ฉันไม่ใช่เด็ก

1807 คำ
กัลยณัฏฐ์เลือกซื้อของใช้สำหรับโฮมสเตย์เสร็จจากนั้นก็ชำระเงินแล้วนำของทั้งหมดไปเก็บไว้ในรถ ก่อนที่จะเดินมายังร้านหนังสือที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้าง วันศุกร์หน้าก็จะถึงวันเกิดของพิจิกาแล้ว เด็กสาวที่เธอรักเหมือนน้องสาว พิจิกาเคยเรียนกับเธอตอน ป.6 ซึ่งในตอนนั้นหญิงสาวมีโอกาสไปเป็นนักศึกษาฝึกสอนที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งที่เด็กสาวเรียนอยู่ความที่เป็นเด็กช่างพูดทำให้หญิงสาวสนิทกับเธอกว่านักเรียนคนอื่นๆ แม้จะฝึกสอนเสร็จแล้วแต่ทั้งสองยังติดต่อกันตลอดเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกันมาก เมื่อครั้งเธอเอ่ยชวนให้มาทำงานที่โอบรักโฮมสเตย์พิจิกาก็รีบตอบตกลงทันทีเพราะอยากหารายได้พิเศษ อันที่จริงโฮมสเตย์ของเธอไม่จำเป็นต้องจ้างใครมาเพิ่มก็ได้ แต่เธอเองอยากให้เด็กดีแบบพิจิกามีรายได้และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อีกทั้งที่โฮมสเตย์ของเธอยังมีแขกชาวต่างชาติมาพักเกือบทุกสัปดาห์ การที่พิจิกามาทำงานที่นี่ก็จะได้มีโอกาสฝึกใช้ภาษาอังกฤษไปในตัวอีกด้วย ทางโฮมสเตย์ให้ค่าจ้างทำความสะอาดห้องกับพิจิกาเท่ากับที่อื่นจ้าง และถ้ามีเวลาว่าเธอมักจะสอนภาษาอังกฤษให้กับพิจิกาเสมอ หลังจากเดินวนอยู่สักพักเธอก็เห็นลูกโลกจำลองหลายขนาดวางเรียงกันอยู่ หญิงสาวยืนเลือกอยู่เกือบ 10 นาทีก็ตัดสินใจเลือกลูกโลกขนาด 32 ซม. ซึ่งต่างจากชิ้นอื่นตรงที่ชิ้นนี้มีผิวลูกโลกเวลาสัมผัสจะรู้สึกถึงความสูงต่ำของเทือกเขาและยังมีสีของน้ำทะเลที่ต่างกันไปตามความสูงต่ำของระดับน้ำทะเลมองแล้วเพลินตา “เอาอันนี้ค่ะ” / “เอาอันนี้ครับ” สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน และเนื่องจากลูกโลกอยู่สูงในระดับสายตาทำให้คนที่อยู่อีกด้านของลูกโลกมองไม่เห็น “คือทางร้านเหลือแค่ชิ้นนี้เพียงชิ้นเดียวนะคะ” น้องพนักงานรีบบอกกับทั้งสองคน “ฉันบอกก่อน” กัลยณัฏฐ์รีบหันไปบอกกับผู้ชายตัวสูงน่าจะเกือบ 190 ซม.ผิวสองสี ใบหน้าคมคายรับกับจมูกโด่งได้รูปน่ามอง สวมกางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อน รองเท้าผ้าใบยี่ห้อที่กำลังเป็นที่นิยม เธอเผลอสำรวจใบหน้าของเขา ‘ดูดีในระดับหนึ่ง แต่แก่และน่าจะกินยีราฟเข้าไปถึงได้สูงขนาดนี้’ หญิงสาวคิดในใจ ‘เด็ก’ เขาคิดในใจ “ผมว่าผมเป็นคนพูดก่อนนะ” ชายหนุ่มมองเด็กสาวตรงหน้าดูยังไงก็น่าจะอายุไม่เกิน 20 ปี เขามองแล้วนึกไปถึงหลานสาวของตัวเองแววตาที่สดใสแต่แฝงด้วยความจริงจังบ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นเป็นคนไม่ยอมใครง่ายๆ ถ้าจะให้เขาเลือกลูกโลกอีกใบที่พนักงานนำมาเสนอก็ย่อมได้ แต่เขาอยากลองแกล้งแหย่เธอ ดูสิว่าเธอจะทำยังไง ปุณณวิชญ์นั้นมาถึงร้านนี้ได้ไม่นานนัก ระหว่างที่กำลังมองหาของขวัญให้หลานสาวนั้นเขาก็มาสะดุดตาที่ลูกโลกจำลองนี้ พิจิกานั้นชอบเรียนภาษาและมีความฝันอยากเป็นนักการทูตปุณณวิชญ์จึงจะซื้อของขวัญชิ้นนี้ให้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอ “เอาที่ไหนมาพูด ฉันเห็นก่อนและยืนเลือกอยู่ตั้งนาน” กัลยณัฏฐ์พูดออกไปตามความจริงเพราะหญิงสาวยืนเลือกอยู่ตั้งนานไม่เห็นว่าจะมีใครมายืนเลือกกับเธอสักคน “คุณลูกค้าคะ ลูกโลกจำลองของร้านเรามีหลายขนาดนะคะ และหลายแบบค่ะ อย่างใบนี้สามารถเปิดไฟแล้วมองเห็นอาณาเขตต่างๆ ได้ชัดเจน” พนักงานนำลูกโลกจำลองอีกใบมาเสียบปลั๊กแล้วเปิดไฟให้ลูกค้าทั้งสองคนดู กัลยณัฏฐ์จ้องหน้าชายหนุ่มท่าทางเอาเรื่องแม้ในใจจะกลัวเพียงใดแต่ภายนอกต้องแสดงท่าทีแข็งแกร่งเอาไว้ ชายหนุ่มเห็นท่าทีจ้องตาเขม็งแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่จะหัวเราะก็กลัวเสียฟอร์ม “แต่ผมชอบอันนี้” ปุณณวิชญ์ชี้ไปที่ลูกโลกจำลองใบเดิม ขณะพูดก็แอบชำเลืองไปมองเด็กสาวตรงหน้า “นี่คุณ ฉันก็บอกอยู่นี่ไงว่าฉันเลือกก่อน” เรื่องที่จะยอมใครง่ายๆ ไม่เคยอยู่ในหัวของกัลยณัฏฐ์ “งั้นผมให้ราคาเป็น 2 เท่า” ปุณณวิชญ์เสนอ แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องนักแต่เขาก็ยินดีจะจ่ายแพงกว่าถ้ามันทำให้เขาได้ชนะเด็กผู้หญิงตรงหน้า ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเอาชนะเธอนัก อาจเป็นเพราะดวงตากลมโต คิ้วเรียงตัวสวยกับผมบ๊อบสั้นไล่ระดับ ด้านหลังทุยและใบหน้าเรียวได้รูปกับท่าทางเอาเรื่องนั้นก็เป็นได้ “อย่ามาทำเป็นเงินหนาแถวนี้ นึกว่าจ่ายแพงเป็นคนเดียวหรือไง” หญิงสาวฮึดฮัดอย่างขัดใจ “ทำไม จะประมูลสู้กันอย่างนั้นเหรอ แล้วหนูจะมีเงินพอจ่ายเร้อ” ท่าทางยียวนบวกกับคำว่าหนูที่หลุดออกจากปากของผู้ชายตรงหน้าทำเอาคนฟังควันออกหูเพราะเธอไม่ใช่เด็กอย่างที่เขาว่า “ฉันไม่ใช่เด็กนะ ไม่ต้องมาเรียกว่าหนู” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก “อ้าว! ใครจะไปรู้ก็เห็นตัวเล็กนิดเดียว ดูยังไงก็ยังเด็กอยู่ดี นี่เรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว” “จะให้บอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่ใช่เด็ก แล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าคนอื่นแบบนี้” กัลยณัฏฐ์หัวเสียและหงุดหงิดเป็นอย่างมากไม่เคยมีใครมาทำกิริยาแบบนี้กับเธอมาก่อน คำว่าเด็กที่ออกมาตากปากของผู้ชายตรงหน้าทำให้เธอหวนคิดไปถึงวันเก่าๆ “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็พูดไปตามจริงที่เห็น” คนตัวโตกว่ามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเยาะอย่างเอ็นดู ทำให้คนตัวเล็กโมโหยิ่งกว่าเดิม “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ยังไงฉันก็จะเอาลูกโลกอันนี้ให้ได้ ถ้าลุงมีเงินมากนักก็ไปหาขับรถไปหาซื้อที่อื่นสิผู้ชายประสาอะไรไม่เป็นสุภาพบุรุษ” คำว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษที่หลุดออกมาจากปากบางได้รูปนั้นนั้น ไม่ทำให้ปุณณวิชญ์สะอึกเท่ากับเมื่อได้ยินสรรพนามเด็กคนนี้ใช้เรียก เธอเรียกเขาว่าลุง ซึ่งไม่เคยมีใครเรียกเขาอย่างนี้มาก่อน แม้กระทั่งลูกของเพื่อนๆ เขาก็ให้เรียกน้าหรืออาเท่านั้น ถึงแม้เขาจะดูอายุมากว่าเธอแต่ก็คงไม่อายุมากกว่าพ่อกับแม่ของเธอจนถึงขนาดให้เธอมาเรียกเขาว่าลุงทั้งที่เขาเองอายุพึ่งจะ 32 ปีเท่านั้น ไม่ได้แก่อย่างที่ถูกเรียก ครืด..... ครืด….. โทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสั่นอย่างต่อเนื่องจนปุณณวิชญ์ต้องหยุดการโต้เถียงตรงหน้าแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาดูเมื่อเห็นเบอร์โทร. เข้าเป็นเบอร์ของลูกค้าคนสำคัญเขาจึงรีบกดรับและเดินออกไป กัลยณัฏฐ์มองตามแล้วก็ยิ้มอย่างผู้ชนะ “ห่อเป็นของขวัญให้พี่ด้วยนะ” เธอรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าเขาจะกลับมาแย่งเธออีกครั้ง เมื่อได้ของขวัญสำหรับพิจิกาแล้วกัลยณัฏฐ์ก็เดินเลือกซื้อหนังสือที่ถูกใจอีก 3 เล่มระหว่างรอพนักงานห่อของขวัญ การควักเงินจ่ายค่าหนังสือสำหรับเธอนั้นเป็นอะไรที่ง่ายเหลือเกินแต่ถ้าจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้าละก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เธอเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวสบายๆ แค่เสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์เก่าๆ รองเท้าผ้าใบ เธอก็ออกจากบ้านได้แล้ว เพราะหญิงสาวถือว่าเวลาที่เธอไปสอนหนังสือที่โรงเรียนเธอก็ใส่ชุดกระโปรงตามแบบที่ทางโรงเรียนกำหนด พอวันหยุดจึงอยากแต่งตัวตามสบายบ้าง ปุณณวิชญ์คุยโทรศัพท์กับลูกค้าเสร็จแล้วก็รีบเดินกลับมาที่ร้านหนังสือ เขาสอดสายตาหาคนตัวเล็กแต่ก็ไม่พบ “เด็กคนเมื่อกี้ไปไหนแล้วครับ” เอ่ยถามพนักงานแต่ในใจก็ติดว่าเธอคงรีบซื้อแล้วรีบกลับอย่างแน่นอน ชายหนุ่มนึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักแม้แต่ชื่อของเธอ “คุณคนนั้นเธอไปแล้วได้สักพักแล้วค่ะ เธอไม่ใช่เด็กอย่างที่คุณคิดนะคะ” แม้จะเป็นการเสียมารยาทแต่พนักงานก็ไม่อยากให้ลูกค้าเข้าใจผิด “อย่างนั้นเหรอครับ” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัยไม่ค่อยจะเชื่อคำพูดของพนักงานเท่าไหร่นัก “ดูท่าทางคุณคงไม่เชื่อ แต่เชื่อเถอะค่ะ เพราะเธอเป็นลูกค้าประจำของเราค่ะ เธอเป็นครูแต่จะสอนที่ไหนนั้นทางเราก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” “ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล” ปุณณวิชญ์บอกกับพนักงานขายที่ดูเหมือนจะช่างพูดซะเหลือเกิน จากนั้นเขาก็เลือกลูกโลกจำลองใบที่พนักงานแนะนำเมื่อครู่พร้อมกับให้พนักงานจัดห่อเป็นของขวัญเพื่อเตรียมให้พิจากาในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ส่วนตัวเขาเองก็เลือกหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการลงทุนที่เขาสนใจไว้อ่านยามว่าอีก 2 เล่ม กว่าจะออกจากร้านหนังสือก็มืดพอดี เขาจึงรีบโทรบอกที่บ้านเพราะเกรงว่าพี่สาวกับหลานสาวจะรอเขาทานข้าวเย็น “หนูดี น้ากลับค่ำหน่อยนะ ถ้าหนูดีกับแม่หิวก็ทานข้าวก่อนเลยไม่ต้องรอน้า” ปุณณวิชญ์รีบกรอกเสียงไปตามสายทันที่ทีอีกฝ่ายกดรับ “ค่ะน้าวิชญ์” พิจิการับคำสั้นๆ ในมือก็สาละวนอยู่กับการช่วยมารดาเด็ดยอดชะอม “น้าวิชญ์หรือลูก” “ค่ะแม่ น้าวิชญ์บอกว่าจะกลับค่ำๆ ว่าถ้าเราหิวก็ทานข้าวกันไปก่อนได้เลย” “แม่ยังไม่หิวเลย หนูดีล่ะลูกถ้าหิวก็ทานก่อนอย่างที่น้าวิชญ์ว่าก็ได้ เดี๋ยวแม่ทำไข่เจียวชะอมอีกอย่างก็เสร็จแล้ว” “ไม่ค่ะแม่ หนูดีจะรอน้าวิชญ์” เมษาพยักหน้าอย่างเข้าใจลูกสาวเพราะตั้งแต่มีน้าชายมาอยู่ด้วยก็ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูจะอบอุ่นขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เธออยากให้น้องชายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม