ช่วงวัยในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์สำหรับเธอมากที่สุดในชีวิต ไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องเรียนหนักในเทอมสุดท้ายมากขนาดนี้ ทั้งงานวิจัยจบการศึกษา ทำรายงาน และเรียนในแต่ละวัน แต่นั่นก็ไม่หนักใจเท่าไอ้บ้าข้างห้องที่เอาผู้หญิงมานอนด้วยเกือบทุกวัน!
ตึก! ปัก! ตึก! ปัก!
“อืม~ อา~ เฮียขา~ แรง ๆ”
นั่นไง! พูดไม่ทันขาดคำเสียงแบบนี้ลอยผ่านเข้ามากระทบหูอีกแล้ว
กึก!
เธอชะงักมือที่กำลังเขียนรายงานทันที เพราะเสียงเตียงกระแทกกับฝาผนังสะเทือนมาถึงห้องของเธอที่อยู่ติดกัน เธอนึกเจ็บใจตัวเองที่เปิดประตูกระจกตรงระเบียงทิ้งไว้ ทำให้ได้ยินเสียงครวญครางของผู้หญิงดังสอดเข้ามาด้วย
แบบนี้มันเกินไปแล้ว เว้นให้เธอนั่งทำรายงานอย่างสบายใจสักวันมันจะตายไหม!
“โรคจิตหรือไง ถึงอยากให้ใครรู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่” แอลลี่ได้แต่พึมพำกับตัวเองอย่างหัวเสีย เพราะคนข้างห้องเพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อต้นเดือนที่แล้วนี่เอง จากที่เคยนึกดีใจในที่สุดก็มีคนย้ายเข้ามาอยู่ข้างห้องเสียทีจะได้มีเพื่อน เพราะทั้งชั้นมีเธอเช่าอยู่เพียงห้องเดียวเท่านั้น แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อเพื่อนข้างห้องไม่ได้เป็นอย่างที่ใจนึก
ถึงแม้จะไม่เคยเห็นหน้าเขาแม้สักครั้งเดียว ก็พอเดาออกว่าเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน เธอเคยได้ยินเสียงเขาตอนที่อีกฝ่ายเดินออกมาคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง
“เฮ้อ~” หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะเลิกสนใจเสียงที่ดังลอดเข้ามาเป็นระยะ เธอเริ่มลงมือเขียนรายงานที่ทำค้างไว้อยู่อีกครั้ง
เมี้ยว~
เสียงเจ้าขนปุยตัวสีดำสนิทดังขึ้น มันเดินมาคลอเคลียอยู่ตรงปลายเท้าของเธอ มันเป็นแมวที่เธอเลี้ยงเอาไว้แก้เหงา เพราะยังมีเจ้า ‘มืดมน’ เป็นเพื่อน อย่างน้อยก็ช่วยไม่ให้คิดฟุ้งซ่านไปกับเสียงกระเส่านั้นมากจนเกินไป
เวลาผ่านไปได้ครู่ใหญ่ และดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้สวย แต่ติดอยู่อย่างเดียวนี่สิ...
ปัก! ปัก! ปัก!
“โอ้ว~ อ๊า! อืม~ เฮียฟ่งขา~”
เสียงเตียงกระทบผนังที่ดังผะแผ่วอยู่เมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงในชั่วพริบตา เสียงครวญครางที่เล็ดลอดก็ดูเหมือนจะรุนแรงตามไปด้วย
ปึก!
แอลลี่ทำไส้ดินสอหักเพราะเสียงพวกนั้นที่ดังกระทบประสาทอย่างหนักหน่วง เธอนึกว่ามันจบไปแล้วเมื่อเสียงแผ่วเบาลง ไม่คิดว่ามันจะกลับมาอีกครั้งและครั้งนี้ก็ดูจะรุนแรงกว่า มันจะมากจะเกินไปแล้ว!
เธอขอไม่ทนแล้ว!!
“ไอ้บ้าเอ๊ย! คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของคอนโดหรือไง!” ปากเธอขยับบ่นพึมพำใบหน้าบูดบึ้ง หญิงสาวหยิบกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่งแล้วเขียนข้อความบางอย่างลงไป แล้วจึงเปิดประตูออกจากห้องตัวเองก่อนจะเดินไปหยุดหน้าประตูยังห้องข้าง ๆ
ปัง ๆ
“ไอ้บ้า! หัดเกรงใจห้องข้าง ๆ บ้างได้ไหม” เธอยกกำปั้นทุบประตูเสียงดังสนั่น พร้อมกับตะโกนต่อว่าด้วยความโมโหดังลั่นไปทั้งชั้น ก่อนจะแปะข้อความที่เขียนไว้หน้าประตูห้อง แล้วเดินกลับทันที
พอเดินกลับเข้ามาห้องดูเหมือนอีกฝั่งของจะเงียบเสียงลงไป แอลลี่โล่งอกจนถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอคิดว่าข้อความที่เขียนไปแปะหน้าห้องจะช่วยเตือนสติเพื่อนร่วมชั้นได้บ้าง
‘เพิ่งรู้ว่าช่วงนี้มันฤดูติดสัตว์ หัดเกรงใจข้างห้องบ้างนะคะ นี่มันคอนโดไม่ใช่ม่านรูด!’
