ครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอก็มายืนอยู่ต่อหน้าประตูบานใหญ่ของห้องพักบนชั้นสี่สิบของคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ที่พักส่วนตัวของวิศวะกรหนุ่มโสดที่เนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่
“ฮึ...ฉันสัญญาว่าจะไม่กลับมือเปล่าแน่” ว่าแล้วก็ปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตสีขาวออกสองเม็ด แหวกร่องเผยเนินอกอวบอิ่มขาวโพลนอย่างจงใจจะยั่วยวนเหยื่อให้อกสั่นเล่น ขยับกระโปรงบานผ้าพลิ้วสีเหลืองสั้นลายดอกกุหลาบขึ้นอีกนิดเพื่อปล่อยให้ขาอ่อนขาวสวยได้โชว์ความเซ็กซี่อย่างเต็มที่
ก๊อก ๆ ๆ
ครั้นประตูห้องบานนั้นเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงหุ่นนายแบบในชุดเตรียมตัวนอนก็ยืนอยู่ตรงหน้า เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาวยาวพอดีตัวส่งให้เรือนกายล่ำสันบึกบึนเซ็กซี่ไม่น้อยทีเดียว
“น้องมิ้นต์ เชิญครับ” น้ำเสียงสุภาพ แต่สายตาของหมอกเมืองทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว สายตาอบอุ่นแต่ซ่อนความร้อนแรงเอาไว้อย่างกลมกลืน หากหญิงสาวไม่ใช่ว่าที่น้องสะใภ้ บางทีเขาอาจจะตะครุบเธอแล้วบดเคี้ยวจนแหลกลานก็เป็นได้
“พี่หมอกไม่สบายหรือคะ”
เขายิ้มนิดๆพอเป็นเสนห์ “เมื่อเช้าโดนฝนนิดหน่อยครับ ก็เลยเป็นไข้หวัด แต่กินยาละ”
กลิ่นเกสรก้าวเข้ามาในห้องชุดสุดกว้างขวางอย่างตื่นเต้น เจ้าของห้องปิดประตูแล้วเดินตามหลังเจ้าหล่อนเข้ามาจนถึงห้องรับแขก ซึ่งมีระเบียงกว้างสำหรับชมวิวเมืองใหญ่และโค้งน้ำเจ้าพระยา คอนโดราคาสิบล้านที่ค่อนข้างสะดวกสบายสำหรับชายโสดที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนรักอิสระเช่นเขา
“ว่าแต่น้องมิ้นต์มาทำอะไรแถวนี้ตอนสามทุ่มฮึ?”
เธอไม่ยอมตอบคำถามแต่หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ จ้องมองเขาด้วยสายตาสำรวจตรวจตรา ประเมินความรู้สึกของเขาด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าหาเขาแล้วยื่นปากประกบแนบริมฝีปากร้อนรูปกระจับของคนตัวสูง บดจูบเคล้าเคล้นอย่างรุนแรงเร่าร้อนกระหืดกระหาย
“ฮึ?” หมอกเมืองตกใจไม่น้อยที่โดนว่าที่น้องสะใภ้จู่โจมรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ทว่า ความหวานหอมของปากลิ้นนุ่มสะกดความผิดชอบชั่วดีเอาไว้ได้อย่างหมดจดหมดสิ้น ปากลิ้นของเขายินยอมให้หญิงสาวบดขยี้จนหนำใจไปเกือบนาที ก่อนจะผละออกแล้วจ้องมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“น้องมิ้นต์” น้ำเสียงเรียกสติ มากกว่าจะโกรธเคืองหรือต่อต้าน “เมารึเปล่า”