แพทย์หญิงศรุตา นพศิลป์... ผู้หญิงที่มารดาหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ตั้งแต่ที่พ่อของดารินทร์เริ่มมีกลิ่นไม่ดี ที่จริงครอบครัวของเขาก็เป็นตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยมาก ถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในยี่สิบของตระกูลมั่งคั่งในประเทศไทย ทว่าคนเราไม่รู้จักพอ ได้คืบก็จะเอาศอก เขาไม่ได้เห็นด้วยกับการคลุมถุงชนตั้งแต่แรกแต่ก็ไม่อยากขัด ตั้งใจจะทำให้ภรรยาป้ายแดงร้องไห้กระซิกไปซบอกพ่อตั้งแต่คืนแรกที่แต่งงานกัน ทว่าเขาประเมินหญิงสาวต่ำไป ดารินทร์ไม่เคยเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตของเขาเลย
‘นิ้งเข้าใจค่ะ และนิ้งก็อยากให้คุณรักษ์ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องสนใจนิ้ง ไม่ต้องคิดว่านิ้งอยู่ที่นี่ นิ้งจะพยายามทำตัวให้เหมือนอากาศที่รู้ว่ามีแต่ไร้ตัวตน’
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างให้เขาทันทีที่คล้อยหลังจากผู้ใหญ่ให้คำอวยพรเรียบร้อยในคืนเข้าหอ และทรรศภาคย์ก็ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง เพราะในคืนนั้นเขาก็ออกไปหาคู่ขาเพื่อปลดปล่อยความต้องการของผู้ชาย ก็ได้แต่คิดว่าดารินทร์จะทนได้สักกี่น้ำ จนมาถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอทนทานยิ่งกว่าสีทาบ้าน
“ไม่นานคุณแม่จะให้เธอหย่ากับฉัน”
“แล้วถ้า... ถ้านิ้งไม่หย่าล่ะคะ”
“ก็ถ้าเธอมีคนที่ทำให้คุณแม่เกรงได้ ฉันก็ไม่เป็นห่วงหรอก”
เขาใช้คำว่าเป็นห่วงเธอ ดารินทร์กำมือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อแน่น ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษจนทรรศภาคย์เห็นแล้วชวนหดหู่ใจ
“ฉันเลยแนะนำให้เธอเรียกท่านไปสักร้อยล้าน อย่างน้อยเงินจำนวนนั้นก็ชดเชยการเสียเวลาของเธอได้”
“นิ้งไม่ได้ต้องการเงิน”
“ต้องการฉันเหรอ”
หญิงสาวสบตากับเขาก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ เพราะรู้ว่าเขาพูดเล่น แต่จะมาเล่นกับหัวใจเธอบ่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ไหว ตั้งแต่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของชายหนุ่ม หัวใจของเธอก็ทำงานหนักขึ้นไม่มีแผ่ว เขาจะรู้ตัวบ้างไหม
“นิ้งจะไม่หย่าหากเป็นความต้องการของคุณแม่ แต่นิ้งจะหย่า... หากคุณรักษ์ต้องการ”
เธอสบกับดวงตาคมดุอย่างไม่เกรงกลัว เป็นทรรศภาคย์เสียเองที่เมินมองไปทางอื่น นานวันเข้าหัวใจของตนเองเริ่มมีปัญหา อ่อนไหว หวั่นไหว สงสาร และเห็นใจหญิงสาวตรงหน้าโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเพราะเธอเป็นคนพูดและเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่เคยจะสร้างปัญหาให้หนักใจ ไม่เคยเรียกร้องทั้งที่มีสิทธิ์ทุกอย่าง จะว่าไปเรื่องนี้ต้องขอบคุณมารดาที่เลือกผู้หญิงได้ถูกใจเขานัก