แต่...
ปัก! ตึก! ปึก!
“อ๊า! แรงอีกค่ะ โอ้ว~”
เสียงที่ได้ยินทำให้เธอต้องกัดฟันกรอด นี่เธอเพิ่งไปเคาะประตูห้องมาไม่เกินสองนาที ดูเหมือนว่าการที่เธอไปเคาะประตูเตือนเขาถึงหน้าห้องเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้คนด้านในมีสติสำนึกเกรงใจขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เหมือนจะยิ่งกระทำรุนแรงขึ้นไปอีก คล้ายกับว่ากำลังประชดประชันเพื่อประท้วงการกระทำของเธอเสียอย่างนั้น
กว่าเธอจะข่มใจทำรายงานเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน เสียงครวญครางของผู้หญิงก็ดูเหมือนว่าจะจบลงเช่นเดียวกัน นึกตำหนิอีกฝ่าย อีตานี่เอาผู้หญิงเข้ามาในห้องตั้งแต่สามทุ่มจนถึงเที่ยงคืนเลยเหรอ อยากจะถามเขาเหลือเกินว่าอดอยากผู้หญิงมาจากไหนถึงได้ถึกทนขนาดนี้ แล้วเธอต้องทนฟังเสียงแบบนี้อีกนานแค่ไหนกัน
พวกผู้หญิงที่เขาพามาไม่เคยซ้ำหน้ากันสักคนเดียว ที่เธอรู้ ก็เพราะทุกเช้าเมื่อออกจากห้องต้องไปมหาวิทยาลัยมักเจอกับผู้หญิงพวกนี้ทุกครั้งตอนใช้ลิฟท์
เห็นทีเธอต้องแจ้งแม่บ้านใต้ตึกขอย้ายไปห้องอื่นภายในชั้น เพราะไม่อยากทนต่อเสียงที่รบกวนสมาธิและจิตใจอีกต่อไปแล้ว
จะไม่ทน!
วันต่อมาแอลลี่มีเรียนในตอนเที่ยงจึงไม่ได้รีบลุกออกจากห้องเร็วเหมือนเช่นทุกวัน กะว่าจะแต่งตัวแล้วออกไปเรียนในคราวเดียวกัน เพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ปาเข้าไปเกือบตีสอง ถึงพวกเขาจะไม่ได้ทำกิจกรรมกันต่อแล้ว แต่เสียงครวญครางของผู้หญิงยังคงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท
เมี้ยว~
เสียงเล็ก ๆ ของเจ้าตัวป่วนดังขึ้น ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบขนนิ่ม ๆ ของเจ้ามืดมนก่อนจะเทอาหารให้มันอีกครั้ง
หลังอาบน้ำเสร็จแอลลี่แต่งตัวในชุดนักศึกษาที่ดูเหมือนเริ่มจะคับเล็กน้อยตรงช่วงอก สวมกระโปรงทรงเอรัดรูปครึ่งขาอ่อน เธอมองตัวเองในกระจกอีกครั้งรู้สึกว่าเสื้อมันจะเล็กตรงช่วงอกจริง ๆ เพราะสังเกตเห็นระยะห่างระหว่างกระดุมเสื้อ เนื้อผ้าเผยอออกเล็กน้อย เธอปล่อยเอาไว้แบบนั้นไม่ได้สนใจมากนัก เพราะมีเรียนอีกแค่เทอมเดียวจึงไม่อยากซื้อใหม่ให้เปลืองเงิน เธอคว้าเสื้อแจ็กเก็ตมาสวมทับไว้อีกชั้น มองตัวเองในกระจกอีกรอบ ‘แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว’
“ไปแล้วนะมืดมนห้ามซนเข้าใจไหม” หญิงสาวหันไปบอกเจ้าตัวป่วนที่แทบจะไม่สนใจในคำพูดเธอเลยแม้แต่น้อย ได้แต่นั่งเลียไข่ทำความสะอาดตัวเองไปเพลิน ๆ เป็นภาพที่สร้างรอยยิ้มให้กับเธอได้ในทุกวันก่อนออกห้อง
เฮ้อ~ มีแมวแต่แมวไม่เคยสนใจเธอเลย มันน่าน้อยใจนัก
แอลลี่เปิดประตูออกจากห้องก่อนจะหันหลังมาสำรวจความเรียบร้อยเหมือนทุกวัน เธอขมวดคิ้วเมื่อสายตากระทบกับกระดาษแผ่นหนึ่งแปะอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับข้อความบางอย่าง เธอเอื้อมมือไปดึงกระดาษออกมาอ่านทันที
‘โทษที พอดีว่าเป็นคนแซ่บ คนที่ไม่มีแฟนแบบเธอคงไม่เคยสัมผัสความแซ่บแบบนี้หรอก แบร่: p’
แอลลี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กระดาษในมือถูกขยำเต็มแรง
อะ ไอ้บ้านั่น! ไอ้บ้านั่นมันบอกว่าเธอไม่มีแฟน มันบอกว่าเธอไม่เคยสัมผัสกับความแซ่บ มันจะท้าทายเธอมากเกินไปแล้ว!
แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้เพราะเธอไม่มีแฟนจริงตามที่เขาเขียนปรามาส แต่...เดี๋ยวนะ เขารู้ได้ไงว่าเธอไม่มีแฟน
“ฮึย!” โคตรเจ็บใจเลยกะจะด่าเขาให้สำนึก ไม่คิดว่าไอ้คนข้างห้องจะตอกกลับเธอได้แสบขนาดนี้
หญิงสาวเม้มปากแน่นขัดใจ ได้แต่เดินกระทืบเท้าไปกดลิฟท์ด้วยความคับแค้นใจ วันนี้เธอต้องรีบไปส่งรายงานที่มหาวิทยาลัย ไม่อยากเสียเวลามายืนด่าใครให้เสียฤกษ์
ลิฟท์เลื่อนลงมาหยุดอยู่ที่ชั้นล่างสุด ขณะที่เดินออกจากตัวลิฟท์เป็นเวลาเดียวกับที่ร่างของใครบางคนก้าวสวนเข้ามาในลิฟท์ ทำให้เธอที่ไม่ทันได้ระวังตัวจึงชนเข้ากับร่างเขาเข้าอย่างจัง ทำให้คีย์การ์ดที่ถืออยู่หลุดออกออกจากมือ
“อะ! ขอโทษค่ะ” หญิงสาวรีบก้มหน้าขอโทษโดยที่ไม่ได้มองเขาแต่อย่างใด ในจังหวะที่กำลังจะก้มตัวลงไปหยิบคีย์การ์ด ร่างกำยำตรงหน้าก็ชิงก้มลงไปหยิบให้เธอก่อน
เมื่อเขายืนขึ้นเต็มความสูงในระยะใกล้ขนาดนี้ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองสูงแค่เพียงหน้าอกของเขาเท่านั้น
แอลลี่คิดอยู่ในใจทำไมถึงได้ตัวสูงใหญ่ขนาดนี้ เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยื่นคีย์การ์ดให้ ตากลมโตของเธอสบประสานเข้ากับดวงตาคมรีเหมือนลูกครึ่งฝั่งตะวันออก ถึงจะไม่ได้ตาตี๋แต่ดวงตาเขาเฉี่ยวขึ้นทำให้ดูดุดันอยู่ในที แลดูมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน ผู้ชายคนนี้สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นหน้าตาเขาได้ทั้งหมด เส้นผมดำขลับทรงอันเดอร์คัต สวมเสื้อยืดสีดำมีรอยสักทั่วแขนทั้งสองข้าง บนลำคอสวมสร้อยเส้นเล็ก ๆ มีแหวนวงหนึ่งร้อยอยู่บนสร้อยเส้นนั้น
“หึ! มองอะไรขนาดนั้น” เสียงทุ้มต่ำของเขาทำเธอหลุดออกจากภวังค์ เรียกสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อีกครั้ง
นี่เธอเผลอมองเขาขนาดนั้นเลยเหรอ...บ้าไปแล้ว
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณที่เขาอุตส่าห์ก้มลงเก็บคีย์การ์ดห้องให้เธอ พร้อมกับยื่นมืออกไปรับ แต่ร่างสูงใหญ่ตรงหน้ากลับไม่ได้ยื่นคืนให้เธอแต่อย่างใด ทำให้เธอต้องยื่นมือค้างไว้แบบนั้น เธอเห็นเขาก้มหน้ามองเลขห้องบนคีย์การ์ดในมือ พร้อมกับมองหน้าเธอสลับไปมาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเขาก็ยอมยื่นของในมือคืนกลับมาให้เธอ
“อะนี่ คีย์การ์ด...”
