ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้น (2)
เฟยหลงใช้มือลูบแก้มของตัวเองป้อย ๆหากที่นี่คือสถานที่ในความฝันก่อนหน้านี้จริง ย่อมต้องมีหญิงผู้นั้นอยู่ที่นี่เป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นสองเท้าจึงขยับก้าวเดินอย่างระวัง สองตาเริ่มมองซ้ายเหล่ขวาหาหญิงผู้นั้น แต่ไม่ว่าเธอจะมองหาตรงไหน เดินจนรอบกระท่อมเพียงไร กลับไม่พบบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่ในบริเวณนี้เลยสักนิด
สองเท้าขยับเดินไปรอบตัวกระท่อมอีกครั้งอย่างพิจารณา บรรยากาศที่รับรู้ได้ มีทั้งเย็นและชื้นชวนขนลุกพิกล เธอมองรอบผ่านความสว่างที่มีเพียงโคมไฟเก่าที่จะดับแหล่มิดับแหล่
หลี่เฟยหลงใช้มือสั่นเทา นั้นยื่นไปดันประตูอีกบานให้เปิดออก สายตาคู่คมของเธอปะทะเข้ากับความมืดที่เรียกได้ว่ามืดสนิท ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าท้องฟ้าในคืนนี้มืดมิดน่ากลัวเพียงใด ด้านนอกนั้นโปรยปรายและปกคลุมไปด้วยฝนเม็ดโตที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
“ฝนตกหนักขนาดนี้เลย.. แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”
ยังไม่ทันที่มือของเธอจะดึงประตูบานนั้นมาปิด ท้องฟ้าที่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะผ่าหรือส่งเสียงคำราม บัดนี้กลับสว่างวาบก่อนจะดังเปรี้ยงปร้างในชนิดที่ว่ารับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของอากาศโดยรอบ
เปรี๊ยง!!
“กรี๊ด!!!”
เธอหลับตาลงทันทีเพราะความตกใจ แต่ปลายหางตากลับรู้สึกและมองเห็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลงอย่างทันควัน เธอนั่งลงอยู่หน้ากระท่อมสองมือปิดหูแน่น ดวงตาปิดสนิท สมองนึกถึงสิ่งที่เห็นเมื่อครู่และมั่นใจว่าสายตาของเธอนั้นไปสะดุดเข้ากับวัตถุประหลาดสีดำขนาดใหญ่แน่นอน
จิตใต้สำนึกของเธอเริ่มประมวลผลด้วยความเร็ว คิดถึงภาพเมื่อครู่ไม่ว่าจะคิดยังไงภาพนั้นก็เหมือนคนที่กำลังนอนแช่น้ำฝนแน่นอน
“หรือว่านั่นจะเป็นนาง”
เฟยหลงลืมตาหันไปมองจุดนั้น ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกระท่อมนี้มากนักเสียด้วย จะไม่ช่วยก็ดูจะใจจืดใจดำ
“แต่ถ้าไม่ใช่นางละ”
จิตใต้สำนึกเริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง หากเป็นคนไม่ดีก็ดูจะเป็นอันตราย ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้แล้ว เธอยืนทอดสายตามองผ่านความมืดไปยังจุดนั้นอย่างใช้ความคิด
สุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจทำได้แค่หันซ้ายหันขวาหาตัวช่วย ก่อนจะถือวิสาสะหยิบผ้าคลุมผืนโตจากด้านในมาคลุมศีรษะพร้อมทั้งหยิบตะเกียงที่น่าจะมิดชิดแล้วไม่ดับหากโดนน้ำฝน รีบวิ่งออกไปทั้งอย่างนั้น
สองขาเรียวพาให้เธอวิ่งฝ่าห่าฝนมาถึง พบว่านั่นคือคนตัวเป็น ๆ ที่นอนอยู่ด้วยสภาพอิดโรย พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งลอยมาปะทะจมูกจนรู้สึกสะอิดสะเอียน
“ผู้ชายเหรอ”
“คุณ..คุณคะ!ได้ยินฉันไหมคะ”
คนผู้นี้นอนจมกองเลือดที่ไหลไปกับน้ำที่แม้แต่ในความมืดยังรับรู้ได้เลยว่าบุคคลนี้ต้องได้รับอันตรายหนักมาเป็นแน่ กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งยิ่งทำให้เฟยหลงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย ตามประสาคนไม่ชอบเห็นเลือดนั่นแหละนะ
แต่จะปล่อยให้มนุษย์คนหนึ่งนอนตากฝนตายโดยไม่ช่วยก็กระไรอยู่ เธอใช้สองแขนเล็กกึ่งลากกึ่งพยุง ลากให้คนผู้นี้เข้ามาในกระท่อมหลังเล็กอย่างถือวิสาสะราวกับว่าตนนั้นเป็นเจ้าของ
หันมองรอบห้องโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรต่อ ชุดทำแผลก็ไม่มี พอนึกถึงโรงพยาบาลยิ่งต้องพับความคิดเก็บเข้าไหทันที ทำได้แต่ยืนเก้กังเพราะไม่รู้ว่าต้องจัดการอะไรยังไง และไม่รู้ด้วยว่าบุคคลนี้เป็นใคร เป็นคนดีหรือคนร้าย และสถานการณ์ในตอนนี้ก็ยังน่ากังวลอยู่มาก เพราะในหัวมีแต่ ที่ไหน อะไร ยังไง ลอยเต็มไปหมด
แต่เมื่อเห็นสภาพของคนเบื้องหน้าแล้วเห็นทีเธอก็คงต้องทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรแต่ร่างกายของเธอก็ขยับไปจัดการถอดชุดของเขาออกด้วยความทุลักทุเล ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าร่างกายของเธอนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ราวกับว่าว่าทุกอย่างนั้นร่างกายของเธอจัดการไปเองตามสัญชาตญาณ จนเมื่อถึงปราการชั้นสุดท้าย เธอทำได้แต่หลับตาปี๋รีบจัดการให้แล้วเสร็จแบบจำใจ
“ฮื่อ.. พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย ลูกไม่ได้ตั้งใจเปลื้องผ้าผู้ชายที่ไม่ใช่สามีนะคะ ลูกจำเป็น”