให้” “ไม่ต้อง” ปฏิเสธทั้งที่เสียงท้องร้องโครกครากจนเธอได้ยินชัดทีเดียว หญิงสาวแอบยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว จัดการอุ่นโจ๊กหมูที่ทำทิ้งไว้ ก่อนออกไปทำความสะอาด พอร้อนได้ที่ก็ยกลง ตักใส่ถ้วยใบใหญ่ แล้วนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ เธอหวังว่าเขาจะทนกลิ่นอาหารไม่ไหวจนต้องยอมมานั่ง และลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อย “ห๊อมหอม สูตรนี้เป็นสูตรเด็ดจากเชฟใหญ่เลยนะคะ” “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่กิน” เขาตวาดเหว ทำหน้าขัดใจ “เอาไปทิ้งถังขยะซะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม