ปลายฝนนั่งเงียบไปตลอดทาง เธอไม่สนใจสิ่งที่ธามถามหรือแม้แต่พูดกับเธอ ตอนนี้เธออยากให้ถึงคอนโดเร็ว ๆ เพื่อออกห่างจากผู้ชายคนนี้ให้มากที่สุด
"เลี้ยวซ้ายจอดตรงเซเว่นนะ ฉันจะซื้อของหน่อย"ปลายฝนโกหกเรื่องจะซื้อของ เธอแค่อยากลงจากรถก่อน แต่เหมือนเจ้าของรถจะจับได้
"ไม่อยากอยู่กับฉัน ถึงขนาดหลอกว่าจะซื้อของเลยเหรอ"
"นี่นาย!!!หยุดพูดมากสักที ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน นายไม่เกี่ยว"
เสียงหวานตวาดเขาออกไปอย่างเหลืออด คนอะไรจะเดาใจเธอถูกไปหมดทุกอย่างขนาดนี้ ยิ่งเขาทำแบบนี้เธอจะยิ่งกลัวเขามากขึ้น
"ฉันจะไปส่งให้ถึงคอนโด"
"เอ๊ะ!!! บอกว่าไม่ต้อง ฉันอยากเดินออกกำลังกาย"
"เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าเป็นคนโกหกใครไม่เก่ง ยิ่งเธอพูด ฉันก็ยิ่งอ่านความคิดเธอได้"
ปลายฝนปิดปากลงในทันที จากที่จะอ้าปากด่าเขาอีก แต่เธอกลัวว่าเขาจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ขับรถช้าขนาดนี้ เหมือนเขาจะแกล้งเธอมากกว่า เพราะเมื่อเธอหันไปมองก็เห็นเขาผิวปากอย่างอารมณ์ดี มันยิ่งทำให้เธอไม่พอใจเขา
เมื่อรถจอดสนิทตรงหน้าคอนโดของปลายฝน ประตูรถข้างคนขับก็ถูกเปิดออกทันที แต่คนขับก็เปิดประตูเดินตามเธอลงมาด้วย“นี่นายกลับไปได้แล้ว จะเดินตามฉันเข้ามาทำไม”
“ฉันก็แค่อยากส่งเธอให้ถึงหน้าลิฟท์ หรือเธออยากให้ฉันขึ้นไปส่งที่ห้อง”
คนตัวเล็กหยุดเดินเมื่อถึงหน้าลิฟท์ เธอหันหน้าไปมองเขาตรง ๆ“นายไม่ต้องใจดีเกินเหตุกับฉันขนาดนี้ มันทำให้ฉันขนลุก”
“เธอรู้หรือเปล่าในขณะที่เธอพูด ดวงตาที่เธอมองฉันมันไม่ได้รังเกียจเหมือนคำพูดเธอเลยนะ”ธามขยับเดินเข้าหาเธอเรื่อย ๆ จนลิฟท์เปิดออกพอดี ทำให้เธอและเขาเดินเข้าลิฟท์ไปพร้อมกัน โดยที่เธอถอยหลังจนชิดผนังลิฟท์ด้านใน
“ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะน่าแกล้งขนาดนี้ อาการที่เธอเป็นอยู่เธอเป็นตอนอยู่ใกล้ฉันหรือเปล่า”
ปลายฝนตาโตตกใจไม่คิดว่าเขาจะอ่านความรู้สึกเธอได้ขนาดนี้ อีกอย่างตอนนี้เราสองคนอยู่ใกล้กันมากด้วย ใกล้จนเธอได้กลิ่นตัวเขาแบบที่เธอได้กลิ่นในรถของเขา ความรู้สึกร้อนวูบวาบแล่นปราดไปทั่วร่างอีกครั้ง เธอรู้แล้วว่าเขากำลังแกล้งให้เธอเผยบางอย่างออกไป แต่เธอเองก็ควบคุมมันไม่ได้เลย ขืนให้เธออยู่แบบนี้ มีหวังเขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าที่เขาพูดมานะมันคือเรื่องจริง
ติ้ง!
