ทดส่งข้อความมาบอกว่าดารินทร์กำลังกลับ ชายหนุ่มขบกรามแน่น ครั้งนี้มารดาเล่นแรงไป เขาไม่เคยต่อว่าท่านที่ปฏิบัติกับดารินทร์ราวกับเป็นคนอื่น หลังจากที่บิดาของหญิงสาวหมดอำนาจลง แต่ครั้งนี้เห็นทีว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อเป็นการประกาศให้รู้ว่าเขาไม่ใช่ตุ๊กตาที่ใครจะจับวางไว้ตรงไหนก็ได้
“อ้าว จะไปไหนเหรอตารักษ์” คุณหญิงหทัยรัตน์ถาม เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“คนที่ผมนัดไว้เธอกลับไปแล้ว ผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อครับ เชิญคุณแม่กับคุณอาตามสบายนะครับ” เขาตอบน้ำเสียงเรียบ แต่นั่นก็ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับโกรธจนเนื้อเต้น
“ตารักษ์! อย่าเสียมารยาทกับคุณอาทั้งสองสิ นั่งลง!”
คนเป็นแม่ใช้สายตาข่มบุตรชายให้นั่งลง มันเคยได้ผลเพราะไม่เคยรู้ว่าที่ผ่านมาว่าที่ทรรศภาคย์ยอมเพราะไม่อยากให้มีปัญหา แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้ง
“ห้องนี้ที่ผมจองไว้ผมยกให้นะครับ”
“ตารักษ์! แกจะไปไหนไม่ได้นะ นั่งลงเดี๋ยวหนูรุ้งก็มาแล้ว”
ทว่ามันไม่ได้ผลจริงๆ เพราะนอกจากจะไม่ฟังคำสั่งของบุพการีแล้ว เขายังลุกออกไปจากเก้าอี้หน้าตาเฉย จนกระทั่งถึงประตูบานใหญ่ ศรุตาเปิดออกพอดี เธอยิ้มให้เขาด้วยความเสน่หา มีหรือผู้ชายที่ผ่านโลกมาอย่างช่ำชองอย่างทรรศภาคย์จะไม่รู้เท่าทันความคิด เรียกว่าได้ผีเห็นผีน่าจะถู กแต่เขาไม่ชอบผู้หญิงประเภทนี้ ทำไมถึงได้นึกเปรียบเทียบผู้หญิงคนนี้กับคนที่เพิ่งจรดปลายปากกายกเลิกพันธะกันเมื่อเช้าขึ้นมา ถ้าให้เขาเลือกใช้ชีวิตคงเลือกดารินทร์อย่างไม่มีข้อแม้
“พี่รักษ์ สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มส่งยิ้มยั่วยวนพร้อมกับพนมมือไหว้
“สวัสดีครับ” เขาตอบรับไปอย่างมีมารยาท
“นั่นพี่รักษ์จะไปไหนคะ”
“กลับบ้านครับ”
ชายหนุ่มตอบแล้วผละออกไปทันที ศรุตามีสีหน้างุนงง แต่จีรณารีบตามมากระซิบบอกให้เธอตามไป หญิงสาวจึงไม่รอช้า เพราะมีคนคอยหนุนหลังแบบนี้ เขาไม่มีทางหลุดมือเธอไปอย่างแน่นอน
“ทำไมรีบกลับล่ะคะพี่รักษ์ รุ้งกลับมาทั้งที อยู่ทานข้าวกันก่อนสิคะ”
เธอเดินตามมาทันเขา ก่อนจะรีบเกาะแขนใหญ่ทำตัวสนิทสนมกัน ทรรศภาคย์ปรายตามองมือเรียวเล็กน้อย เขาหยุดเดินแล้วแกะมือสวยนั้นออกจากตัว
“ผมมีนัดแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“แต่ผู้หญิงที่พี่รักษ์นัดเขากลับไปแล้วนี่คะ”
ศรุตายิ้มที่มุมปากเมื่อนึกถึงใบหน้าซีดเซียวของดารินทร์ ทรรศภาคย์ต้องเก็บอาการไม่พอใจยามที่ไล่สายตาสำรวจผู้หญิงตรงหน้า ดูเหมือนทุกคนจะร่วมมือกันทำลายงานเลี้ยงฉลองระหว่างเขากับดารินทร์ในค่ำคืนนี้เสียให้ได้
“กลับไปในห้องอาหารกันเถอะค่ะ... นะคะ คุณพ่อคุณแม่คุณป้ารออยู่นะคะพี่รักษ์”
ศรุตาจับมือเขาไว้อีกครั้ง ทรรศภาคย์จำไม่ได้ว่าเขากับศรุตาเคยสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เจอกันก็น้อยครั้งมาก ซึ่งก็นานมาแล้วก่อนที่หญิงสาวจะไปใช้ชีวิตต่างแดน
“ขอโทษนะครับ แต่ผมขอตัวก่อน”
เขาข่มอารมณ์ที่จะไม่แสดงความป่าเถื่อนออกมา อย่างน้อยก็เป็นบุตรสาวของเพื่อนสนิทมารดา แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่รู้ชะตาชีวิตของตัวเอง
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สำคัญอะไรกับพี่รักษ์อีกนะคะ เรียกว่าไม่ได้สำคัญมานานแล้ว คนที่สำคัญกับพี่รักษ์คือรุ้งนะคะ คุณพ่อคุณแม่คงไม่ชอบใจแน่ หากพี่รักษ์จะไม่ให้เกียรติรุ้งแบบนี้ เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
คนที่กำลังก้าวเดินไปได้สองก้าวถึงกับหยุดเท้า เขาตวัดสายตามองไปยังเบื้องหน้า รอยยิ้มหยันผุดขึ้นที่มุมปาก ผู้หญิงบางคนก็ไร้ค่าตั้งแต่แรกพบ ทรรศภาคย์หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าคนที่ถือว่าตัวเองมีดี ดูจากสีหน้าและแววตาคงลำพองใจไม่น้อย
“การที่ผมปฏิเสธคุณ ถือว่าให้เกียรติมากพอแล้วนะครับ อย่าทำตัวต่ำทั้งที่เกิดมาเป็นผู้รากมากดีเลย ผู้ชายไม่เล่นด้วยก็อย่าวิ่งตาม แล้วอย่าใช้พ่อแม่มาอ้าง มันจะทำให้ตัวคุณดูไม่แพงนะครับ”
“พี่รักษ์!”
คนถูกต่อว่าหน้าชาไปทันที ทั้งชีวิตจนอายุย่างเข้าวัยยี่สิบแปด เธอยังไม่เคยเจอใครพูดจาหยามเกียรติกันขนาดนี้เลยยิ่งเป็นผู้ชายที่ตนเองหมายปองแล้วด้วย ศรุตารู้สึกเสียหน้าที่เสน่ห์ของเธอไม่อาจทำให้เขาสยบแทบเท้าเฉกเช่นผู้ชายคนอื่น
“แล้วผู้หญิงของคุณแพงนักเหรอคะ นั่นก็พ่อเธอขายมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เรียกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าไม่ดีกว่าเหรอ”
คราวนี้ทรรศภาคย์จ้องลึกไปในดวงตาคู่สวยที่จ้องเขาเขม็ง เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่หมุนตัวกลับไปทางเดิม แม้จะได้ยินเสียงด่าไล่หลังก็ไม่ได้ทำให้แผ่นหลังแข็งแรงสั่นไหว ผู้หญิงคนนี้เหรอที่มารดาของเขาอยากเกี่ยวดองกัน ไม่มีทาง!
ทรรศภาคย์ไม่ได้กลับคอนโดในทันที เขาแวะไปดื่มที่ร้านประจำอีกพักใหญ่ ด้วยไม่รู้จะไปที่ไหน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวก็เนรเทศตัวเองไปใช้ชีวิตอยู่เมืองเหนือ ชายหนุ่มยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจรดริมฝีปากสีแดงเข้ม เขาเห็นสายตาของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมองมาที่ตนเองอย่างสนใจ