“นั่นคุณรักษ์จะไปไหนเหรอคะ”
เมื่อเขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หญิงสาวจึงลุกตามและเผลอปากถามออกไปทั้งที่รู้ว่าไม่ควร แม้เขาจะไม่ได้มองมาด้วยสายตาตำหนิ แต่ดารินทร์ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
“ขอโทษค่ะ คุณรักษ์คิดเสียว่านิ้งไม่ได้ถามอะไรนะคะ”
“ฉันจะออกไปดื่มกับเพื่อนสักหน่อยคงกลับดึกๆ”
เขาพูดเพียงเท่านั้นก็สับเท้าหายเข้าไปในห้องนอน ดารินทร์ถึงกับปล่อยตัวเองนั่งลงบนโฟซาตัวนุ่มแล้วถอนหายใจออกมา จะมีเขาหรือไม่มี จะกลับดึกหรือกลับเร็ว ก็ไม่มีผลกับชีวิตของเธอเลยสักนิด การทำอาหารมื้อค่ำง่ายๆ นั่งทานคนเดียวท่ามกลางวิวพาโรนามาจากชั้นบนสุดของตัวอาคารบนถนนสายธุรกิจมันก็โรแมนติกดี แต่มันคงจะดีกว่านี้หากจะมีเขานั่งทานอาหารด้วยกันสักครั้ง
“อ้าว... ตารักษ์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกแม่ล่วงหน้าจะได้ทำอาหารอร่อยๆ ไว้รอ”
ทรรศภาคย์ไม่ได้ออกไปดื่มกับเพื่อนอย่างที่บอกกับภรรยาไว้ แต่เขามุ่งตรงมาที่บ้านซึ่งก็รู้จากเด็กรับใช้ว่ามารดาออกไปข้างนอกมีนัดกับคุณหญิงหทัยรัตน์ ส่วนบิดาก็ไปออกรอบกับเพื่อนๆ ยังไม่กลับ นับว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยจะมีเวลาให้เขาอยู่แล้ว ทรรศภาคย์พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเขาเติบโตมากับแม่นมและสาวใช้ในบ้าน ที่ผลัดกันดูแลเอาใจใส่ราวกับเป็นลูกเป็นหลาน จนเขาอายุได้สิบห้าก็ถูกส่งไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส และเพิ่งกลับมาเมื่อห้าปีที่แล้วนี่เอง
“ผมแค่ผ่านมา” เขายังคงใช้ปลายนิ้วไถหน้าจอโทรศัพท์ราวกับมันสำคัญกว่าผู้ให้กำเนิด
“แม่ไปเจอคุณหญิงหทัยรัตน์มา หนูรุ้งจะกลับมาประจำที่เมืองไทยสัปดาห์หน้าแล้วนะลูก แม่อยากให้รักษ์ไปทานข้าวกับคุณน้าและหนูรุ้ง”
“คุณแม่คิดจะทำอะไรอยู่เหรอครับ”
เขาตวัดสายตามองคนเป็นแม่ปรับท่านั่งหลังตรง มือหนารวบเข้ากันวางไว้บนเข่าทั้งสองข้าง สายตาเพ่งมองมารดาอย่างต้องการคำตอบ
“แม่อยากให้รักษ์หย่ากับแม่นิ้งเสีย”
“ทำไมเหรอครับ เธอทำอะไรผิด” เขาถามทั้งที่รู้จักนิสัยแม่ของตัวเองดีกว่าใคร
“รักษ์ก็รู้ว่าคุณพ่อของเธอเกือบพาเราซวยไปด้วยแล้ว ดีนะที่แม่ได้พลโทเสกสรรช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเราอาจจะติดร่างแหไปด้วยก็ได้ ไม่คิดเลยว่ารัฐมนตรีชรธรจะโกงกินได้ขนาดนี้ แม่ไม่น่าให้รักษ์แต่งงานกับแม่นิ้งอะไรนั่นเลย คิดๆ แล้วก็น่าเจ็บใจ ลูกสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีหน้ามีตาทางสังคมอะไรเลย ดีหน่อยเดียวที่เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีชรธรในตอนนั้น แต่แม่ว่าตอนนี้เราต้องรีบสลัดเธอออกไปจากรักษ์นะลูก มันอาจจะมีผลกับการขึ้นรับตำแหน่งของลูกก็ได้ หากคณะกรรมการเกิดไม่ไว้วางใจขึ้นมา ตัดไฟแต่ต้นลมไว้ดีกว่า”