เสียงลิฟท์เปิดออกแต่ไม่ใช่ชั้นที่เธออยู่ มันคือชั้นสูงสุดของลิฟท์เพราะเธอไม่ได้กดเลขชั้นตั้งแต่แรก“ถอยไปนะ ฉันจะกดเลขชั้น”
“อยู่ชั้นไหน?”
“ฉันจะกดเอง”มือเล็กพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่างจากเธอ แต่ก็ไม่เป็นผลอีกเหมือนเดิม
“บอกเลขชั้นมา ไม่งั้นเราสองคนก็อยู่กันแบบนี้แหละ”
“ชั้นหก”มือหนาเอื้อมไปกด แต่ร่างกายของเขาไม่ได้ขยับออกไป คนตัวเล็กเลยจำใจต้องยืนหายใจรดต้นคอเขาอยู่แบบนี้ จนลิฟท์เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เธออาศัยจังหวะที่เขาเผลอสะบัดตัวออกมาอย่างเร็ว และรีบเดินออกจากลิฟท์ทันที
ได้ยินเสียงหัวเราะของเขาลอยมาจากในลิฟท์แต่เธอไม่คิดหันไปมองอีกแล้ว รีบเดินให้ถึงห้องตัวเองเร็วที่สุด พร้อมทั้งเปิดและปิดประตูด้วยความเร็ว ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องนอน ทิ้งตัวลงนอนหงายทันที มือเล็กยกขึ้นมาจับตรงอกข้างซ้ายของตัวเอง ก็พบว่าใจเธอเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา
เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ และสะบัดหัวไล่ใบหน้าของธามออกไปจากหัวเธอ ทำไมเขาเอาแต่วนเวียนอยู่ในความคิดของเธอแบบนี้ เธอไม่ชอบเขาไม่ใช่เหรอ มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ทำไมเธอถึงเหมือนจะรู้สึกบางอย่างกับเขา ทุกอย่างในความรู้สึกมันเหนือความควบคุมไปหมด
ติ้ง! เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเธอดังอีกครั้ง ปลายฝนสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ เป็นแชทกลุ่มของพวกเธอสามคน เมื่อเปิดอ่านก็เป็นเพื่อนสองคนที่ส่งข้อความมาถามอาการของเธอ
มิลลิ: มึงถึงคอนโดหรือยัง
คาเทียร์: อาการดีขึ้นบ้างไหม
เธอไม่รู้จะตอบเพื่อนไปว่าอย่างไร เพราะเอาจริง ๆ เธอไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย มันเป็นอาการที่เธอไม่สามารถบอกใครได้ เธอไม่ได้ป่วย แต่ที่ต้องกลับมาคอนโดก่อน เพราะเธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ต่างหาก
ปลายฝน: กูถึงแล้ว กำลังจะนอน
เมื่อพิมพ์แชทบอกเพื่อนเสร็จ เธอก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ หวังให้ความเย็นของน้ำทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มของเธอสงบลงได้บ้าง
“มึงไปไหนมาไอ้ธาม แม่ง!!! กลางวันมึงก็ไม่เว้นเหรอว่ะ”
ธามที่กลับมาจากไปส่งปลายฝนที่คอนโด ก็ถูกปอร์เช่ซักทันที เพราะบอกเพื่อนว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่เขากลับหายไปเป็นชั่วโมง จนเข้าเรียนสายไปเกือบครึ่งชั่วโมง
“กูไม่อยากถามมึงแบบนี้นะ แต่มึงไม่ได้ตามปลายฝนออกไปใช่ไหม”
เขาไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อน แต่ยิ้มออกมา พลันก็นึกถึงใบหน้าสวยของคนที่เขาเพิ่งไปส่ง ปลายฝนไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เขาชอบ แต่เธอเป็นคนน่าแกล้ง ยิ่งเธอแสดงออกว่าไม่อยากเข้าใกล้เขาเท่าไหร่ เขากลับยิ่งอยากเข้าใกล้เธอมากเท่านั้น
ปอร์เช่ที่นั่งจ้องหน้าเพื่อนสนิทอยู่ ถึงธามจะไม่ตอบคำถามที่เขาถาม แต่แค่ยิ้มแบบนั้นออกมา เขาก็รู้คำตอบทันที ในสายตาเขาปลายฝนเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งที่เพื่อนเขาไม่ควรไปยุ่ง เธอไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงคั่นเวลาของใคร
“คืนนี้ออกไหมว่ะ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน”
ธามจงใจเปลี่ยนเรื่อง เมื่อเห็นเพื่อนนั่งจ้องหน้าเขาตาแทบไม่กระพริบ ตอนนี้เขาไม่มีคำตอบเรื่องที่กำลังทำอยู่ให้เพื่อน เขาเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าที่ตามไปส่งปลายฝนเหตุผลคืออะไร คงแค่อยากแกล้งให้เธอหน้าแดงเล่น ๆ เพราะยิ่งอยู่ใกล้เธอ เขาก็เหมือนเจอเรื่องสนุกเรื่องหนึ่ง
หลังจากอาบน้ำจนความคิดฟุ้งซ่านหายไป ปลายฝนก็เอาหนังสือเรียนออกมาอ่าน การเรียนเป็นสิ่งที่เธอทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจมาตลอด เธอจะมาวอกแวกเพราะเรื่องอื่นไม่ได้ การที่เธอไม่ได้จดแลคเชอร์วิชาเรียนวันนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเหมือนเธอกำลังทำผิดกฎที่ตั้งไว้กับตัวเอง พอคิดถึงตรงนี้ หน้าคนเป็นแม่ก็ลอยมา ถึงท่านจะไม่เคยบังคับเธอไม่ว่าเรื่องอะไร แต่เธอก็รู้สึกผิดกับแม่อยู่ดี
พ่อกับแม่เป็นฝ่ายซัพพอร์ตสิ่งที่ลูก ๆ ทุกคนทำเสมอ พี่น้องของเธอทุกคนล้วนได้เรียนและทำในสิ่งที่รักทั้งสิ้น รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่เกิดมาในครอบครัวนี้ นิ้วเรียวกดโทรออกหาคนเป็นแม่ รอไม่นานเสียงหวานของแม่ก็รับสายเธอ
(ว่าไงคะ? ปลายฝนของแม่)
“หนูคิดถึงแม่ค่ะ เสาร์นี้จะกลับบ้านพร้อมพี่กายนะคะ”
(เรียนหนักหรือเปล่า ทำไมเสียงลูกไม่สดใสเลยคะ)
“เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ ได้ยินเสียงแม่แล้วหายเลยค่ะ”
(อยากให้แม่กับพ่อไปหาไหม พ่อก็บ่นอยู่นะว่าลูกไม่ค่อยกลับบ้าน ชวนแม่จะไปหาหนูอยู่เลย)
ก็จริง...ที่เธอไม่ได้กลับบ้านเกือบเดือนแล้ว ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไร แต่เธอยุ่งกับทำรายงานหลายวิชาที่อาจารย์สั่งพร้อม ๆ กัน
“ขอโทษที่ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วงนะคะ ตอนนี้หนูเคลียร์งานเสร็จเกือบหมดแล้วค่ะ ต่อไปจะกลับบ้านทุกอาทิตย์เลยดีไหมคะ”
(ดีค่ะ ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย อย่าหักโหมอ่านหนังสือจนดึกดื่นนะ พักผ่อนเยอะ ๆ และกินข้าวให้ตรงเวลาด้วย)
“ค่ะ หนูจะทำตามแม่ทุกอย่าง หนูรักแม่นะคะ”