วันนี้เมษาต้องรีบไปทำงานที่โรงเรียนแต่เช้าเธอเลยไม่ได้บอกเรื่องที่น้องชายเข้าใจผิดเมื่อวานเพราะคิดว่ายังไงเย็นนี้ก็ได้เจอกันอยู่แล้ว
บรรยากาศงานฉลองวันเกิดของพิจิกาปีนี้ค่อนข้างคึกคัก อรรถพลและไมค์ยังไม่เดินทางกลับจึงขอมาร่วมงานวันเกิดด้วย เด็กสาวเจ้าของวันเกิดมาถึงบ้านของครูกัลยาตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด เธอมาช่วยหญิงสูงวัยเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น มีทั้งกุ้งแม่น้ำและหมึกตัวโตที่เตรียมไว้สำหรับย่าง หอยแมลงภู่อบใบโหรพา หอยแครงลวก กุ้งอบวุ้นเส้น ปูผัดผงกะหรี่ ต้มยำทะเลรวมรสแซ่บ ไข่เจียวปู และแกงจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่ายสำหรับไมค์ที่ไม่ค่อยจะชอบอาหารรสจัดมากนัก
“แม่จะมาทานข้าวด้วยไหมหนูดี” กัลยาชวนหนูดีคุยระหว่างเด็ดขั้วพริกขี้หนูสำหรับทำน้ำจิ้ม
“มาค่ะครู น่าจะอีกสักพักค่ะ หนูดีชวนน้าชายมาด้วย ครูจะว่าอะไรไหมคะ” เธอชวนน้าชายไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้ถามเจ้าของบ้าน เพราะรู้ดีว่าคำตอบคงเป็นอย่างที่เธอคิด
“ได้สิลูก ดีเสียอีกจะได้ทำความรู้มากับโอปอด้วย ครูเคยเห็นน้าของเรามาตั้งแต่เด็ก นี่ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
“ค่ะ น้าวิชญ์ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่ เพราะทำงานที่กรุงเทพฯ”
“คนสมัยใหม่ก็อย่างนี้แหละหนูดี ส่วนใหญ่พอแยกไปมีครอบครัวแล้วก็จะไม่ค่อยได้กลับบ้านกันนัก เพราะในเมืองใหญ่มีความสะดวกสบายเยอะกว่าบ้านนอกอย่างเรา”
“น้าวิชญ์ยังโสดค่ะครู แต่ที่ไม่ค่อยได้กลับคงเพราะน้าวิชญ์เอาแต่ทำงาน” หนูดีรีบบอกเพราะไม่อยากให้ครูกัลยาเข้าใจผิด
“อ้าวเหรอ ครูขอโทษ ครูเห็นว่าน้าของเราอายุก็พอจะมีครอบครัวแล้วก็เลยนึกว่าแต่งงานแต่งการไปแล้วเสียอีก”
“สงสัยยังไม่เจอสาวที่ถูกใจมั้งคะครู อีกอย่างน้าวิชญ์ก็บ้างานค่ะ หนูดีไม่เคยเห็นน้าวิชญ์พาผู้หญิงที่ไหนมาบ้านเลย จะว่าแอบมีแฟนที่กรุงเทพฯ ก็ไม่น่าจะใช่นะคะ เพราะไม่เคยเห็นน้าวิชญ์คุยโทรศัพท์กับสาวที่ไหนเลย” พิจิกาบอกไปตามที่เธอสังเกตเห็น
“แล้วน้าชายของหนูดี นิสัยเป็นยังไงบ้างลูก” กัลยาชวนเด็กสาวคุย
“เท่าที่หนูดีสัมผัสก็นิสัยดีนะคะ ใจเย็น อบอุ่น ไม่เจ้าชู้ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ สุขุม ดูเป็นผู้ใหญ่ มีเหตุผลที่สำคัญหล่อด้วยค่ะครู” เด็กสาวได้ที่เลยโฆษณาน้าชายเสียยกใหญ่
“โอ้โห อย่างนี้สเปกพี่โอปของหนูดีเลยนะนั่น” ครูกัลยาพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังมีสีหน้าตื่นเต้น
“เหรอคะ ถ้าสองคนได้เป็นแฟนกันคงดี” พิจิกาพูดกับตัวเองเบาๆ
“หนูดีคิดอย่างนั้นเหรอ” คนถูกถามสะดุ้งโหยงเพราะไม่คิดว่าคู่สนทนาจะได้ยินที่เธอพูด
