ปัณฑารีย์เงยหน้ามองป้ายชื่อวัดที่เห็นตรงหน้า ‘วัดป่าสุขาวดี’ เป็นวัดทางภาคเหนือที่จาราวีแนะนำและชักชวนให้เธอมาถือศีล หลังจากเคลียร์งานจนได้เวลาว่างเป็นเวลาเจ็ดวันตามที่ต้องการสามสาวจึงพากันบินมายังจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือแล้วจ้างรถรับจ้างให้มาส่งที่วัดแห่งนี้ เพียงแค่ก้าวเข้ามาในวัดปัณฑารีย์ก็รู้สึกได้ถึงความสงบร่มเย็นเพราะบริเวณวัดเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย หญิงสาวมองไปรอบๆ ที่มีกุฏิไม้ขนาดกะทัดรัดปลูกเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบด้านหลังกุฏินั้นมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่าน ถัดจากกุฏิหลังสุดท้ายเป็นศาลาขนาดใหญ่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและนับจากวันนี้ก็คงเป็นที่ที่เธอและเพื่อนๆ จะต้องใช้ในการปฏิบัติธรรมไปอีกเจ็ดวัน ถัดจากศาลาเป็นอาคารปูนขนาดกลางที่ไม่สามารถมองเห็นภายในได้ เนื่องจากประตูและหน้าต่างสีมืดทึบ ปัณฑารีย์มองเห็นผู้หญิงในชุดนุ่งขาวห่มขาวหลายคนเดินไปมาและหันมาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนที่แม่ชีสูงวัยแต่หน้าตาผ่องใสท่านหนึ่งจะเดินมาหา
“มากันแล้วรึ”
“สวัสดีค่ะ แม่ชี” จาราวียกมือไหว้อย่างนอบน้อมซึ่งปัณฑารีย์และกันตาก็ยกมือไหว้ตามเพื่อนเช่นกัน
“กัน ปัน นี่แม่ชีศรีน่านท่านบวชอยู่ที่นี่มาสามสิบกว่าปีแล้ว”
“ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ แม่ชีดีใจที่หนุ่มๆ สาวๆ สมัยนี้รู้จักเข้าวัดเข้าวา เดี๋ยวจะมีน้องๆ พาไปแนะนำที่พักนะ เชิญตามสบายนะ”
“ขอบคุณค่ะ” หลังจากนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนในชุดนุ่งหาวข่มขาวเช่นกันเข้ามาทักทายและพาปัณฑารีย์กับเพื่อนๆ ไปดูที่พัก ซึ่งก็คืออาคารที่อยู่ด้านข้างศาลานั่นเอง ทางวัดมีชุดเครื่องนอนเป็นที่นอนปิกนิกขนาดพอดีตัวและผ้าห่มให้คนละผืน และเนื่องจากอาคารแห่งนี้ติดมุ้งลวดมิดชิดจึงไม่ต้องใช้มุ้ง ที่นอนถูกปูเรียงกันไว้อย่างเป็นระเบียงมองด้วยสายตาแล้วประมาณยี่สิบที่ ส่วนด้านล่างของศาลาถูกใช้เป็นโรงครัวและมีห้องน้ำอยู่ด้านข้าง ปัณฑารีย์รู้สึกโล่งใจที่ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านและดีกว่าที่คิดไว้
“เป็นไง พออยู่ได้ไหม” จาราวีถามปัณฑารีย์และกันตาในฐานะคนที่เคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้มาก่อน
“โอเคนะ ทุกอย่างดูสะอาดสะอ้านกว่าที่คิดไว้ แถมภายในวัดยังร่มรืนน่าอยู่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดด้วย” ปัณฑารีย์ตอบตามที่ใจคิด
“ใช่ ตอนแรกที่เธอบอกว่าเป็นวัดป่า ฉันก็แอบหวั่นใจเหมือนกันนะว่าจะน่ากลัวหรือเปล่า แต่เพราะอยากลองเดินสายบุญกับเขาบ้างก็เลยตัดสินใจวัดดวงไปเลย” กันตาเองก็ไม่ต่างจากปัณฑารีย์ที่รู้สึกโล่งใจเมื่อทุกอย่างดีกว่าที่คิดไว้
“ฉันรู้หรอกน่า ใครจะพาพวกเธอไปวัดน่ากลัวๆ กัน ฉันองก็ไม่ได้จิตใจกล้าแกร่งขนาดนั้น ที่นี่ถึงจะเป็นวัดเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้กันดารเกินไป พวกเราอยู่ได้อย่างสบาย ฉันถึงเลือกชวนพวกเธอมาที่นี่ ที่สำคัญเจ้าอาวาสที่นี่ท่านเป็นพระที่น่านับถือมาก คุณแม่กับคุณยายฉันถึงได้ดั้นด้นมาทุกปียังไงล่ะ”
“อ่าฮะ หวังว่าพวกราเจะทำสำเร็จอยู่ครบเจ็ดวันไม่หนีกลับบ้านไปซะก่อนนะ” กันตาพูดขึ้นยิ้มๆ
“ต้องได้สิ มากันขนาดนี้ ถ้าอยู่ไม่ครบก็ขายหน้าแย่ ที่สำคัญเดี๋ยวเพื่อนปันของเราบวชล้างซวยไม่สำเร็จ มาถือศีลครั้งนี้กลับไปเพื่อนปันจะต้องได้เจอรักแท้ เจอเนื้อคู่ปังๆ ชนิดที่บรรดาอดีตคู่ควงทั้งหลายสู้ไม่ได้ไปเลย”
“ขอให้เป็นแบบนั้นจริงๆ เถอะ” ปัณฑารีย์กล่าวอย่างปลงๆ บางทีเธออาจไม่ได้เกิดมาเพื่อมีคู่ครองก็เป็นได้ ถ้าหากจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ขอให้หน้าที่การงานเธอเจริญรุ่งเรืองแทนก็แล้วกัน จะได้เก็บเงินไว้ไปอยู่บ้านพักคนชราตอนแก่