"หายหัวไปไหนมา"
"รู้สึกว่าช่วงนี้คุณพ่อจะสนใจเซียเป็นพิเศษเลยนะคะ" เข้ามาในบ้านก็เจอครอบครัวแสนอบอุ่น มีพ่อแม่ลูกอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เฟลิเซียเห็นภาพนี้บ่อยจนชินชา กำลังเดินผ่านเหมือนคนพวกนี้เป็นแค่ธาตุอากาศ แต่ก็ต้องหยุดหันมาสนใจเสียงค่อนแคะจากบิดาบังเกิดเกล้า
"ถ้าไม่อยากให้ฉันสนใจแกก็โอนหุ้นให้ฉันสักทีสิ แล้วหลังจากนั้นแกจะไปไหนก็ไป ฉ้นจะไม่นุ่
"เซียกินข้าวนะคะ ไม่ได้กินหญ้า" เฟลิเซียกลอกตามองบน ตั้งแต่บรรลุนิติภาวะพ่อก็คะยั้นคะยอให้เธอโอนหุ้นให้ทุกวี่ทุกวัน
"พูดดีๆ กับคุณพ่อหน่อยสิคะคุณเซีย" กลิ่นเกสรเอ่ย
"อย่าเสือก!"
"เฟลิเซีย!"
"เซียรู้ค่ะตัวเองชื่ออะไรคุณพ่อไม่ต้องย้ำ"
"นี่ฉันเป็นพ่อแกนะ" องอาจกำหมัดแน่นอย่างเหลืออด
"อันนี้เซียก็รู้เหมือนกันค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ เซียเหนื่อยอยากพัก" พูดเองเออเองแล้วรีบเดินขึ้นบันไดมา ได้ยินเสียงองอาจตะโกนด่าตามหลังแว่วๆ แต่เฟลิเซียก็ไม่ได้สนใจ เธอยอมไม่ได้หรอกถ้าต้องโอนหุ้นมูลค่ามหาศาลเพื่อให้พ่อไปเสวยสุขกับผู้หญิงกับที่ทำให้แม่เมลานีของเธอต้องตรอมใจตาย ทุกวันนี้กลิ่นเกสรก็ผลาญเงินเดือนพ่อเธอจากตำแหน่งประธานบริษัท NT Group ไม่ใช่น้อยๆ เพราะติดหรู ชอบออกงานสังคมประโคมแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจดเท้า
"ไว้พ่อเลิกกับเขาได้เมื่อไหร่เซียจะคิดดูอีกทีก็แล้วกัน" ร่างบางพึมพำออกมา ระหว่างที่นอนแช่น้ำอุ่นในอ่างจากุซซี่ ก่อนปัดเป่าเรื่องพ่อออกจากสมอง แล้วคิดหาวิธีว่าจะทำยังไงให้ชาร์ลหายโกรธ มาคิดๆ ดูแล้วเธอก็งี่เง่าเอาแต่ใจอย่างที่เขาด่าจริงๆ นั่นแหละ ฮืออ~ แล้วพี่ชาร์ลก็เป็นคนหายโกรธยากซะด้วยสิ แล้วจะง้อเขายังไงดีล่ะทีนี้
คิดจนปวดหัวก็คิดไม่ออก เฟลิเซียเลยตัดสินใจปิดไฟนอน
"ไว้ค่อยไปปรึกษากับปริมพรุ่งนี้ก็แล้วกัน"
เช้าวันต่อมา @มหาวิทยาลัย
มาถึงก็เล่าปัญหาหัวใจให้เพื่อนรักทั้งสองฟัง เฟลิเซียสนิทกับวาริสาและเปมิกามาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง จนตอนนี้พวกเธอก็ขึ้นปีสี่กันแล้ว
"ไม่เห็นต้องกลุ้มเลยเรื่องแค่นี้เอง" วาริสาเอ่ยหลังเฟลิเซียเล่าจบ
"เรื่องแค่นี้ตรงไหน พี่ชาร์ลง้อยากจะตายไป"
"เอ๊ะ ฉันบอกไม่ยากก็ไม่ยากสิ"
"พี่ชาร์ลไม่ใช่พี่เวย์นะน้ำหวาน เผื่อแกลืม" เวย์เป็นแฟนของน้ำหวานเรียนอยู่คณะบริหารธุรกิจปีสี่เหมือนกันกับพวกเธอ ส่วนแฟนของปริมเป็นรุ่นพี่คณะวิศวะเรียนจบไปแล้วแต่ก็ยังคบกันอยู่ เวลามีปัญหากับชาร์ล เฟลิเซียถึงได้ชอบมาปรึกษากับเพื่อน
"ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละน่า" เปมิกาเอ่ย
"จริงเหรอ?" เฟลิเซียทำหน้าไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
"แกจำได้ปะว่าครั้งที่ก่อนฉันก็ทะเลาะพี่กายจนเกือบจะเลิกกัน ก็ได้คำแนะจากยัยน้ำหวานนี่แหละทุกวันนี้ถึงได้กลับมารักกันหวานชื่น เมื่อคืนนี้ฉันก็โดนพี่กายทำประตูมาตั้งสามประตู"
เฟลิเซียหน้าแดงนิดๆ ไม่ได้ใสขนาดจะไม่รู้ว่าการทำประตูของเปมิกาหมายถึงอะไร
"แล้วฉันต้องทำยังไงพี่ชาร์ลถึงจะหายโกรธ" เฟลิเซียหันมาถามวาริสา
"เอาหูมา"
แก้มใสแดงขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อวาริสาบอกวิธีง้อเด็ดดวง >///<
"มันจะไม่น่าเกลียดไปเกินไปเหรอ"
"ถ้าแกอยากให้พี่ชาร์ลของแกหายโกรธ แกก็ต้องทำ"
"ก็ได้ ฉันจะลองดู"
"ดีมาก"
"เอ่อ เซีย"
"มีอะไรรึเปล่า"
"คือพอดีช่วงนี้พ่อฉันไม่ค่อยสบายน่ะ แกพอจะมีเงินให้ฉันยืมไปสักสามแสนมั้ย"
"นี่คุณลุงไม่สบายอีกแล้วเหรอ"
"อืม ที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากจะรบกวนแกหรอกนะ แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจะไปยืมจากใครได้"
"โอเค เดี๋ยวฉันโอนให้" ว่าแล้วเฟลิเซียก็จัดการโอนเงินเข้าบัญชีวาริสาเดี๋ยวนั้นเลย
หมับ!
"ขอบใจมากนะแกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย"
"แล้วฉันล่ะ" เปมิกาว่าอย่างน้อยใจเพื่อน
"แกก็เหมือนแหละน่า"
"งั้นคืนนี้เราออกไปดริ้งกันมั้ย"
ตอนแรกเฟลิเซียจะปฏิเสธ ทว่าไอ้วิธีง้อที่วาริสาบอกมามันต้องใช้ความกล้าพอสมควรเธอเลยตอบตกลง แน่นอนว่าสถานที่จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากผับสุดหรูของชาร์ล
หลังเลิกเรียนเฟลิเซียก็แยกกับเพื่อนทั้งสองเพื่อกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่บ้าน กลับมาก็ตรงขึ้นห้องนอนทันที
กุกกัก...กุกัก...
"เสียงอะไร" ยังไม่ทันได้เปิดประตูเข้าไปก็ได้เสียงเหมือนมีคนกำลังรื้อข้าวของอยู่ภายในห้อง จะว่าเป็นแม่บ้านขึ้นมาทำความสะอาดเวลานี้ก็ไม่น่าใช่ เฟลิเซียไม่รอช้าเปิดประตูเข้าไปทันที
"เข้ามาทำอะไร"
"นะ...นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่" กลิ่นเกสรหน้าซีดที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา
"ชีวิตนี้เป็นเมียน้อยก็พอแล้วค่ะ อย่าเป็นขโมยเพิ่มอีกเลย เดี๋ยวเวรกรรมมันจะไปตกที่ลูกของคุณ" เฟลิเซียเดินเข้าไปฉวยเอาสร้อยเพชรมรกตเส้นใหญ่ที่เป็นมรดกตกทอดจากมารดามาจากมือของกลิ่นเกสร
"ฉันจะฟ้องพ่อแกว่าแกแช่งน้องชายตัวเอง" กลิ่นเกสรให้กำเนิดลูกชายกับองอาจ องอาจที่อยากได้ลูกชายอยู่แล้วจึงรักและหลงลูกชายคนนี้มาก โอ๋ยิ่งกว่าอะไร ถ้ารู้ว่าเฟลิเซียแช่งชักหักกระดูกลูกชายคนโปรด องอาจต้องโกรธมากแน่ๆ
"แล้วแต่เลยค่ะ เพราะฉันก็แจ้งตำรวจว่าคุณขโมยของของฉัน แล้วอย่าคิดนะคะว่าพ่อจะช่วยคุณได้"
"ทำไมจะไม่ได้ ผัวฉันเป็นถึงประธานบริษัท NT Group"
"เพราะฉันมีหุ้นที่พ่อและคุณอยากได้จนตัวสั่นแต่ไม่ได้ไงคะ" เอ่ยพร้อมยิ้มหวาน ต้องขอบคุณแม่ที่เขียนพินัยกรรมมอบทุกอย่างให้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอคงไม่ต่างจากหมาข้างถนนตัวหนึ่ง
เพราะเสียเวลาปะทะคารมกับแม่เลี้ยง เฟลิเซียจึงมาถึงผับของชาร์ลเป็นคนสุดท้าย
"วันนี้พี่ชาร์ลอยู่รึเปล่า" เธอถามลูกน้องเขาก่อนจะเดินเข้าไปหาเปมิกากับวาริสาที่โต๊ะ
"อยู่ครับ"
เจ้าของใบหน้าหวานพยักรับรู้แล้วเดินไปหาเพื่อนที่โต๊ะ วาริสากับเปมิกาที่กำลังเต้นเลื้อยไปตามจังหวะเพลง พอเห็นว่าเฟลิเซียมาทั้งคู่ก็หยุดเต้น
"กว่าจะมาได้นะยะ พวกฉันเต้นจนจะกระดูกหลุดอยู่แล้วเนี่ย"
"โทษที พอดีมีปัญหากับแม่เลี้ยงนิดหน่อย"
"อยากเล่ามั้ย"
"เอาไว้ก่อน ตอนนี้ฉันอยากง้อพี่ชาร์ลมากกว่า" พูดจบเฟลิเซียก็กวักมือเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มที่แรงที่สุด รอประมาณห้านาทีพนักงานก็เอาสิ่งที่เธอต้องการมาเสิร์ฟ เป็นวอดก้าเพียวๆ เฟลิเซียฮึบแล้วยกแก้วกระดกวอดก้าลงลำคอรวดเดียว เฟลิเซียหน้าหยีเพราะรู้สึกร้อนคอเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เคยดื่มวอดก้ามาก่อน หน้าและลำคอระหงเป็นสีแดงแทบจะทันที สติสัมปชัญญะลดลงไปเล็กน้อย ทว่าความใจกล้าหรือต่อมไร้ยางอายกลับพุ่งพรวด