“หนูดีแค่คิดค่ะครู หนูดีขอโทษ” เธอรีบแก้ตัวแล้วยกมือไหว้ขอโทษ เพราะเกรงว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้นจะทำให้คนฝั่งขุ่นใจ
“ไม่ต้องขอโทษจ้ะหนูดี ครูเห็นด้วยกับความคิดนี้ ไหนๆ เย็นนี้น้าของหนูดีก็จะมาทานข้าวเย็นที่นี่ เราลองดูท่าทีของสองคนนั้นก่อนดีไหม จากนั้นเราค่อยมาคิดวางแผนกันอีกที” กัลยานึกสนุกที่จะจับคู่ให้กับลูกสาว หากท้ายที่สุดแล้วลูกสาวไม่ชอบน้าชายของพิจิกาเธอเองก็คงจะไม่บังคับ เพียงแต่อยากให้ลูกสาวเปิดใจคบเพื่อนต่างเพศดูบ้างก็คงไม่เสียหายอะไรมากนัก
บริเวณสวนหน้าบ้านตอนนี้มีโต๊ะพับขนาดยาว 120 ซม.สองตัววางต่อกัน บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากชนิด ทั้งที่กัลยากับพิจิกาช่วยกันทำและที่อรรถพลกับไมค์ไปซื้อมาจากตลาดอีกดูยังไงก็คงทานกันไม่หมด ขณะที่เด็กสาวเจ้าของวันเกิดกำลังจัดเก้าอี้ให้เข้าที่ เมษากับปุณณวิชญ์ก็เดินเข้ามาพอดี เมษานั้นทำบาร์บีคิวมาสมทบด้วย มีทั้งเนื้อ หมู ไก่ เป็นสูตรที่เธอมักจะทำทานกับลูกสาวเป็นประจำ
“วางบนโต๊ะเลยค่ะแม่ ครูกัลยาอยู่ในครัวค่ะ” เธอชี้ไปยังมุ่มที่มีเตาบาร์บีคิวที่ทำจากถังน้ำมันขนาดย่อมวางอยู่ บนโต๊ะมีกุ้งและหมึกเตรียมไว้อยู่ก่อนแล้ว
“แม่พาน้าวิชญ์ไปสวัสดีครูกัลยาก่อนนะ” เมษาพยักเพยิดให้ปุณณวิชญ์เดินตามเข้าไปในบ้าน
“สวัสดีค่ะพี่กัลยา” เมษายกมือไหว้รุ่นพี่ร่วมอาชีพ ทั้งสองเคยสอนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกัน จึงทำให้สนิทกันไม่น้อย
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้หญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างอ่อนน้อม
“นี่ตาวิชญ์หรือนี่ หล่อเหลาเอาการ นี่ถ้าน้าไปเจอเราที่อื่นก็คงจะจำกันไม่ได้” กัลยาเอ่ยทักทายหนุ่มหล่อตรงหน้าที่เธอเคยเห็นตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก
เมษา กัลยา ปุณณวิชญ์ คุยกันอย่างถูกคอจนเสียงหัวเราะดังมาถึงข้างนอกบ้านเลยทีเดียว
“พี่โอปมาแล้ว” เสียงพิจิกาตะโกนอยู่ด้านนอกทำให้ทั้งสามคนเดินตามออกมาตามเสียง
ภาพเด็กสาวที่คุ้นตาเดินถือถุงน้ำแข็งเข้ามายังบริเวณรั้วบ้านทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เพราะไม่นึกว่าจะเจอกับเธอที่นี่เขายืนมองเธอเอาน้ำแข็งใส่ถังและจัดวางเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่วแล้วก็อมยิ้ม โลกมันช่างกลมเหลือเกิน แต่ดูเหมือนคนที่ถูกจ้องจะยังไม่รู้ตัวเพราะเธอพูดคุยกับหลานสาวของเขา เสียงหัวเราะสดใสของสองสาวทำเอาเขาเองยิ้มตาม
“โอปอ มานี่หน่อยสิลูก มารู้จักกับน้าชายของหนูดีก่อน” กัลยาเรียกลูกสาวให้เดินเข้ามาใกล้ๆ
เสียงหัวเราะสดใสเมื่อครู่ต้องชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอกับสายตาของผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางคุ้นๆ เพื่อความแน่ใจเธอจึงเดินเข้ามาใกล้อีกนิด
“เฮ้ย ลุง” คำทักทายที่หลุดออกมาทำเอาคนอื่นมองหน้ากันอย่างสงสัย
“ลุงที่ไหนพี่โอป นี่น้าวิชญ์น้าชายหนูดีเอง”
“วิชญ์นี่โอปอ ลูกสาวน้าเอง” กัลยาแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแม้จะไม่เข้าใจที่ลูกสาวเอ่ยคำทักทายออกไปแบบนั้น ชายหนุ่มสับสนไม่น้อยเพราะผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้ เขาคิดว่าผู้ชายอีกคนที่เห็นในรูปคือพี่โอปที่หลานสาวชอบพูดถึง
“คนนี้แหละค่ะแม่ที่ปอเล่าให้ฟัง” กัลยณัฏฐ์หันไปบอกมารดาว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับคนที่เธอเล่าให้ฟังไปเมื่อวันก่อน
“หนูโอปอเคยเจอตาวิชญ์แล้วเหรอ” เมษาถามอย่างสงสัยในท่าทีของทั้งสองคน
“ครับพี่ษา เคยเจอ แต่ไม่รู้ว่าคนนี้คือพี่โอปที่หนูดีชอบพูดถึง”
“เคยเจอค่ะ แต่ไม่ว่าเป็นน้าชายของหนูดี” หญิงสาวตีรวน
“ไม่เอาน่าลูก ยังไงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว หนูเองก็ได้ของที่ต้องการมาแล้ว ยังจะไปทำกิริยาแบบนั้นใส่พี่เขาอีก แม่ว่าปล่อยให้มันผ่านไปดีกว่านะลูก คนกันเองทั้งนั้น” กัลยามองลูกสาวของเธอแล้วก็ส่ายหัว เพราะดูท่าทางแล้วคงจะยังไม่หายเคืองชายหนุ่ม
“ค่ะแม่” เธอรับคำ เพราะรู้ว่าตัวเองทำกิริยาไม่เหมาะสมกับน้าของพิจิกา
“ไปทำอะไรน้องเค้าหรือเปล่าตาวิชญ์” เมษาถามน้องชาย เพราะเธอไม่เคยเห็นกัลยณัฏฐ์มีกิริยาแบบนี้มาก่อน ปกติแล้วทุกครั้งที่เจอหญิงสาวคนนี้จะพูดจาไพเราะและมีสัมมาคารวะมากกว่าที่เห็นตอนนี้
“เปล่าครับพี่ แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเองแค่เรื่อง....” ยังพูดไม่ทันจบหญิงสาวก็เดินเข้ามาพูดแทรก
“ไม่มีอะไรค่ะน้าษา แค่ปอเข้าใจผิดอะไรนิดหน่อยเองไม่ใช่เรื่องใหญ่” เขางงกับท่าทีของเธอไม่น้อยแต่ก็ต้องตามน้ำไปก่อน
“งั้นก็ดีแล้วจ้ะ ถ้าตาวิชญ์ทำอะไรหนูปอบอกน้าได้นะ น้าจะจัดการให้” เมษาทิ้งท้าย
“นี่คุณคะ มาช่วยจุดไฟหน่อยสิ..หนูดีพี่ฝากเดินไปตามคุณพลกับไมค์หน่อยสิ น่าจะอาบน้ำกันเสร็จแล้ว” หญิงสาวรีบดึงตัวน้าหลานให้แยกจากกัน
“จะบ้าหรือไงคะคุณ ถ้าเกิดเล่าเรื่องวันนั้นไป หนูดีก็รู้ล่ะสิว่าฉันซื้ออะไรให้เป็นของขวัญวันเกิด” เธอรีบออกเขาเพราะไม่อยากให้พิจิการู้ว่าของขวัญในกล่องคืออะไร
“อย่าบอกนะว่าคุณซื้อของขวัญชิ้นนั้นให้หนูดี”
“แหงล่ะสิคะ ฉันคงซื้อให้ตัวเองมั้ง” เธอพูดพร้อมกับใช้โบกพัดเบาๆ ให้ไฟติด
“ตายล่ะ” ชายหนุ่มอุทาน
“อะไร ใครตาย ทำไม ของขวัญของฉันมันไม่ดีตรงไหนถึงมาบ่นว่าตาย” คนฟังไม่จบหันมาต่อว่าทันที
“ใจเย็นก่อนได้ไหม ผมยังพูดไม่จบ ผมไม่รู้ว่าเราจะซื้อของขวัญให้คนๆ เดียวกัน ผมเลยซื้อลูกโลกจำลองใบที่มีไฟมาล่ะสิ”
“เฮ้อ” กัลยณัฏฐ์ถอนหายใจเพราะรู้สึกสงสารคนได้รับของขวัญ 2 ชิ้นแต่ลักษณะแทบไม่ต่างอะไรกันเลย
“เอาไงดี ช่วยผมคิดหน่อย” ตอนนี้เขามืดแปดด้านไปหมดเพราะถ้าไม่มีของขวัญให้หลานสาวในวันนี้ก็กลัวว่าหลานสาวจะโกรธ
“ไม่ล่ะ ตัวใครตัวมันนะลุง” เธอว่าพลางใช้เหล็กคีบกุ้งมาวางบนเตาที่ตอนนี้ไฟติดแดงพร้อมสำหรับย่างอาหารแล้ว
“ได้...ถ้าคุณไม่ช่วย ผมจะบอกหนูดีว่าในกล่องคืออะไร” ชายหนุ่มกำลังจะเดินตามพิจิกาไป
“อย่านะคะ!...ช่วยคิดก็ได้ค่ะ คนแก่นี่น้า...คิดช้า” หญิงสาวดึงเสื้อเขาไว้
ชายหนุ่มหันมองคนตัวเล็กที่ดึงชายเสื้อของเขาไว้แล้วก็อมยิ้ม แม้วันนี้เธอจะพูดว่าเขาแก่ แต่เขาก็คงต้องยอมเธอไปก่อนเพราะยังต้องการความช่วยเหลือจากเธอ
“คุณก็ให้วันหลังก็ได้นี่คะ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“คนอื่นให้ของขวัญกันวันนี้แล้วผมที่เป็นน้าชายแต่ไม่มีของขวัญคุณว่ามันจะน่าเกลียดไหมครับ” สีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เธอเห็นใจไม่น้อย
“เอาอย่างนี้ไหมคะ พอถึงช่วงให้ของขวัญคุณก็แกล้งมีธุระออกไปข้างนอกแล้วไม่ต้องกลับมานอนบ้านนะ พรุ่งนี้ค่อยกลับพร้อมกับของขวัญดีไหมคะ” กัลยณัฏฐ์ช่วยชายหนุ่มหาทางออก
“ก็คงต้องตามนั้นครับ แล้วผมจะออกไปยังไงหนูดีคนอื่นถึงจะไม่สงสัย” เขาถามเพิ่ม
“เดี๋ยวฉันจะบอกคุณเอง คุณเอาโทรศัพท์มาไหมคะ” เธอกระซิบ
ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาว กัลยณัฏฐ์เอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมายิงคิวอาร์โค้ดในโปรแกรมไลน์แล้วส่งคืนให้
“พอถึงเวลาฉันไลน์ไปบอกคุณนะคะ แล้วคุณก็แค่แกล้งทำเป็นรับโทรศัพท์แล้วเดินขอตัวเดินออกไป อย่าลืมทำหน้าเครียดด้วยนะคะ” เธอย้ำอีกครั้ง
“แล้วหนูดีจะไม่โกรธเหรอครับ” เขายังกังวล
“พอออกไปสักพักคุณก็โทรกลับมาบอกหนูดีว่ามีธุระด่วนต้องไปทำ หนูดีน่ะ เป็นเด็กที่มีเหตุผล เธอไม่โกรธคุณหรอกค่ะ” หญิงสาวสนิทกับพิจิกาและรู้นิสัยเด็กสาวคนนี้ดี
ยังนัดแนะกันไม่ค่อยกระจ่างเท่าไร พิจิกาก็เดินนำหน้าชายสองคนเข้ามายังบริเวณบ้าน ชายคนแรกคือคนที่เขาคิดว่าชื่อโอปส่วนอีกคนเป็นชาวต่างชาติที่เขาเคยเห็นในรูป
“มากันแล้ว นั่งเลยค่ะ เดี๋ยวปอบริการเอง” ท่าทางที่หญิงสาวต้อนรับสองหนุ่มทำให้เขาเองรู้สึกขัดใจไม่น้อย เพราะดูแล้วทั้งสองหนุ่มท่าทางจะสนิทสนมกันดีกับทั้งหลานสาวของเขาและหญิงสาวที่พึ่งเดินผละจากเขาไป
ชายหนุ่มคนที่เขาคิดว่าชื่อโอปนั้นที่แท้เป็นเพียงคนที่มาพักที่โอบรักโฮมสเตย์เท่านั่น เขาเข้าใจผิดไปเยอะที่เดียว เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ชายหนุ่มได้แต่อมยิ้มกับความเข้าใจผิดของตัวเองอยู่คนเดียว