เช้าวันรุ่งขึ้น..
“ตื่นได้แล้ว!”
“ฉันเพิ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเองนะ”กว่าอาการปวดท้องของหญิงสาวทุเลาก็ปาไปเช้ามืดของอีกวันและนั่นจึงส่งผลให้เธอนอนไม่เต็มอิ่ม
“ฉันไม่สน”พูดจบเขาก็ลากหญิงสาวลุกจากที่นอน
“เดี๋ยวฉันไปเอง”หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงเบาก่อนที่เธอจำใจลงไปหุงข้าวเช้าให้เขาตามปกติแม้จะอยากนอนต่อก็ตาม ความลำบากที่หญิงสาวพบเจอทำให้เธอคิดถึงชีวิตที่สุขสบาย เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้น้ำตาคลอ
“วันนี้ฉันกลับดึกนะ พอดีต้องไปงานวันเกิดเพื่อน”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวก่อนจะเดินจากไป ส่วนหญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ทำได้แค่พยักหน้ารับทราบแม้จะไม่เห็นด้วยกับเขาก็ตาม และพอรถกระคันเก่าขับแล่นออกไปแล้ว หญิงสาวจึงรีบซักผ้าต่อให้มันแล้วเสร็จจากนั้นเธอก็กลับขึ้นไปบนห้องพร้อมกับลากโซ่เล็กเส้นสาวขึ้นไปด้วย เมื่อถึงที่นอนร่างเล็กไม่รอช้าที่จะทิ้งตัวนอนลงด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ใกล้ค่ำหญิงสาวก็ปิดประตูหน้าต่างแล้วนอนคดตัวโดยที่เอาผ้าห่มคลุมหัวจรดเท้า เธอรอคอยให้ชายหนุ่มกลับมาแต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวี่แววของเขาจนกระทั่งตกดึกเกือบเที่ยงคืน เสียงรถกระบะอันคุ้นเคยทำให้หญิงสาวรีบดึงผ้าห่มออกจากนั้นเธอก็แกล้งหลับ
“ฉันห่อเค้กที่เหลือจากงานมาฝากถ้าอยากกินก็ลุกมากินซะ ถ้าเก็บไว้ถึงพรุ่งนี้เดี๋ยวมดขึ้น”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวที่กำลังแกล้งหลับ
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันยังไม่ได้นอน”ส่วนหญิงสาวที่ได้ดังนั้นก็ค่อยๆลุกจากที่นอน
“จะกินไม่กิน”ชายหนุ่มถามด้วยท่าทีรำคาญ
“กินสิ หิวจะตายอยู่แล้ว”หญิงสาวตอบด้วยเสียงเบา
“อ่ะ กินให้หมดหล่า อย่าให้เหลือแม้แต่นิดเดี๋ยวมดขึ้น”
เมื่อหญิงสาวเห็นของหวานที่เธอต้องการในช่วงที่เป็นวันนั้นของเดือนจึงเผยรอยยิ้มจากนั้นเธอก็รีบกินจนหมดอย่างไม่ห่วงว่าน้ำหนักจะขึ้น
….
“วันนี้นายไม่ออกไปทำงานหรอ”หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยความสงสัยเมื่อเขาไม่ยอมออกจากบ้านสักที
“ไม่ วันนี้ฉันจะทำแคร่ไม้ไผ่เพิ่ม ส่วนเธอต้องถางหญ้า”
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”พูดจบหญิงสาวก็เดินไปถางหญ้าอย่างไม่มีท่าทีต่อต้าน
ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงเดินไปตัดไม้ไผ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมหลังเล็ก เขาใช้เวลาไม่นานมากในการนำไม้ไผ่มาเรียงกันไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งทำแคร่ ด้วยอากาศร้อนอบอ้าวชายหนุ่มจึงถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนอย่างไร้ที่ติ ส่วนหญิงสาวที่ตั้งใจนำน้ำดื่มไปให้กับชายหนุ่มในตอนแรกก็เปลี่ยนใจเมื่อเห็นเขาในสภาพเปลือยกายท่อนบน
“ไม่คิดว่าฉันจะหิวน้ำบ้างรึไงถึงไม่เอาน้ำมาให้ฉันดื่มสักที”ชายหนุ่มกล่าวตำหนิหญิงสาวด้วยความไม่พอใจที่เธอไม่ยอมมาเสิร์ฟน้ำดื่มให้กับเขาซึ่งกำลังเหน็ดเหนื่อยจากการทำแคร่ไม้ไผ่จนเหงื่อท่วมตัว
