ไม่แปลกใจหรอก... ก็เขาเพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ การศึกษา ผู้หญิงคนไหนไม่สนใจก็บ้าแล้ว
ดวงตากลมโตกำลังสนใจมองสมุดบัญชีในมือ โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกสำรวจจากใครบางคนอยู่ ใบหน้ารูปไข่สะอาดหมดจดไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม ปลายจมูกที่โด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอิ่มที่ลงลิปกรอสอย่างบางเบา พวงแก้มที่แดงปลั่งตามธรรมชาติด้วยอายแดดร้อนยามเที่ยงตรง เม็ดเหงื่อเล็กๆ ที่เกาะพราวอยู่ทั่วใบหน้า ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เขามองจนดึงสายตากลับไม่ได้ หากไม่เป็นการเสียมารยาทจนเกินไป จิรัสย์กระแอมในลำคอสองสามครั้ง ก่อนจะสืบเท้าเข้าไปใกล้ร่างบางในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน
“เหม่อลอยทั้งวันเลยนะเรา เดี๋ยวฉันก็ฟ้องคุณย่าว่าเธออู้หรอก”
คำทักทายอย่างเป็นกันเองเรียกสติของคนที่มัวคิดอะไรเพลิน ๆให้กลับมา พิชชาอรฉีกยิ้มกว้างเมื่อคนตรงหน้าคือจิรัสย์... น้องชายของจิณณ์ สมาชิกคนสำคัญของครอบครัวที่เธออาศัยอยู่ จิรัสย์ปฏิบัติกับเธออย่างเพื่อนคนหนึ่ง แม้ว่าเธอกับเขาจะสถานะต่างกัน แต่เขาก็ไม่เคยมองว่าเธอต่ำต้อยกว่า ไม่เหมือนกับ...
“คุณโจไม่ทำแบบนั้นกับพราวหรอกค่ะ” จิรัสย์ยิ้มตอบ เขากับพิชชาอรเติบโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนเล่นมาด้วยกันอีกทั้งยังอายุไล่เลี่ยกันอีกด้วย
“ทานอะไรมาหรือยังคะ”
คำทักทายประจำเวลาที่เจอหน้ากัน พิชชาอรเปรียบเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำ ที่ไม่ว่าเขาจะอยากทานอะไรก็แค่เอ่ยปากบอกเธอเท่านั้น ไม่มีอะไรที่พิชชาอรทำไม่ได้และไม่อร่อย น่าเสียดายที่เขามักจะช้าไปกว่าพี่ชายหนึ่งก้าวเสมอ
“ได้ข่าวว่าเธอไปช่วยดูแลอาหารให้แขกคุณย่ามาเหรอ” เขาเกริ่นถามเพื่อดูทีท่าของหญิงสาว
“ค่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วพราวเลยมาที่ร้านต่อ”
คนตอบระบายยิ้มออกมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จิรัสย์ยิ้มที่มุมปากส่ายหน้าเบาๆ ด้วยรู้ว่าพิชชาอรก็ยังคงเป็นแบบนี้เสมอต้นเสมอปลาย เก็บอาการเก่ง จนบางครั้งเขาก็อยากรู้ว่าเธอมีความรู้สึกบ้างไหม
“ขยันจริงๆ อยากได้รับตำแหน่งพนักงานดีเด่นประจำปีนี้เหรอ”
“ถ้าได้ก็ดีสิคะ ยิ่งได้รับรางวัลก็ยิ่งมีเงินเยอะๆ”
คนตอบกลั้วน้ำเสียงหัวเราะออกมา ทว่าดวงตาที่เศร้าหมองไม่อาจปกปิดความรู้สึกจริงๆ ได้ จิรัสย์ถอนหายใจยาวเขารู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่คนหิวเงิน เธออยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวมาโดยตลอด ทั้งที่สถานะของเธอคือพี่สะใภ้ แม้จะไม่ถูกเปิดเผยและเป็นที่ยอมรับแต่ทุกคนในบ้านก็รับรู้
จิณณ์เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าใจยาก บางครั้งเขาก็ไม่แน่ใจว่ารู้จักพี่ชายตัวเองดีแค่ไหน หลายต่อหลายครั้งที่จิณณ์เผยแววตาหวงแหนพิชชาอร แต่ก็อีกหลายครั้งที่เขาทำราวกับเธอเป็นเพียงผู้หญิงไร้ค่าคนหนึ่งเฉกเช่นวันนี้
“เธอล่ะกินอะไรมาหรือยัง”
คนถูกถามนิ่งคิดไปชั่วครู่ ตั้งแต่เช้าจวบจนกระทั่งเที่ยงยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่เธอกลับไม่รู้สึกหิวสักนิด นั่นคงเป็นเพราะเรื่องวันนี้
“เดี๋ยวเอาอะไรอร่อยๆ มาสักสามสี่อย่างข้าวสองจาน ช่วยยกไปให้ที่โต๊ะตรงโน้นนะครับ” เขาหันไปสั่งกับพนักงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้น แล้วจับข้อมือคนดื้อให้เดินไปด้วยกัน
“พราวยังไม่หิวเลยค่ะ”
“นี่เที่ยงแล้ว”
เขาหันมาส่งเสียงดุ พิชชาอรจำต้องเดินตามจิรัสย์ไปยังโต๊ะส่วนตัวของเขา หญิงสาวได้รับการปรนนิบัติอย่างดี จิรัสย์ดึงเก้าอี้ออกมา จับหัวไหล่เขาเธอนั่งลงแล้วอ้อมไปนั่งเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับหญิงสาว
“กินเยอะๆ ล่ะ ดูสิตัวผอมแห้งขนาดนี้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาทำงานให้คุณย่า ลมพัดทีก็ปลิวแล้ว”
เขาก็พูดเกินไป พิชชาอรไม่ได้ผอมบาง ทว่าสมส่วน อกสามสิบสอง เอวยี่สิบสี่ สะโพกสามสิบห้า ความสูงหนึ่งร้อยหกสิบเซ็นติเมตร จัดว่าไซซ์ปกติของผู้หญิงเอเชีย จิรัสย์ยังคงไร้มารยาทสำรวจหญิงสาวต่อ น้อยครั้งนักที่เขามีโอกาสใกล้ชิดเธอขนาดนี้ ก็เจ้าของดุเสียขนาดนั้น
“ที่ว่าพราวผอมแห้งนี่เพราะผู้หญิงของคุณโจแต่ละคนนี่แบบว่า...”
หญิงสาวทำไม้ทำมือวาดหุ่นสะโอดสะองผู้หญิงของเขาในอากาศแล้วเผยรอยยิ้มอวดฟันขาวสะอาด ก็แน่ละ... ผู้หญิงที่จิรัสย์ควงแต่ละคนระดับตัวท็อปของวงการทั้งนั้น
“อะไรของเธอ นี่กินเข้าไปเลย กินเข้าไปเยอะๆ
” คนถูกแซวตักอาหารใส่จานให้หญิงสาวแทน เพื่อเป็นการตัดบทที่ไม่อยากให้พูดถึงบรรดาผู้หญิงที่เขาควงเล่นไม่ซ้ำหน้า ส่วนหนึ่งเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจ เพราะคนที่ถูกใจเป็นของคนอื่นไปแล้ว
“เอ่อ... ขออนุญาตค่ะ”
พนักงานสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีอ่อนน้อม ด้วยรู้ว่าการขัดจังหวะของเจ้านายเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่คนในสายก็สำคัญเช่นเดียวกัน
“มีอะไรเหรอคะ” พิชชาอรเป็นคนถามพนักงานคนนั้นเสียเอง ในขณะที่คนรอฟังเหมือนพอจะเดาเรื่องราวได้
“คุณจิณณ์โทรมาค่ะ ขอสายคุณพราว”
พิชชาอรพยักหน้าแล้วหันมาขอตัวกับคนร่วมโต๊ะ หญิงสาวลุกไปรับสายที่รออยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย จิรัสย์ยกมือขึ้นลูบปลายคางแล้วยิ้มที่มุมปากอย่างรู้ทัน มองดูอาหารบนโต๊ะที่พร่องไปแค่นิดเดียว ชายหนุ่มรวบช้อนไว้ข้างจานทันที หมดกันอาหารมื้อเที่ยงที่แสนจะอร่อย