หลังจากที่กลับมาจากงานศพ คุณมนัสก็กลับมาที่บ้านด้วยท่าทางกลุ้มใจ ท่านจะพูดกับบุตรสาวอย่างไรดี เพื่อให้เธอยอมทำตามเงื่อนไขของเอกภพ บุตรสาวที่ท่านฟูมฟักและเลี้ยงมาอย่างดี ต้องมาสังเวยความแค้นของเอกภพ แค่คิดมันก็ไม่ยุติธรรมต่อบุตรสาวแล้ว
แต่คุณมนัสรู้ดีว่าเนื้อแท้ของเอกภพไม่ใช่คนไม่ดี แต่เพียงแต่ว่าเขากำลังโกรธในสิ่งที่ท่านทำกับบิดาเขา คุณมนัสได้เพียงแต่ภาวนาให้เอกภพคิดได้ และไม่ทำร้ายบุตรสาวของท่าน ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าคำภาวนาของท่านจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ แต่ตอนนี้สิ่งที่น่ากังวลที่สุด นั่นก็คือจะทำยังไงให้บุตรสาวยอมทำตามเงื่อนไขนี้ต่างหากล่ะ
“คุณพ่อคะ ที่งานคุณลุงเป็นยังไงบ้างคะ” มายาวีเข้ามาถามบิดาด้วยความเป็นห่วง เธอรู้มาคร่าวๆ ว่าเพราะบิดาถอนหุ้น คุณเอกทัศน์จึงยิงตัวตาย แล้วคุณเอกทัศน์เป็นเพื่อนสนิทของบิดา งานนี้คงกระทบจิตใจท่านเป็นอย่างมาก เธอเชื่อว่าบิดาคงจมอยู่กับความรู้สึกผิดเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต
“ก็เรียบร้อยดี” คุณมนัสเอ่ยออกมาด้วยความหนักใจ
“ทำไมคุณพ่อดูเครียดจังเลยคะ เล่าให้มายด์ฟังได้นะคะ เผื่อว่าคุณพ่อจะสบายใจขึ้น” มายาวีเอ่ยด้วยความเป็นห่วงบิดา ท่านก็อายุมากแล้ว หากว่าต้องเผชิญกับความเครียด เธอกลัวว่าบิดาจะเลือกจบชีวิตแบบคุณเอกทัศน์เพราะรู้สึกผิดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ซึ่งเธอจะยอมให้บิดาที่เธอรักต้องจบแบบเดียวกับเพื่อนสนิทท่านไม่ได้ อะไรที่เธอสามารถแบ่งเบาภาระทางความรู้สึกให้บิดาได้ เธอก็ยินดีทำ
“เครียดสิลูก เครียดมากด้วย” คุณมนัสเอ่ยออกมาเสียงเศร้า ยิ่งมองหน้าบุตรสาว ท่านยิ่งทำอย่างนั้นไม่ลง แต่ถ้าไม่ทำอะไรเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดนี้ ท่านก็อาจจะอยู่แบบนี้ด้วยความทุกข์ใจไปตลอดชีวิตก็ได้
“พ่ออย่าเครียดสิคะ ยิ่งเครียดมันจะทำให้พ่อดิ่งนะคะ เรามีกันอยู่สองคนพ่อลูกนะคะ มีอะไรก็เล่าให้มายด์ฟัง พ่อจะได้ไม่ต้องเก็บมันไว้คนเดียว” มายาวีเอ่ยกับบิดาด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเครียดก็ยิ่งทุกข์ใจ เธอกลัวเหลือเกินว่าบิดาของเธอจะเครียดจนล้มป่วย