“ฉันกำลังจะเอาไปเสิร์ฟให้”ส่วนหญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบนำน้ำดื่มที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ไปให้กับชายหนุ่มด้วยความลุกลี้ลุกลนและไม่ทันระวังตัวเลยเผลอไปเหยียบเศษท่อนไม้ไผ่กลมจนเสียหลักแล้วร่างกระโจนเข้าหาเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“ถ้าคิดจะอ่อยกันก็ควรรอให้หายเป็นเมนส์ก่อนมั้ย เพราะฉันไม่อยากฝ่าไฟแดง”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวในขณะที่เธอกำลังเกาะร่างเขาไว้เพื่อพยุงร่างตัวเองไม่ให้ถลาเข้ากับพื้น
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”เมื่อหญิงสาวกลับมาตั้งหลักได้จึงรีบถอยห่างจากเขาด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย
“เธอทำน้ำหกใส่ฉัน แล้วยังไม่รีบไปเอาผ้ามาเช็ดให้ฉันอีก ทำไมต้องให้บอกทุกเรื่อง”ชายหนุ่มตำหนิหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ
“นายก็เอาเสื้อของนายเช็ดไปก่อนสิ”ส่วนหญิงสาวที่เห็นดังนั้นจึงรีบแนะนำ
“มันเปื้อนเหงื่อ”
“แต่ว่านายก็เปื้อนเหงื่อนี่”
“ไปหาผ้าสะอาดมาเช็ดให้ฉันเดี๋ยวนี้”ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจังจนหญิงสาวที่เห็นดังนั้นจึงรีบกลับเข้าไปในกระท่อมหลังเล็ก เมื่อได้ผ้ามาแล้วเธอก็ไม่รอช้าที่จะซับน้ำออกจากตัวเขาด้วยมือไม้สั่นเทา
“มาเดี๋ยวฉันเช็ดเอง”ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นจึงแย่งผ้าผืนเล็กจากมือหญิงสาวจากนั้นเขาก็ค่อยๆซับน้ำที่อยู่บนร่างกายออก
“งั้นฉันขอตัวกลับเข้าไปเอาน้ำมาให้ใหม่นะ”พูดจบหญิงสาวก็หันหลังให้เขาเพื่อละสายตาจากแผ่นอกกว้าง
“ลืมไปแล้วรึไงว่าเมื่อกี้เธอถือน้ำดื่มมาด้วย”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวอย่างต้องการให้เธอขายขี้หน้า
“ใช่ฉันลืม งั้นฉันขอตัวไปถางหญ้าต่อนะ”หญิงสาวแสดงท่าทีเขินอายแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองเขา ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็ส่ายหัวพร้อมกับเผยรอยยิ้มตรงมุมปากจากนั้นเขาก็เดินไปหยิบน้ำที่อยู่ในแก้วแล้วยกดื่มด้วยความหิวกระหาย
“นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย”หญิงสาวสะบัดศีรษะเพื่อลบภาพของชายหนุ่มออกจากหัว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เธอลืมภาพตอนที่เห็นเขาเปลือยกายท่อนแล้วเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆจนทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอนั้นเต้นตุบๆอย่างที่ไม่เคยรู้สึกเป็นแบบนั้นมาก่อน
“มัวทำอะไรทำไมไม่รีบถางหญ้าให้มันเสร็จๆ ถ้าเธอถางหญ้าไม่ทันเสร็จก่อนเที่ยงก็ไม่ต้องทานข้าวนะ”ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับกล่าวตักเตือนเธอด้วยสีหน้าเรียบๆ
“เมื่อสักครู่นายพูดว่าอะไรนะ”ส่วนหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในภวังค์เผยท่าทีสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่ดังมาจากข้างหลังเธอ
“นี่เธอเหม่อจนไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันพูดก่อนหน้านี้เลยใช่มั้ย”
“คือฉันกำลังคิดว่าเย็นนี้จะทำอะไรกินดี”หญิงสาวรีบแก้ตัวเพื่อแก้เขินอาย
“แน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังจินตนาการถึงฉัน”
“ฉันเปล่านะ!”หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่แก้มของเธอนั้นกำลังแดงเป็นลูกตำลึง
“ยังไม่รีบถางหญ้าอีก ถ้าเธอถางหญ้าไม่ทันเสร็จก่อนเที่ยงก็ไม่ต้องทานข้าว”
“ฉันจะพยายามถางหญ้าให้เสร็จก่อนเที่ยง”พูดจบหญิงสาวก็รีบถางหญ้าที่อยู่ตรงหน้าต่อส่วนชายหนุ่มก็กลับไปทำแคร่ไม้ไผ่ต่อเช่นกันจนกระทั่งใกล้เที่ยงเขาก็กลับเข้าไปพักทานข้าวเพื่อที่จะได้มีแรงในการทำแปลงผักต่อ
“ไม่หิวรึไงถึงได้ไม่มาทานข้าวด้วยกัน”ชายหนุ่มถามหญิงสาวในขณะที่เขากำลังนั่งทานข้าวอยู่คนเดียว
“ก็ฉันถางหญ้าไม่ทันเสร็จก่อนเที่ยงนี่”หญิงสาวกล่าวด้วยสีหน้าผิดหวังเมื่อไม่สามารถถางหญ้าให้เสร็จก่อนเที่ยงตามที่รับปากเอาไว้
“ไปล้างมือซะ แล้วรีบๆมาทานข้าว จะได้มีแรงไปช่วยฉันทำแปลงผักต่อ ส่วนหญ้าค่อยถางต่อพรุ่งนี้”
“ฉันยังไม่หิว”
“ตามใจ งั้นก็อย่ามาบ่นหิวทีหลังก็แล้วกัน”ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นกลับไม่สนใจเธอแล้วทานข้าวต่อ
“ไปช่วยฉันพรวนดิน”ชายหนุ่มกล่าวกับหญิงสาวหลังจากที่เขาทานข้าวเสร็จแล้วแล้วเตรียมตัวเดินไปยังแปลงผัก
“ไม่เห็นหรือไงว่าฉันถางหญ้าอยู่”หญิงสาวหันไปคุยกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ฉันสั่งให้เธอไปพรวนดิน”ส่วนชายหนุ่มออกคำสั่งกับหญิงสาวพร้อมกับส่งสัญญาณผ่านสายตาว่าถ้าหากเธอไม่ยอมไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยความจำใจจากนั้นเธอก็เดินกระแทกเท้าตามเขาไปยังแปลงผัก
ทั้งสองช่วยกันพรวนดินท่ามกลางแสงแดดจ้าและมีอุณหภูมิที่สูงเกือบสี่สิบองศาเซลเซียสจนหญิงสาวเกือบเป็นลมล้มพับกลางอากาศ
“กลับไปถางหญ้าไป อยู่ที่นี่แล้วเกะกะฉันเปล่าๆ”ชายหนุ่มที่เห็นท่าไม่ดีจึงไล่ให้เธอกลับไปถางหญ้าต่อซึ่งมันไม่ต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดแต่ก็หนีไม่พ้นอากาศที่อบอ้าว
“อืม”หญิงสาวทำตามคำสั่งของชายหนุ่มอย่างว่าง่าย แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินพ้นแปลงผักจู่ๆร่างเล็กก็หมดสติท่ามกลางแปลงผักที่เพิ่งพรวนดินไป
“โถ่โว้ย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้วะ”ชายหนุ่มรีบอุ้มร่างเล็กขึ้นแล้วเดินไปยังที่ร่ม จากนั้นเขาก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้หญิงสาวจนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ
“ฟื้นแล้วก็หาข้าวกินซะ เดี๋ยวฉันจะไปพรวนดินต่อ”พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปพรวนดินแล้วทิ้งให้หญิงสาวอยู่คนเดียวเพียงลำพังทั้งที่เธอเพิ่งรู้สึกตัวหลังจากที่หมดสติไปเป็นเวลากว่าสิบห้านาที
“เธอไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง”เมื่อชายหนุ่มพรวนดินเสร็จจึงกลับเข้าไปยังกระท่อมหลังเล็ก และพอเขาเห็นหญิงสาวกำลังตั้งหน้าตั้งตาก่อไฟจึงอาสาช่วยเธอ
“แต่มันเป็นหน้าที่ของฉัน”
“วันนี้ฉันไม่ได้ไปทำงาน ดังนั้นฉันจะทำงานบ้านแทนเธอเอง”
“แต่ว่านายก็ไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆนี่ นายทำนั่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา แถมยังตากแดดมาทั้งวันคงเหนื่อยน่าดู”หญิงสาวแสดงความเป็นห่วงชายหนุ่มจากความรู้สึกข้างในลึกๆ
ส่วนชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็กซึ่งเป็นช่วงเขามีความทรงจำมากมายร่วมกับผู้เป็นพี่สาว