แอลลี่รีบรับไว้ เพราะตอนนี้เธอต้องรีบไปมหาวิทยาลัย แต่ก่อนจะเดินผ่านร่างสูงของเขาไปอีกครั้ง ฝ่ามือร้อน ๆ ของเขาก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเธอ ทำให้ต้องหันกลับไปมองหน้าเขาอีกครั้ง ยังไม่ทันที่เจะได้เอ่ยอะไรออกไป เขาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“สาวมหาวิทยาลัยในไทยนี่สวยเซ็กซี่แบบเธอทุกคนเลยหรือเปล่า?”
“ห้ะ?”
“ตัวเล็กแต่นมใหญ่ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเนื้อหนัง แต่พอจับดู...ก็น่าจะเต็มไม้เต็มมือดีนะ เธอว่าไหม”
“…”
แอลลี่ตกตลึงจนถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ เธอได้แต่อ้าปากค้างกับคำพูดของอีกฝ่าย สายตาเขาก้มมองหน้าอกเธอแบบผ่าน ๆ เพียงแค่นั้นก็ทำเธอรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งตัว
เธอรีบสะบัดแขนออกทันทีก่อนจะดึงเสื้อแจ็กเก็ตมาปิดบังหน้าอกของตัวเองเอาไว้
‘อะ ไอ้บ้าโรคจิตนั่น มันกล้าใช้สายตาโลมเลียเธอแบบออกนอกหน้าเลยนะ มันกล้าดียังไง’
แอลลี่พูดไม่ออกเหมือนคนเป็นใบ้ไปชั่วขณะ ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครพูดจาแบบไม่ให้เกียรติเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันซวยอะไรของเธอ เจอไอ้บ้ากามข้างห้องที่พาผู้หญิงมานอนเกือบทุกวัน แล้วยังจะมาเจอไอ้หน้าหล่อ ที่ก็ไม่รู้ว่าจะหล่อจริงหรือเปล่าเพราะเห็นแค่ครึ่งเดียว แต่นิสัยกลับชั่วช้าลามก
“อะ ไอ้บ้า!” เมื่อตั้งสติได้จึงชี้หน้าด่าเขาไปอีกหนึ่งกรุบ นึกอยากด่าให้มากกว่านี้แต่เหมือนลิ้นจุกปากพูดไม่ออก เพราะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า เพราะไม่เคยต้องด่าใครด้วยเรื่องแบบนี้มาก่อน
“คนอุตส่าห์ชม มาด่าฉันทำไม” คำโต้ตอบที่ดูเหมือนยียวนยิ่งเหมือนกับเอาน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ
“นายมันโรคจิตแล้ว แอบดูนมฉันเหรอ!”
“ใครแอบดูนมเธอ ก็เห็นอยู่ว่าฉันตั้งใจดูจริง ๆ ไม่ได้แอบอย่างที่เธอใส่ความ”
แอลลี่คิดอีตานี่กวนตีนกันชัด ๆ ถึงจะไม่รู้ว่าภายใต้หน้ากากอนามัยมีหน้าตาเป็นแบบไหน แต่เห็นจากแววตาก็ดูออกว่าเขากำลังยิ้มอยู่
“ฉันจะฟ้องเจ้าของคอนโดว่าโดนคนแบบนายลวนลาม”
คนกวน ๆ แบบไอ้หมอนี่เธอจะเอาไปฟ้องเจ๊พิงค์เจ้าของคอนโดแน่
“ฉันลวนลามเธอตรงไหน ลวนลามยังไง” ร่างกำยำขมวดคิ้วมองเธอทันที
“ฉันจะบอกว่าโดนนายจับนม” ถ้าบอกแค่ว่าเขาพูดจาลวนลามข้อหาอาจไม่รุนแรงมากพอ เธอขอใส่ไข่เพิ่มลงไปอีกหน่อยก็แล้วกัน
“แบบนี้มันใส่ความกันแล้ว”
“เรื่องของฉัน! ฉันจะบอกว่านายจับตูดฉันด้วย นายโดนเจ๊พิงค์เล่นงานแน่!” หญิงสาวแสยะยิ้มมุมปากออกมา ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างผู้ชนะ ขณะก้าวออกมา ยังไม่ทันที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิทก็ได้ยินเสียงทุ้มของเขาตะโกนออกมา
"เออดี! งั้นก็บอกไปเลยว่าฉันเย็*เธอด้วย