ข้ามีเรื่องต้องบอกเจ้าเสียก่อน

1421 คำ
“นี่ อาเทียน บุตรชายของข้า อาหมิ่นเจ้าคงรู้จักแล้ว เพียงแต่หลิงหลิงนางเพิ่งจะเคยกันกระมัง” ฮูหยินจาง คอยลอบสังเกตท่าทีของอวี้หลิงว่านางเป็นเช่นใด “อวี้หลิง คารวะคุณชายจางเจ้าค่ะ” “คุณหนูฮั่ว” จางสิงเทียนยิ้มน้อยๆ มองอวี้หลิง “เอาละ เข้าไปด้านในเถิด ปล่อยให้เด็กๆ ได้พูดคุยกัน” ฮูหยินจางดึงมือของซูซื่อให้เข้าไปด้านในกับนาง “คุณหนูจ้าว ท่านตามข้ามา ประเดี๋ยวให้อาเทียนไปส่งหลิงหลิงที่ศาลาริมน้ำก็แล้วกัน” ฮั่วชุยหมิ่นเอ่ยเร่งให้จ้าวซินซินเดินข้าไปด้านในพร้อมกับเขา “คุณหนูฮั่ว เชิญ” จางสิงเทียนรู้จากมารดาของเขาแล้ว ว่าวันนี้นอกจากจะจัดงานเลี้ยงน้ำชา ยังต้องการให้เขาดูตัวกับอวี้หลิงด้วย “เจ้าค่ะ” อวี้หลิงยิ้มรับ ก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับจางสิงเทียน ทั้งสองเดินเลี่ยงผู้คนไปทางด้านหลังของสวนดอกไม้ อวี้หลิงนางมองอย่างไร ก็ดูไม่เหมือนว่าจางสิงเทียนกำลังพานางไปที่ศาลาริมน้ำเลย “คุณชายจาง ท่านจะข้าพาไปที่ใด” “ข้ารู้จากท่านแม่ ว่าวันนี้แท้จริงแล้วต้องการให้ข้ากับเจ้าดูตัวกัน แต่ก่อนที่เจ้าจะตัดสินใจยอมรับสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลจาง ข้ามีเรื่องต้องบอกเจ้าเสียก่อน” สีหน้าของจางสิงเทียนไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แต่ความลับของเขา หากไม่บอกนาง ต่อไปนางแต่งเข้าตระกูลจาง ไม่ใช่ว่าเขากำลังทำเรื่องผิดต่อนางอยู่รึ “เชิญท่านพูดมาเถิดเจ้าค่ะ” อวี้หลิงตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาจะพูด “เอ่อ...เจ้ารับปากข้าได้หรือไม่ หากข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้า เจ้าอย่าได้บอกคนตระกูลจาง หรือคนนอกเด็ดขาด” “เจ้าค่ะ” อวี้หลิงพยักหน้ารับ แต่สายตาของนางก็ยังมองประเมินเขาอย่างสงสัย หากจะบอกว่ามีคนรักอยู่แล้ว เห็นทีจะไม่ใช่ ด้วยทางตระกูลจางรู้ข้อเสนอของนางแล้ว ที่นางจะยอมแต่งเข้าตระกูลจาง สามีของนางห้ามรับอนุเด็ดขาด จางสิงเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เขามองไปรอบตัว เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอื่นนอกจากเขาและอวี้หลิง จึงหันมาสบตานางอย่างจริงจัง “คุณหนูฮั่ว ข้า ข้า...ข้าเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ” ในตระกูลจางมีเพียงท่านแม่ของเขาเท่านั้นที่รู้ “หื้ม...ท่านถึงยอมรับการดูตัวกับข้ารึ” ชื่อเสียงของนางไม่ได้ดี นางจึงคิดไม่ถึงว่าตระกูลจางที่เป็นตระกูลใหญ่จะยอมรับนางเป็นลูกสะใภ้ง่ายๆ ได้อย่างไร “ใช่เพียงส่วนเดียวเท่านั้น เจ้าเป็นน้องสาวของสหายของข้า หากเจ้าแต่งเข้ามา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าลำบากอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า...เรื่อง...” ใบหูของเขาแดงก่ำ เขามิอาจพูดออกมาได้ว่า เรื่องร่วมรักเป็นสิ่งเดียวที่เขาให้นางไม่ได้ “หลับนอนรึเจ้าคะ ท่านไม่ต้องกังวล ข้ายอมแต่งให้ท่าน” อวี้หลิงฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดี “จะ จริงรึ” เขามองหน้านางอย่างไม่อยากจะเชื่อ “จริงเจ้าค่ะ เงื่อนไขของข้า ขอเพียงเป็นภรรยาเดียวของท่านในเรือนหลังเท่านั้น ต่อให้ท่านไม่ได้รักใคร่ข้า ข้าเองก็ไม่ได้รักใคร่ท่านเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราก็อยู่เช่นสหาย พี่น้อง แต่ท่าน...ต้องปกป้องข้า หากข้ามีบุตรให้ท่านไม่ได้” อวี้หลิงเอียงคอมองเขาอย่างหยอกล้อ “ระ เรื่องนี้ เจ้าไม่ต้องกังวล ท่านแม่ข้ารู้เรื่องของข้าดี นางจะบอกผู้อื่นว่าข้าไม่อาจมีบุตรได้ จะไม่ให้เจ้าเสียชื่อเสียงเป็นอันขาด” “ดีเจ้าค่ะ เช่นนั้น พวกเราเข้าร่วมงานเลี้ยงกันได้แล้วหรือยัง” อวี้หลิงดึงแขนเสื้อสิงเทียนออกเดินอย่างสนิทสนม ระหว่างทางทั้งสองยังเอ่ยพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน สิงเทียนดูจะเชี่ยวชาญเรื่องของสตรีอยู่ไม่น้อย เครื่องหอมชนิดใดที่หอมจนบุรุษเหลียวหลง เขาก็นำมาเล่าสู่นางฟัง อวี้หลิงนางเป็นคนซุกซน นางยังเอ่ยถามเขาเรื่องหอนายโลมว่าเคยไปเที่ยวเล่นหรือไม่ “ท่านเคยไปหอนายโลมหรือไม่” “หลิงหลิง เจ้าช่างซุกซนนัก เรื่องเช่นนี้เจ้าเอ่ยถามออกมาได้อย่างไร” “โถ่ ข้าก็เพียงแค่อยากรู้ เผื่อครั้งหน้าท่านไปเที่ยวจะได้ชวนข้าด้วย” “เหลวไหล!!! เจ้าจะไปได้อย่างไร หากข้าพาเจ้าไป ข้าคงได้ถูกใต้เท้าฮั่วตีขาหักเป็นแน่” อวี้หลิงเกาะแขนจางสิงเทียนหัวเราะเสียงใส เมื่อเห็นเขาถลึงตามองนาง “หลิงหลิง เจ้ากับคุณชายจางสนิทสนมกันยิ่งนัก” อวี้หลิงหันไปตามเสียงพูด จากที่ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม ใบหน้างามก็กลับมาเรียบเฉยในทันที จางสิงเทียนรู้เรื่องของอวี้หลิงมาไม่น้อย เขาจึงเบี่ยงตัวเองมาบังนางเอาไว้ด้านหลัง “คุณหนูไป๋ ผู้ตรวจการหวัง ข้ากับหลิงหลิงกำลังจะหมั้นหมายกัน เหตุใดถึงจะสนิทสนมกันไม่ได้เล่า” จางสิงเทียนกดยิ้มมองไป๋ซีม่าน สายตาของอวี้หลิงเหลือบไปมองเห็นถุงหอมที่ห้อยอยู่ข้างเอวของหวังหรงจื่อ เป็นลายเดียวกับของไป๋ซีม่าน เหมือนยิ่งตอกย้ำให้นางได้รู้ความสัมพันธ์อันดีของพวกเขา “พี่เทียน ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ เข้าไปด้านในกันเถิด ไม่รู้ว่าของว่างจวนท่านจะอร่อยถูกปากข้าหรือไม่ หากไม่ถูกปากท่านต้องเปลี่ยนแม่ครัวให้ข้านะเจ้าคะ” อวี้หลิงเขย่าแขนของจางสิงเทียนอย่างออดอ้อน “ได้ๆ หากเจ้าไม่ถูกปาก ข้าจะให้ท่านแม่เสาะหาแม่ครัวฝีมือดีมาไว้ที่จวน” เขาจิ้มจมูกนางอย่างเอ็นดู ท่าทางที่สนิทสนมกันของทั้งคู่ทำให้ไป๋ซีม่านถึงกับอ้าปากค้าง หวังหรงจื่อแม้จะใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาของเขาที่มองทั้งคู่ก็ราวกับมีเปลวไฟลุกโชนออกมา ท่าทางออดอ้อนของนาง รอยยิ้มที่ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม เมื่อก่อนนางมอบให้เขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้คนที่นางกำลังมองมิใช่เขาอีกต่อไป “ท่านช่างดีกับข้าที่สุด” อวี้หลิงยิ้มกว้างออกมา โดยไม่สนว่าไป๋ซีม่านและหวังหรงจื่อมีท่าทางเช่นไร “ไร้ยางอาย อยู่ด้านนอกเช่นนี้ เจ้าไม่อายผู้ใดเลยรึ” “หื้ม...ผู้ตรวจการหวัง ท่านกล่าวนักเกินไปแล้ว ข้ากับพี่เทียนจะแสดงออกกันเช่นใด ก็คงไม่เกี่ยวกับพวกท่านกระมัง ข้าอยู่ของข้าดีๆ มีแต่พวกท่านที่เข้ามาวุ่นวาย พี่เทียนไปเถิดเจ้าค่ะ พวกเราคงต้องไปหาที่ลับตาเสียแล้ว ท่านกับข้าทำให้ผู้อื่นอิจฉากันไปหมด” อวี้หลิงดึงมือของจางสิงเทียนให้ออกห่างจากสองคนนั้นทันที “หึ” หวังหรงจื่อสบถอยู่ในลำคอ “พี่จื่อ เราไปที่อื่นกันดีหรือไม่เจ้าคะ” “ที่เจ้าชวนข้าออกมา เพื่อให้ข้ามาเห็นสิ่งนี้ใช่หรือไม่ คุณหนูไป๋เจ้าไม่ต้องทำถึงขั้นนี้ อย่างไรข้าก็ต้องแต่งให้เจ้าอยู่แล้ว ขอตัวก่อน ข้ายังมีงานที่ต้องไปจัดการ” หวังหรงจื่อมองไป๋ซีม่านอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินหายออกไปจากจวนตระกูลจาง ไป๋ซีม่านขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น นางอุตส่าห์เห็นทั้งสองเดินเล่นกันอยู่ จึงคิดที่จะหลอกให้หวังหรงจื่อ พานางออกมาสูดอากาศ แล้วจะได้เห็นเสียทีว่าข่าวลือเรื่องงานเลี้ยงน้ำชา จัดขึ้นเพื่อให้ตระกูลจางและตระกูลฮั่วดูตัวกัน “เจ้าเสียใจมากเลยรึ” จางสิงเทียนเอ่ยถามอวี้หลิง เมื่อทั้งสองเดินห่างออกมาแล้ว “ตอนแรกข้าก็เสียใจ แต่ตอนนี้ไม่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อก่อนข้ารักเขามากเกินไป จนกลายเป็นที่ขบขันของผู้อื่น มายามนี้ข้าคิดได้แล้ว ข้าควรจะรักตนเอง” อวี้หลิงยิ้มขอบคุณจางสิงเทียนที่เป็นห่วงนาง “ต่อไป ข้าจะปกป้องเจ้าเอง เรื่องใดที่เจ้าอยากทำข้าล้วนไม่ขัดเจ้า ในเมื่อข้าให้ความรักเช่นสามีภรรยากับเจ้าไม่ได้ แต่ข้าจะเป็นสหายที่ดีของเจ้าตลอดไป” “ท่านพูดเองนะ ข้าจะซื้อเครื่องประดับทุกอาทิตย์ สั่งตัดชุดสวยๆ ทุกเดือนเลย” “หึหึ ย่อมได้” เขาลูบผมของนางอย่างเอ็นดู
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม