ตอนที่ 5
ท้าทาย
มือเรียวปาดน้ำตาบนใบหน้าลวกๆ เมื่อเดินออกมาจากบ้านผีสิงได้สำเร็จ ดวงตาสีนิลมองไปที่เซนไคโร่ที่วิ่งหนีออกมาก่อน แล้วทิ้งเธอไว้ในบ้านผีสิงตามลำพังด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนจะเดินสวนไปคนละทางกับที่เซนไคโร่ยืนอยู่ ทำให้เซนไคโร่ต้องรีบเดินตามไปจับข้อมือเรียวเอาไว้ไม่ให้เธอเดินหนีไปไกลมากกว่านี้
“จะไปไหน” เซนไคโร่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกผิดอะไรที่กลั่นแกล้งเธอไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่ยูเมะจะสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างไร้เยื่อใย
“จะกลับบ้าน” ยูเมะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจนคนฟังอย่างเซนไคโร่รู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก
“พูดจาให้มันดีๆ หน่อย”
“เซนไคซังก็ทำตัวดีๆ กับหนูก่อนสิคะ หนูไปทำอะไรให้เซนไคซังหนักหนาทำไมต้องมาแกล้งกันแบบนี้ด้วย ถ้าไม่อยากแต่งด้วยกันมากก็ไม่ต้องแต่ง หนูก็ไม่อยากแต่งกับคนใจร้ายอย่างเซนไคซังเหมือนกัน” ยูเมะร่ายยาวออกมาด้วยความอัดอั้น เพราะก่อนหน้านี้เธอเองต้องใช้ความอดทนในการเผชิญหน้ากับเขาตลอด แต่เธอก็พอที่จะเข้าใจได้ว่าที่เขาไม่ยอมพูดคุยกับเธอเป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับเธอ แต่การที่มาแกล้งเธอแบบนี้ เธอรู้สึกว่ามันเกินขีดจำกัดของเธอเกินไป หากไม่แต่งงานกับเขาเธอก็แค่แต่งกับตระกูลยากูซ่าอื่น ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องง้อเขาเลยสักนิด เขาต่างหากที่ได้รับผลประโยชน์จากการแต่งงานครั้งนี้เต็มๆ แต่เขากลับทำเหมือนเธอไม่ใช่คน คิดจะต่อว่า หรือจะกลั่นแกล้งอะไรก็ได้
เซนไคโร่มองท่าทางพยศของหญิงสาวที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนด้วยความแปลกใจ เมื่อเขาไม่มีคำอธิบายใดๆ ให้กับเธอ เธอจึงตัดสินใจให้คนขับรถไปส่งเธอที่บ้านของเธอ แทนการกลับไปกับเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่ทันที่จะได้คัดค้านอะไรเธอก็เดินออกไปไกลแล้ว และด้วยความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีทำให้เขาเลือกที่จะไม่ตามเธอไปเช่นกัน
เซนไคโร่กลับมาที่บ้านหลังจากที่ทริปเดตที่เบนจิโร่วางแผนให้พังไม่เป็นท่า ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่อเห็นเบนจิโร่นั่งรออยู่ที่หน้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเคร่งขรึม และมันก็คงไม่พ้นเรื่องที่เขาปล่อยให้ยูเมะหนีกลับบ้านไปในวันนี้
“มานั่งรอแบบนี้แสดงว่ามีคนฟ้องแล้วใช่ไหมครับ” เซนไคโร่เอ่ยขึ้น
“แกเนี่ยมันหาแต่เรื่องปวดหัวให้ฉันจริงๆ เลยนะ”
“จะไปสนใจทำไม ก็เธออยากกลับเองก็ให้เธอกลับไปสิ อีกอย่างเธอเองก็ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับผมแล้วด้วย”
“ไปตามหนูยูเมะจังกลับมาเดี๋ยวนี้”
“ท่านปู่จะให้ผมไปตามเธอทำไมในเมื่อเธอเลือกที่จะไปเอง”
“เพราะน้องทนสันดานแกไม่ไหวไง”
“แล้วกลับมาจะทนได้เหรอ”
“ไอ้หลานเวร!” เบนจิโร่ขึ้นเสียงด้วยความโกรธกับความมึนของหลานชาย “แกก็ทำตัวกับน้องให้มันดีๆ กว่านี้สิ แกรีบไปขอโทษน้องเดี๋ยวนี้เลย ฉันคุยกับทางบ้านของหนูยูเมะจังให้แล้ว
“คนเขาไม่อยากอยู่ท่านปู่ก็ไปบังคับเขา” เซนไคโร่พูดด้วยน้ำเสียงหนักใจ แล้วรีบชิงหมุนตัวเดินกลับออกไป ก่อนที่เบนจิโร่จะต่อว่าอะไรกลับมา
บ้านยูเมะ(ตระกลูมาสึดะ)
เซนไคโร่นั่งรถมายังบ้านของยูเมะจังที่ถูกออกแบบให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ต่างจากบ้านของเขาที่ยังคงรูปแบบของเรียวกังสมัยโบราณเอาไว้ ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวลงจากรถไปพูดคุยกับยูเมะให้รู้เรื่อง เขาก็ดันไปเห็นเธอเดินคุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งด้วยท่าทางสนิทสนม
“ที่แท้ก็อยากกลับมาหาผู้ชาย ทำเป็นแสดงละครโยนความผิดให้คนอื่นว่างั้น” เซนไคโร่พึมพำกับตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะนั่งมองทั้งสองคนอยู่ภายในรถโดยไม่แสดงตัว
ทางด้านยูเมะจัง
“แล้วยูเมะต้องแต่งงานกับคนแบบนั้นจริงๆ เหรอ” ฮายาเตะรุ่นพี่ข้างบ้านของยูเมะเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ยูเมะเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง เพราะเธอค่อนข้างที่จะสนิทกับฮายาเตะ เพราะตอนที่เรียนมัธยมปลายเธอได้เรียนโรงเรียนเดียวกันกับเขา
“ถ้าไม่แต่งกับเขาก็ต้องแต่งกับคนอื่น แต่แต่งกับคนอื่นคงไม่ใจร้ายกับหนูขนาดนี้มั้งคะ”
“สาบานว่าที่เล่ามาคือเรื่องจริงนี่มัน2021 แล้วนะยังมีอะไรแบบนี้อยู่อีกเหรอ”
“ตระกูลหนูเป็นตระกูลเก่าแก่ เลยมีสิ่งที่ทายาทเพียงคนเดียวอย่างหนูต้องแบกรับหลายอย่างเลยค่ะ”
“แล้วมันไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ”
“ตอนนี้หนูยังมองไม่เห็นหนทางอื่นเลยค่ะ”
“แล้วถ้าแต่งงานกับคนธรรมดาที่ไม่ใช่ยากูซ่าล่ะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าแบบนั้นคนในแก๊งคงจะไม่พอใจแล้วเกิดปัญหาตามมา”
“มันไม่มีหนทางที่ดีกว่านี้จริงๆ เหรอ”
“อืม เหมือนคุณพ่อจะเคยบอกว่าถ้าหนูไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หนูต้องหาลูกเขยที่มีคุณสมบัติพอที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊งได้มั้งคะ”
“แล้วคุณสมบัติที่ว่าคืออะไร” ฮายาเตะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายใจ และอยากรู้อยากเห็นผิดปกติ
“คงเป็นพวกคุณสมบัติต่อสู้มั้งคะ การต่อสู้วิชานักรบซามูไรอะไรประมาณนี้มั้งคะ”
“แค่มีวิชานักรบซามูไรก็พอใช่ไหม”
“เห็นว่าต้องมีการประลองด้วยนะคะถ้าชนะการประลองก็จะได้รับการยอมรับจากสมาชิกภายในแก๊ง” ยูเมะเล่าไปเรื่อยๆ ตามที่เธอพอจะรับรู้มา ทว่าการที่จะหาผู้ชายที่มีฝีมือรำดาบซามูไรที่ดีได้ในยุคสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“เห็นไหมพี่บอกแล้วว่ามันต้องมีทางอื่น”
“ฮายาเตะซังจะหาคนมาช่วยหนูเหรอคะ”
“อืม”
“ฮายาเตะซังจะไปหามาจากไหนคะ” ยูเมะเอียงคอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แถวๆ นี้นี่แหละ เราสบายใจเถอะพี่ไม่ยอมให้เราต้องถูกบังคับแต่งงานหรอก” ฮายาเตะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางยกมือลูบศีรษะทุยเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“พูดแล้วทำไม่ได้มันน่าอายนะครับ” น้ำเสียงเยือกเย็นที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ทั้งสองคนต้องแยกตัวออกจากกัน แล้วหันไปมองยังต้นเสียง
“เซนไคซัง” ยูเมะเรียกชื่อเจ้าของน้ำเสียงเยือกเย็นเมื่อครู่ด้วยความตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาที่นี่
“ตกใจมากเลยเหรอที่เจอฉัน”
“คนนี้เหรอที่แกล้งยูเมะจัง” คราวนี้เป็นฮายาเตะที่เอ่ยแทรกขึ้น พลางเดินแทรกมายืนตรงหน้าหญิงสาว แล้วดันตัวเธอไปยืนหลบอยู่ด้านหลังเขา
“ผมหยอกล้อว่าที่ภรรยาผมมันจะแปลกตรงไหนล่ะครับ”
“หนูไม่ใช่ว่าที่ภรรยาของคุณแล้ว หนูไม่อยากแต่งงานกับคุณแล้ว”
“ฉันก็ไม่อยากแต่งงานกับเธอหรอก แต่โชคร้ายที่เธอกับฉันคงจะหนีกันไม่พ้น ท่านปู่ให้ฉันมาพาเธอกลับตระกูลคิมาสึเกะ”
“หนูไม่กลับ หนูไม่อยากถูกเซนไคซังแกล้งอีกแล้ว”
“ถ้าจะไม่กลับเธอต้องไปคุยกับพ่อแม่เธอก่อนนะ เพราะพวกท่านยกสิทธิ์ให้ฉันเป็นผู้ปกครองเธอชั่วคราว”
“หมายความว่ายังไงกัน” ยูเมะเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ เพราะการที่ให้เซนไคโร่เป็นผู้ปกครองเธอก็ไม่ต่างจากการยกเธอให้กับเขาเลยสักนิด
“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ ส่วนคุณถ้าอยากได้ยูเมะจังกลับไป คนที่คุณจะต้องประลองดาบด้วยคือผม เพราะตอนนี้ผมคือผู้ปกครองของเธอ” เซนไคโร่หันไปพูดกับฮายาเตะด้วยแววตาท้าทาย ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าข้อมือเรียวไปขึ้นรถกลับตระกูลคิมาสึเกะ ทิ้งให้ฮายาเตะยืนมองยูเมะจากไปเพียงลำพัง