แผลใจที่ยากจะลืม

1131 คำ
ตอนที่ 6 ขวัญรวินทร์ผละออกจากอ้อมกอดของธันวาเล็กน้อย เธอดันตัวเองออกห่างราวกับร่างของเธอแปดเปื้อน ดวงตาที่เคยสุกใสบัดนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว คำพูดที่ไม่อาจเก็บงำได้หลุดออกมาจากริมฝีปากบางที่สั่นระริก “เค้าเป็นแฟนใหม่ของแม่หนูเองค่ะ” ธันวานิ่งงันไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจปนความสลดใจเข้าจู่โจมหัวใจ เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน “เรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง?” “คือตอนนั้นแฟนแม่เค้าเมาค่ะ แล้วคิดว่าหนูคือแม่ ก็เลยล่วงเกินหนู” ขวัญรวินทร์เล่าต่อ เสียงของเธอขาดเป็นช่วงๆ น้ำตาไหลรินลงมาเป็นสาย “แล้วแม่หนูไปไหนเสียล่ะ” ธันวาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เขาจับมือเล็กๆ ของขวัญรวินทร์มากุมไว้เบาๆ พยายามส่งผ่านความห่วงใยและความอบอุ่นให้เธอรู้สึกปลอดภัย “แม่หนูทำโอทีค่ะ กว่าจะเลิกงานก็สองทุ่ม” ขวัญรวินทร์สะอื้น ความรู้สึกย่ำแย่ถาโถมเข้ามาในใจอีกครั้งเมื่อนึกถึงชีวิตของผู้เป็นมารดา ตั้งแต่แม่ของขวัญรวินทร์เสียผู้เป็นทั้งสามีและเสาหลักของครอบครัวไป โลกทั้งใบที่เคยแข็งแรงมั่นคงก็พังทลายลงตรงหน้า หนี้สินก้อนโตถาโถมเข้าใส่ราวกับคลื่นยักษ์ซัดสาด ทรัพย์สมบัติที่เมธีสร้างสมมาทั้งชีวิตค่อยๆ ร่อยหรอลงไปพร้อมๆ กับความหวัง แม่ของเธอพยายามดิ้นรน หาใครสักคนมาเป็นที่พึ่ง เพื่อกอบกู้ชีวิตที่กำลังจมดิ่ง แต่ความรักที่หวังกลับกลายเป็นคมมีดที่กรีดแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชายคนแล้วคนเล่าที่ก้าวเข้ามาในชีวิต ล้วนแต่เป็นดั่งปลิงร้ายที่คอยสูบเลือดเนื้อ ผลาญทุกสิ่งอย่างที่เหลืออยู่ให้หมดสิ้นไปไม่เหลือแม้แต่เศษซากของความศรัทธา ในที่สุด แม่ของเธอก็ต้องจำยอมสวมชุดฟอร์มสีหม่น เดินเข้าสู่รั้วโรงงาน ท่ามกลางเสียงเครื่องจักรที่ดังอื้ออึงบดบังความรู้สึกผิดหวังในใจ งานที่ต้องใช้แรงกายอย่างหนัก แลกมาด้วยค่าแรงเพียงน้อยนิด มันแตกต่างราวฟ้ากับเหวจากชีวิตที่เคยสุขสบายเมื่อครั้งมีเมธีอยู่เคียงข้าง แต่ถึงกระนั้น อนงค์นางก็ต้องกัดฟันสู้เพื่อลูกสาวที่รัก เพื่อประคับประคองชีวิตที่เหลืออยู่ให้เดินหน้าต่อไป แม้ในใจจะเปี่ยมไปด้วยความรวดร้าว และความรู้สึกผิดที่ไม่อาจแก้ไขอดีตได้ “ช่วงห้าโมงเย็น หนูกลับบ้าน พออาบเสร็จหนูก็เดินผ่านห้องนอนของแม่ไปห้องหนู...หนูก็คิดว่าไม่มีใคร ตอนนั้นหนูนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แล้วเขาก็ตามหนูเข้ามาในห้อง ลากตัวหนูไปนั่งตัก หนูทั้งดิ้นทั้งร้องแต่เขาก็ไม่ฟัง...สุดท้ายหนูก็สู้แรงเค้าไม่ไหว” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานจากภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้น ดวงตาของเธอพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาที่หลั่งไหลไม่หยุด ภาพในหัวฉายซ้ำราวกับติดอยู่ในฝันร้าย ความขยะแขยงและความอัปยศอดสูเกาะกินจิตใจอย่างรุนแรง “แล้วพอเค้ารู้ว่าหนูไม่ใช่แม่ล่ะ....เค้าหยุดมั้ย?” ธันวาพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นคลอน เมื่อได้ยินรายละเอียดที่เจ็บปวด คำถามนั้นเต็มไปด้วยความกังวลและโกรธเคืองแทนเด็กสาว “เค้าอาจรู้หรือทำเป็นไม่รู้ก็ได้ค่ะ...แต่สุดท้ายเค้าก็ขอโทษและบอกว่าตัวเองเมา” ขวัญรวินทร์ตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือดราวกับไร้ชีวิต “ระยำที่สุด!” ธันวาสบถออกมาอย่างเหลืออด “หนูควรบอกเรื่องนี้กับคุณแม่นะ” “แม่ต้องไม่เชื่อหนูแน่ ๆ เลยค่ะ ตอนนี้แม่หนูหลงเค้าอย่างกับอะไร ฮื่อๆๆๆ” ขวัญรวินทร์พูดอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง เสียงสะอื้นไห้ปนกับความเจ็บปวด ดวงตาที่แดงก่ำฉายชัดถึงความหวาดกลัวและสิ้นหวัง เธอรู้สึกราวกับถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพังในโลกที่โหดร้าย ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีใครเข้าใจความทุกข์ทรมานที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ธันวากำมือแน่น ดวงตาของเขาฉายแววโกรธแค้นแทนเด็กสาว แต่ก็ถูกปกปิดไว้ด้วยความเมตตาและเห็นอกเห็นใจ เขาอยากจะไปกระชากคอไอ้สารเลวนั่นมาลงโทษเสียให้สาสม แต่ก็ต้องเก็บงำความรู้สึกไว้เพื่อปลอบประโลมหญิงสาวตรงหน้า “แต่ถึงยังไง...อาหมอก็ขอยืนยันว่า หนูก็ควรจะแจ้งความนะ” ธันวายังคงยืนกราน แม้จะเข้าใจความรู้สึกของเด็กสาวดี แต่ในฐานะแพทย์ เขาย่อมรู้ว่าการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจเช่นนี้ จำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย “หนูขอร้องเถอะนะคะ...อาหมอ!!! หนูไม่อยากแจ้งความ ฮื้อๆๆๆ” ขวัญรวินทร์มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน น้ำตาไหลเป็นทาง เธอส่ายหน้าอย่างแรง การแจ้งความเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดในตอนนี้ ความรู้สึกกลัวถาโถมเข้าใส่จนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ไม่ใช่แค่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายอีกครั้ง แต่ยังกลัวว่าเรื่องราวนี้จะไปถึงหู แม่ของเธอ ผู้ซึ่งกำลังลุ่มหลงแฟนใหม่จนมองไม่เห็นสิ่งใด ถ้าเรื่องแดงขึ้นมา เธอรู้ดีว่ามันจะต้องกลายเป็นการทะเลาะครั้งใหญ่ และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ก็จะแตกหักไม่มีชิ้นดี และที่สำคัญที่สุดคือภูริช แฟนหนุ่มของเธอที่เปรียบเสมือนแสงสว่างเดียวในชีวิต เขาเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งคนรัก เป็นทั้งกำลังใจ และเป็นดั่งอู่ข้าวอู่น้ำที่คอยจุนเจือครอบครัวมาโดยตลอด ขวัญรวินทร์กลัวเหลือเกินว่าถ้าเขารู้เรื่องราวอันน่ารังเกียจนี้ เขาจะรับไม่ได้และตีตัวออกห่างจากเธอไปตลอดกาล เธอไม่อยากสูญเสียไปแม้แต่ความเป็นเพื่อน ความคิดที่ว่าต้องอยู่ตัวคนเดียวอย่างแท้จริงนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าสิ่งใดๆ เธอจึงเลือกที่จะเก็บงำความเจ็บปวดนี้ไว้กับตัวเอง ดีกว่าต้องเสี่ยงสูญเสียทุกอย่างที่เหลืออยู่ไป คำพูดของขวัญรวินทร์ทำให้ธันวารู้สึกเจ็บแปลบในอก ความบอบช้ำทางกายและใจของเธอที่ต้องมาแบกรับความลับอันเจ็บปวดนี้ช่างน่าสงสารเหลือเกิน เขาไม่สามารถบังคับเธอได้ในเมื่อเธอไม่ต้องการ ทว่า...ความปรารถนาที่จะปกป้องเด็กสาวคนนี้ กลับทวีคูณขึ้นในใจของนายแพทย์หนุ่มอย่างไม่รู้ตัว “ก็ได้ อาหมอตามใจหนู” ธันวาพูดเสียงอ่อนโยน พลางลูบศีรษะของเธอเบาๆ “แต่ต่อไปนี้ ก่อนหนูจะกลับบ้านหนูต้องดูดีๆ นะว่าแม่อยู่บ้านหรือเปล่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม