จนเมื่อสิบวันก่อน ที่จะมีข่าวเรื่องงานหมั้นของตระกูลไป๋ ตระกูลหวังออกมา นางได้เผยความในใจของนางกับหวังหรงจื่อ ถึงเขาไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนาง ยิ่งทำให้อวี้หลิงคิดไปไกลว่า สักวันหนึ่งหวังหรงจื่อต้องมาสู่ขอนางเป็นแน่
“อ้อใช่...แล้วเจ้าตัดชุดไปงานใด หรือว่าจะมาร่วมยินดีกับงานหมั้นหมายของข้า” ไป๋ซีม่านเหลือบมองหวังหรงจื่อไปด้วย
“ไม่ใช่ ข้ามีนัดดูตัว”
“ผู้ใด!!!” หวังหรงจื่อเอ่ยถามออกมาอย่างรวดเร็ว
“มิใช่เรื่องของท่านผู้ตรวจการกระมัง ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” อวี้หลิงเดินเข้าไปในห้องด้านใน เพื่อลองชุดว่ามีตรงใดต้องแก้ไขหรือไม่
อวี้หลิงกำลังลองชุดที่นางสั่งตัดเอาไว้อยู่ที่ห้องรับรอง แต่นางยังดูเหมือนไม่ค่อยจะพอใจนัก ด้วยผ้าคลุมไหล่สีเข้มกว่าสีที่นางต้องการเกินไปมากนัก
“เจ้าไปหาผ้าคลุมไหล่สีอ่อนกว่านี้ มาให้ข้าดูหน่อย” นางถอดผ้าคลุมไหล่ออกวางไว้บนโต๊ะ บนเรือนร่างงามจึงเหลือเพียงชุดเกาะอกที่ม่วงเข้มเท่านั้น
“คุณหนู หากท่านให้บ่าวไปซื้อของว่างให้ แล้วผู้ใดจะอยู่ดูแลท่านเล่าเจ้าคะ” เสี่ยวเถาไม่กล้าทิ้งอวี้หลิงไว้เพียงลำพัง
“เจ้าไปเถิด หากร้านปิด ข้าก็อดกินอีก ข้ายังต้องลองชุดอีกหลายชุด เจ้าซื้อของเสร็จยังไม่รู้เลยว่าข้าจะลองชุดเสร็จแล้วหรือยัง” เมื่อเสี่ยวเถาคิดตามที่คุณหนูของนางว่าก็เห็นจะจริง
ท่านแม่ของอวี้หลิง นางสั่งตัดชุดไว้ให้นางถึงห้าชุดด้วยกัน กว่าคุณหนูของนางจะจับคู่ชุดกับผ้าคลุมได้ทั้งหมด คงอีกนับชั่วยาม
“ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปรีบกลับ”
“ซื้อน้ำตาลปั้นมาให้ข้าด้วย ร้านหัวมุมฝั่งตรอกเหนือ อย่าลืมเล่า” อวี้หลิงตะโกนไล่หลังออกไป นางไม่ได้กินน้ำตาลปั้นที่ตรอกเหนือมานานแล้ว นับตั้งแต่ที่นางเริ่มสนใจหวังหรงจื่อ นางก็เลิกกินของหวานไปเลย ด้วยกลัวว่ารูปร่างของนางจะไม่งาม
เสียงเปิดประตูห้องรับรองเข้ามา ทำให้อวี้หลิงหันไปรับผ้าคลุมไหล่ ที่คนงานของร้านผ้าไปหาให้นาง แต่มือเรียวของนางที่กำลังยื่นออกไปก็ต้องชะงัก เมื่อนางมิได้สัมผัสผ้าคลุมผืนบาง แต่เป็นมือหนาของผู้ใดก็ไม่รู้
“ทะ ท่าน” อวี้หลิงเบิกตากว้างอย่างตกใจ นางถอยหลบเข้าไปในมุมห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อคนที่เจ้ามาไม่ใช่คนงานร้านผ้า แต่เป็นหวังหรงจื่อ นางคิดว่าเขาคงเข้าผิดห้องเสียแล้ว
“ท่านผู้ตรวจการคงเข้าผิดห้องแล้วเจ้าค่ะ เรื่องในวันนี้ข้าจะไม่เอาความ ด้วยเข้าใจว่าท่านคงไม่รู้ว่าข้าอยู่ในห้องนี้” นางคิดว่าเขาจะเดินไปดูไป๋ซีม่านลองชุดที่อีกห้องหนึ่ง
“ไม่ผิด เจ้าจะนัดดูตัวกับผู้ใด” เขาเดินเข้ามาประกบอยู่ด้านหลังของนาง พร้อมเอ่ยถามเสียงเย็นออกมา
“ไม่ใช่เรื่องของท่าน แล้วท่านก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาในห้องที่ข้ากำลังลองชุด” นางมองหาเสื้อคลุมตัวนอก มาสวมเพื่อปิดบังเรือนร่างงาม แต่ว่านางหาไม่เจอ จึงได้รีบนำชุดก่อนที่จะลองชุดต่อไป ขึ้นมาสวมทับอย่างรวดเร็ว
“หลิงหลิง ข้าถามว่าเจ้านัดดูตัวกับผู้ใด” เขาเดินเข้ามาบีบต้นแขนของนางไว้แน่น
“ท่านผู้ตรวจการท่านเรียกข้าผิดเสียแล้ว คำเรียกขานเมื่อครู่ ข้าไว้ใจกับสา...” นางยังไม่ทันได้หลุดคำว่าสามีของนางออกมาเลย
ก็ถูกหวังหรงจื่อรั้งคอเข้ามาหา พร้อมทั้งบดจูบนางอย่างบ้าคลั่งเสียแล้ว
“อุ๊บบบบ” นางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ด้วยไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องน่าละอายออกมา
ห้องด้านข้างยังมีไป๋ซีม่านว่าที่คู่หมั้นของเขาอยู่ด้วย และดูเหมือนว่าอีกไม่ช้า คนงานขอร้านคงหาผ้ามาให้นางได้แล้ว หากเข้ามาเห็นนางกับเขาจุมพิตกันอยู่ ชื่อเสียงของนางคงได้ถูกว่าร้านไปทั่วทั้งเมืองหลวง
หวังหรงจื่อบีบคางของอวี้หลิงให้อ้าออก เพื่อที่เขาจะได้สอดเรียวลิ้นเข้ากอบโกยความหอมหวานของสาวแรกรุ่นในปากของนาง
เมื่ออวี้หลิงตั้งสติได้ นางก็กัดลิ้นของหวังหรงจื่อที่กำลังไล่ต้อนลิ้นน้อยของนาง จนเลือดของเขาออกไม่น้อย จึงได้ยอมถอนริมฝีปากออกไป
“เดรัจฉาน!!!” ฝ่ามือน้อยๆ ของอวี้หลิงตบที่ใบหน้าของเขาสุดแรงของนาง จนใบหน้าของหวังหรงจื่อขึ้นรอยนิ้วมือของอวี้หลิง
ดวงตาของนางแดงก่ำไปด้วยโทสะ นางทั้งโกรธแค้น ทั้งเจ็บปวด เมื่อก่อนนางตามตื๊อเขาเพียงใด แต่เขามิเห็นจะแสดงออกมาพึงใจในตัวนางสักนิด ของที่นางเคยมอบให้ ก็ไม่เคยได้ยินจากปากของเขาสักครั้งว่าชอบหรือไม่
“หลิงหลิง” หวังหรงจื่อ จับที่ใบหน้าของตนเอง ด้วยไม่คิดว่านางจะบันดาลโทสะมากเพียงนี้
“ท่านกำลังจะหมั้นหมายกับสหายรักของข้า เรื่องในหนนี้ข้าจะไม่เอาความและหวังว่าท่านกับข้าจะไม่ได้พบเจอกันอีก ออกไปได้แล้วเจ้าค่ะ” นางชี้มือไปที่ประตู
“หลิงหลิง ข้า...”
“ออกไป!!!” นางร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร
อวี้หลิงทรุดตัวลงไปนั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้นก้มหน้าสะอื้นไห้ออกมา นางกำลังตัดใจจากเขาได้แล้ว เหตุใดถึงได้กระทำเช่นนี้กับนางอีก
“อย่ามาถูกตัวข้า” มือหนาของหวังหรงจื่อที่กำลังแตะอยู่ที่ไหล่ของนางชะงักทันที เขาถอนหายใจออกมา ก่อนจะยอมออกไปด้านนอก
เสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดของอวี้หลิงยังดังออกมาด้านนอก แม้เขาจะปิดประตูแน่นหนาแล้วก็ตาม
“คะ คุณหนูฮั่ว” คนงานของร้านไม่รู้ว่าเหตุใดอวี้หลิงถึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเช่นนี้ นางจะเอ่ยถามว่าเป็นอันใด
“ส่งชุดทั้งหมดไปที่จวนตระกูลฮั่ว ข้าไม่ลองแล้ว” อวี้หลิงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิมของนาง ก่อนจะออกไปจากร้านชุดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
เสียงนินทาที่ไล่ตามหลังนางมา ยังพูดว่านางคงเสียใจที่พบเจอหวังหรงจื่อกับไป๋ซีม่านมาเลือกซื้อผ้าด้วยกัน แต่นางเองก็ไม่สนใจจะหันไปต่อว่า เพียงต้องการเดินไปให้ถึงรถม้าเร็วที่สุด
เสี่ยวเถา เมื่อซื้อของว่างให้อวี้หลิงเรียบร้อย นางกลับมาที่ร้านผ้าก็ไม่พบคุณหนูของนางเสียแล้ว พอได้รู้ว่าอวี้หลิงนางกลับออกไปแล้ว จึงได้เร่งฝีเท้าตามนางมาที่รถม้าทันที
“คุณหนู” เสี่ยวเถามองคุณหนูอย่างเห็นใจ ยิ่งเห็นดวงตาที่บวมจากการร้องไห้มาของนางก็ยิ่งสงสารเพิ่มขึ้น
“กลับจวน” อวี้หลิงเอ่ยเสียงสะอื้นออกมา
ไม่รู้ว่าวันนี้นางก้าวเท้าใดออกมาจากจวน ถึงได้เจอเรื่องร้ายเช่นนี้ ทั้งที่นางเก็บตัวอยู่ภายในเรือนมาหลายวัน ยังจะต้องโชคร้ายมาพบเจอทั้งคู่จนได้
พอกลับถึงจวน อวี้หลิงนางก็เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนของนาง แม้แต่มื้อเย็นนางก็ไม่ยอมออกมารับพร้อมบิดามารดาและพี่ชายของนาง
ซูซื่อได้รู้เรื่องจากปากของเสี่ยวเถา นางก็เห็นใจบุตรีไม่น้อย ด้วยนางเป็นผู้ที่ต้องการให้อวี้หลิงออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก เพื่อจะได้เลิกจมอยู่กับความทุกข์ แต่ไม่คิดว่าจะยิ่งทำให้นางเสียใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าไปบอกท่านแม่ ข้าพร้อมจะไปดูตัวแล้ว แต่มีข้อแม้ บุรุษที่ข้าจะแต่งด้วย ต้องมีข้าเพียงหนึ่งเดียวในเรือนหลังเท่านั้น” นางสั่งความกับเสี่ยวเถา