ที่ทำงาน
กริ๊ง กริ๊ง… เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้นระหว่างเวลาเก้าโมงเช้า มือบางยกขึ้นรับสายคุยไม่ถึงห้านาทีก็วางรีบหอบเอกสารไปให้คนที่โทรศัพท์เข้ามา
ก๊อก ก๊อก…
หญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสวมทับด้วยเสื้อสูทสีน้ำเงิน กระโปรงทรงเอยาวปิดเข่านิดหน่อย หอบแฟ้มเอกสารที่ต้องตรวจสอบมาให้ลูกชายท่านประธาน
“ได้แล้วค่ะ” แฟ้มเอกสารถูกวางต่อหน้าเจ้าของห้อง
“วางแล้วออกไปได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“ไม่ได้ค่ะ คุณท่านต้องการเอกสารก่อนสิบโมงค่ะ คุณช่วยอ่านทบทวนและเซ็นด้วยค่ะ”
หญิงสาวยกข้อมือดูเวลานี่มันผ่านมาสิบนาทีแล้ว แต่เจ้าของห้องยังไม่โผล่หน้าให้เธอได้เห็น
“เธอเป็นแม่ฉันหรือไง ถึงต้องมาออกคำสั่ง” น้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น
“ดิฉันเป็นเลขานุการของคุณค่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ มือกำแน่นพร้อมหลับตาและคลายออกพร้อมกับลืมตา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับลูกชายเจ้าของบริษัทหมุนเก้าอี้กลับมา ทำให้เขาเห็นเธอทำท่าทางเหมือนไม่พอใจเขา
“ฮึ ๆ” ชายหนุ่มเค้นหัวเราะพร้อมเบะปาก สายตาคมเข้มมองป้ายที่คล้องคอหญิงสาวก่อนยิ้ม
“เธอชื่ออะไรนะ” ทั้งที่เขาเห็นชื่ออยู่ที่บัตรแต่ก็ยังถาม
“พิมพ์มาลา ค่ะ” หญิงสาวตอบแบบไม่ค่อยพอใจ เห็นอยู่แท้ ๆ ยังจะถาม เขาตาถั่วหรือไรกัน
“อือฮึ” เจ้านายหนุ่มหมุนปากกาไปมา ก่อนจะจรดลงบนเอกสาร แต่เขากลับยกมันขึ้นแล้วทำการหมุนติ้ว ๆ อีกครั้ง
“เอ่อ ถ้าเสร็จแล้วรบกวนเรียกดิฉันด้วยนะคะ”
สองเท้าก้าวไปหาประตูเตรียมเปิดออก
“ผมไม่เข้าใจ รบกวนมาตรวจส่วนนี้ให้ผมหน่อย” จู่ ๆ เขาก็บอกหญิงสาว ทำให้หญิงสาวต้องเดินกลับมายืนที่หน้าโต๊ะทำงานเขาอีกครั้ง
“คอยาวมองเห็นเหรอ” นั่นคือคำพูดของชายหนุ่ม
“มายืนข้าง ๆ ตรงนี้” เขาเรียกให้หญิงสาวไปยืนข้าง ๆ เขาที่นั่งอยู่
หญิงสาวไม่อยากเสียเวลาจึงทำตาม เธอก้มดูเอกสารและอธิบายให้ชายหนุ่มฟัง กลิ่นแป้งเด็กอ่อน ๆ ลอยเตะจมูกชายหนุ่ม เขาเผลอสูดดมโดยไม่รู้ตัว
จนกระทั่งชายหนุ่มเซ็นเอกสารครบทุกหน้า ที่พ่อเขาอยากให้เซ็น มือหนาวางปากกาลงในหน้าที่เขาพึ่งเซ็นเสร็จ
“เธอคือคนที่พ่อฉันส่งให้มาทำหน้าที่แทนเลขานุการคนเก่างั้นหรือ” ปากหนาขยับช้า ๆ
“ค่ะ ต่อไปดิฉันจะมาเป็นเลขานุการส่วนตัวคุณค่ะ” ปากกาถูกวางลงบนพื้นโต๊ะทำงาน พร้อมแฟ้มที่ปิดลง
หญิงสาวตัวเล็กรีบยกแฟ้มเดินถอยห่างออกด้านข้างโต๊ะทำงาน ตรงไปยังประตูก่อนผลักประตูและตรงดิ่งไปยังห้องประธานบริษัท
ห้องทำงานของประธานสุเมธ
“ขอโทษค่ะคุณท่าน ที่มาช้าค่ะ” หญิงสาวรีบวางแฟ้มงานลงบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่
“ไอ้เจ้าธีร์มันลูกเล่นเยอะละสิ” เสียงถอนใจหนัก ๆ อย่างเหนื่อยหน่ายกับลูกชายคนเดียวซะเหลือเกิน หญิงสาวส่งยิ้มให้ท่านประธาน
“คุณท่านลองตรวจดูอีกครั้งไหมคะ เผื่อมีอะไรผิดพลาดหนูจะได้เอากลับไปให้คุณธีร์แก้ไขค่ะ” ก่อนมา เธอมั่นใจว่าตรวจดูเรียบร้อย
“หนูพิมพ์ ยายเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม” ท่านจะคอยถามอาการยายของหญิงสาวตลอด
“ยายดีขึ้นแล้วค่ะคุณท่าน” เธอยิ้ม
“พิมพ์ต้องขอบคุณท่านมาก ๆ นะคะที่ช่วยเหลือยายของพิมพ์”
หากไม่ได้คุณสุเมธเธอคงไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาของยายแน่ๆ คุณสุเมธลุกขึ้นยืน ก่อนจะยกมือลูบศีรษะหญิงสาวอย่างเอ็นดู พิมพ์มาลายกมือไหว้
“ว้าว ผมมาขัดจังหวะไหมครับ” น้ำเสียงคนเข้ามาใหม่ดังขัดจังหวะ
“อ้าว เจ้าธีร์ทำไมมาถึงห้องทำงานฉันได้” ปกติให้ลูกน้องตามตัวก็แทบจะยากอยู่แล้ว
“เลขานุการผมหายมานานก็ต้องมาตามสิครับคุณพ่อ ว่าแต่ผมมาขัดจังหวะอะไรไหมครับ” หางตามองทางหญิงสาวที่ยืนก้มหน้า
“ขัดจังหวะอะไรของแก” คุณสุเมธมองหน้าลูกชาย
“ก็กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มไงครับ” พูดจบก็หัวเราะ
“แกมันบ้าไปแล้วเจ้าธีร์ ไม่มีใครคิดอกุศลอย่างแกหรอกน่า” คุณสุเมธตะคอกใส่ลูกชายเสียงดัง
สองพ่อลูกเหมือนไม่มีใครยอมใคร หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีกลัวเรื่องบานปลายจึงได้บอกให้คุณสุเมธรีบเข้าประชุมกลัวจะสาย
เวลาพักเที่ยง
ภายในห้องทำงานหรูหรา ชายหนุ่มที่รับตำแหน่งรองประธานนอนเหยียดยาวบนโซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะทำงาน
ก๊อก ก๊อก…
ประตูถูกผลักเข้ามาภายในห้อง สายตากวาดมองหาเจ้าของห้อง เธอจะมารายงานว่าบ่ายนี้แฟนสาวจะเข้ามาหา แต่เธอเห็นชายหนุ่มนอนอยู่จึงจะหมุนตัวกลับ
“มีอะไร” น้ำเสียงติดแหบพร่านิดหน่อย
“คุณลลิตาโทรศัพท์มาว่า เธอจะเข้ามาหาคุณช่วงบ่ายนี้ค่ะ” หลังจากแฟนสาวของชายหนุ่มโทรศัพท์หาแล้วเขาไม่รับจึงโทรศัพท์เข้าที่ทำงานแทน
เจ้าของห้องทำงานดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที เมื่อได้ยินชื่อหญิงสาว เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนมองเห็นแผงอกเป็นลอน ๆ หญิงสาวเผลอมองโดยไม่ตั้งใจ
“มองนานไปละนะ” เขาเห็นเธอมองด้วยงั้นหรือ
“คุณธีร์จะไปไหนคะ” พิมพ์มาลาร้องตามหลัง เมื่อเห็นเขาเดินชนแขนเธอไปหยุดที่ประตู
“ไปธุระ” ปากหยักบอก
“แล้วคุณลลิตาละคะ” เธอถามด้วยความร้อนใจ
“เธอเป็นคนรับสายก็รับหน้าไปสิ” ก่อนทิ้งให้เลขานุการยืนงง