ไม่เพียงแต่พาสปอร์ตที่ถูกทำลาย แต่เงินสดที่แลกมาหมื่นกว่าบาทในกระเป๋ายังถูกน้องสาวต่างสายเลือดฉกไปด้วย อันนี้ขวัญนรีมารู้ทีหลัง เท่ากับว่าตอนนี้เธอมีเงินติดบัญชีไม่ถึงสองหมื่น พาสปอร์ตทำใหม่ได้ก็จริง แต่ปัญหาคือเธอไม่มีปัญญาจ่ายค่าตั๋วที่จองไว้น่ะสิ ขวัญนรีในตอนนี้จึงไม่ต่างอะไรกับนกปีกหัก น่าอเนจอนาถยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อนข้างทาง กระนั้นก็ไม่เคยมีสักวินาทีที่เด็กสาววัยสิบแปดย่างสิบเก้าคิดยกธงขาวยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาที่พ่อเธอเป็นคนกำหนด
ถ้าหนีกลับนิวซีแลนด์ไม่ได้ หนทางเดียวที่ขวัญนรีจะรอดพ้นจากการคลุมถุงชนกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้คือเธอต้องมีไม้กันหมาเป็นผู้ชายดีๆ สักคน
ขวัญนรีปักหมุดมาที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่ง เธอรู้ว่าผู้ชายดีๆ มีแต่ในนิยาย และผู้ชายร้ายๆ ก็สามารถเจอได้ทุกหนทุกแห่งบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะสถานที่อโคจร ทว่าเธอไม่มีทางเลือก ไม่มาที่นี่ก็ไม่รู้จะไปเฟ้นหาผู้ชายจากที่ไหนมาเป็นแฟนได้ภายในวันสองวัน
"รับอะไรดีครับคุณผู้หญิง" บาเทนเดอร์หน้าหล่อเอ่ยทักเสียงนุ่ม งานนี้ขวัญนรีลุยเดี่ยว ข้อเสียของการถูกส่งไปเรียน (ดัดสันดาน) ที่เมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ คือเธอไม่มีเพื่อนที่ไทยเลย และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่สาวเท้าเข้าผับคนเดียว ใบหน้าสะสวยถูกความประหม่าเกาะหนึบอย่างเห็นได้ชัด เพราะเหตุนี้ขวัญนรีจึงเลือกมาหย่อนสะโพกงามงอนภายใต้เดรสกำมะหยี่สีดำขลับตัดขาอ่อนขาวนวลเนียนราวน้ำนมลงบนเก้าอี้สตูลบาร์ การนั่งคนเดียวเหงาๆ เรียกสายตาเป็นมันจากนักท่องราตรีเพศผู้ได้เป็นโขยงโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว
"อะไรก็ได้ค่ะ แต่ขอไม่แรงมากนะคะ" ขอแค่กรึ่มๆ ปลุกต่อมแรดในตัวให้ตื่นเป็นพอ ระหว่างรอเครื่องดื่ม ดวงตากลมโตที่ล้อมด้วยแพขนตางอนยาวก็กวาดสำรวจไปทั่วสารทิศอย่างตื่นตาตื่นใจ แอบเสิร์ชมาแล้วว่าผับแห่งนี้มีเจ้าของเป็นดาราท่านหนึ่ง การตกแต่งทั้งภายนอกภายในจึงค่อนข้างหรูหราอลังการพอสมควร ลูกค้าที่มาก็ดูมีฐานะกันทั้งนั้น น่าจะพอหาผู้ชายหน่วยก้านดีสักคนได้ไม่ยาก
"ได้แล้วครับ" บาเทนเดอร์ส่งเครื่องดื่มสีหวานกลิ่นพีชเจือแอลกอฮอล์ปริมาณน้อยนิดมาตรงหน้าลูกค้าสาว
"แค่กๆๆ อื้อ ขมชะมัด สีสวยซะเปล่า"
"ยกซดรวดเดียวแบบนี้ก็แย่สิครับ มันต้องค่อยๆ จิบนะ"
เอ๋? เสียงใครหว่า
"นี่ครับ"
ขวัญนรีเงยหน้าเจ้าของผ้าเช็ดหน้าสีเข้มอย่างงุนงง
"รับไปสิครับ ปากคุณเลอะหมดแล้ว"
"ขอบคุณค่ะ" รับผ้าเช็ดหน้ามาซับปากเบาๆ ช้อนตามองใบหน้าหล่อเหลาเอาการของอีกฝ่าย สายตาของเขาดูแพรวพราวมาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาเข้ามาจีบ ขวัญนรีมาที่นี่เพื่อหาไม้กันหมาอยู่แล้ว จึงไม่ติดขัดอะไรที่ชายหนุ่มถือวิสาสะทรุดตัวลงเก้าอี้ตัวข้างๆ
"ผมวิษณุครับ เรียกว่าพี่นุก็ได้ ผมน่าจะอายุมากกว่าคุณ..." เขาโน้มหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ เพราะเสียงในผับค่อนข้างดัง
"ของขวัญค่ะ"
“ยินดีที่ได้รู้จกนะครับน้องขวัญ”
“เช่นกันค่ะ”
จากนั้นเราสองคนก็เริ่มพูดคุย ถามไถ่เรื่องของกันและกันแบบไม่ละลาบละล้วงมากนัก ขวัญนรีจึงได้รู้ว่าวิษณุอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ตอนนี้ทำงานเป็นวิศวกรให้กับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่สำคัญไปกว่านั้นตลอดการสนทนา พี่นุไม่ได้มีท่าทีหรือคำพูดที่คุกคามเธอเลยสักนิด แถมยังถอดแจ็คเก็ตสูทให้เธอใช้คลุมขาอ่อนอีกต่างหาก สุภาพบุรุษมาก คะแนนความประทับใจเธอให้เต็มสิบ
"พี่นุ ขวัญขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ" คุยไปคุยมาชักเริ่มปวดฉี่ ต้นสายปลายเหตุก็ไม่ใช่อะไร พอพี่นุสอนวิธีดื่มที่ถูกต้องให้ เธอก็จิบไม่หยุดปาก
"ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญไปคนเดียวได้"
"งั้นพี่นั่งรอเราอยู่ตรงนี้นะครับ"
"ค่ะ"
ขวัญนรีทำธุระส่วนตัวด้วยความรวดเร็วเพราะไม่อยากให้วิษณุรอนาน และเพราะความหุนหันพลันแล่นนี้เอง ทำให้ร่างบางปะทะร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างแรง ขวัญนรีหลับตาปี๋ เตรียมรับแรงกระแทก เธอกำลังจะหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้า ทว่ารออยู่หลายวินาที ความเจ็บก็ไม่แล่นขึ้นสมองสักที
"จะยืนหลับอีกนานไหม"