EP.7 เหตุผล

1846 คำ
EP.7 เหตุผล “จัดการได้อยู่หมัดเลยนะ หลังจากนี้คงไม่กล้ามาวุ่นวายแล้วล่ะ” น้ำทิพย์พูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ใจจริงอยากหัวเราะออกมาดัง ๆ แต่กลัวจะเสียมารยาทเลยอดทนไว้ “ให้มันทำได้เถอะ เบื่อจะตายชักอยู่แล้ว” ลดารีบสวมนาฬิกาที่ใส่ประจำเพื่อปกปิดร่องรอยบางอย่างกลับเข้าที่ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งประจำที่ตัวเอง มาถึงก็มีเรื่องแต่เช้าหวังว่าเรื่องจะไม่ไปถึงหูอาจารย์นะ “คงเข็ดแล้วล่ะ คนเห็นพอสมควรเลยนะ คงไม่กล้ามาเรียนไปอีกหลายวัน คิก คิก” ลดาส่ายหัวให้กับเพื่อนสนิทก่อนจะหันไปตั้งหน้าตั้งตาเรียน หลังจากนี้คงสงบไปได้อีกหลายวัน พอตกบ่ายเธอกับเพื่อนก็แยกย้ายกันไป ลดาตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อพบหมอตามนัด พอมาถึงเลขาก็แจ้งให้เธอเข้าไปรอได้เลย ส่วนคนที่นัดเธอติดคนไข้เลยจะมาช้านิดหน่อย ลดานั่งรอเขาที่โซฟาพักใหญ่ก่อจะผล็อยหลับไป ชาญวิทย์ที่เพิ่งกลับมาจากตรวจคนไข้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ปิดประตูอย่างเบามือ “ไม่ระวังตัวเอาซะเลย” เขาบ่นออกมาก่อนจะหยิบผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมให้ ดูท่าอีกฝ่ายคงอดนอนมาไม่น้อย รวมทั้งยังมีผลข้างเคียงของยารักษาอีก จะหลับก็ไม่แปลกอะไร ลดาหลับไปเกือบชั่วโมงก่อนจะตื่นมาอย่างงุนงง เธอมองผ้าห่มด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบห้องจนไปเจอกับชาญวิทย์ที่นั่งเซ็นเอกสารอยู่เงียบ ๆ “ขอโทษค่ะ เผลอหลับ” ลดาเอ่ยขึ้นมาเรียกความสนใจจากร่างสูง เขาวางปากกาลงพร้อมกับผายมือมาที่เก้าอี้ตรงหน้า ลดาลุกไปนั่งหน้าเขามองของบนโต๊ะด้วยความสนใจ “คุณขยันดีนะ” บนโต๊ะเต็มไปด้วยเอกสารมากมาย เขาเป็นทั้งหมอและผู้อำนวยการคงเหนื่อยไม่น้อยเลย “ผมทำตามหน้าที่ เอาล่ะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน” เขาหยิบสมุดบันทึกมาเตรียมจดก่อนจะเริ่มถามคำถาม เป็นคำถามง่าย ๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เว้นคำถามช่วงท้ายที่เธอไม่ค่อยอยากตอบเท่าไหร่นัก “อาการนอนไม่หลับของคุณ เป็นมานานแค่ไหนแล้ว?” “เป็นพัก ๆ ค่ะ บางทีก็นอนมากไป” เธอตอบด้วยเสียงอ้อมแอ้ม หลบสายตาเขาที่จ้องมองมาอย่างจับผิด “คุณตอบไม่ตรงคำถามนะ ผมถามว่าเป็นมานานแค่ไหนแล้ว” น้ำเสียงเขาติดจะดุนิด ๆ ลดาลอบถอนหายใจก่อนตัดสินใจบอกไปตามตรง “เป็นมานานมากแล้วค่ะ แต่ไม่ได้เป็นตลอด เป็น ๆ หาย ๆ” เขาจดอะไรลงสมุดบันทึกก่อนจะปิดมันลง เท้าแขนลงบนโต๊ะ ก่อนจะหรี่ตามองอย่างจับสังเกตคนตรงหน้า “ถ้าคุณอยากหาย คุณต้องบอกผมทุกเรื่อง บางเรื่องมันอาจเป็นเรื่องที่คุณไม่อยากเล่าแต่คุณก็ต้องเล่า” “....” “ผมบอกแล้วว่าจะรักษาคุณเต็มที่ แต่ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือทุกอย่างก็คงเป็นไปไม่ได้” “ฉัน....ต้องการเวลา” มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเล่าถึงเรื่องในอดีตที่เป็นเหมือนแผลของเธอ การรื้อฟื้นเรื่องราวเหล่านั้นก็เหมือนกับการเอามีดมากรีดแผลซ้ำ ๆ นั่นล่ะ “ผมรอได้ แต่คุณต้องรับปากว่าจะเล่าตามจริง” “ค่ะ” “แล้วตอนนี้มีอะไรอยากเล่าไหม เรื่องอะไรก็ได้” เขาเอนหลังพิงกับเก้าอี้ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น ลดาลดการ์ดตัวเองลงอย่างไม่ทันรู้ตัว ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องความฝันของตัวเอง “ฉันนอนฝันร้าย ทุกครั้งที่หลับตาลงก็จะฝันตลอด มันเป็นสิ่งที่ฉันเกลียด....ที่สุด” “ฝันหลายเรื่องหรือเรื่องเดิมซ้ำ ๆกัน?” “เรื่องเดิมค่ะ ทุกรอบ.....” ชาญวิทย์ประมวลผลในหัวอย่างรวดเร็ว เธอมีอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับและฝันร้ายต่อเนื่องกัน เรื่องพวกนี้จะรีบไม่ได้ต้องคอยตะล่อมถามไปเรื่อย ๆ ถ้าเกิดเผลอเร่งรีบไปจากที่ลดกำแพงป้องกันลง เธออาจไม่ยอมเปิดใจให้เขาอีกเลยก็ได้ “อยากเล่าไหมว่าเรื่องอะไร ถ้าไม่ก็ไม่ต้องเล่า” น้ำเสียงนุ่มหูถามขึ้นมาเบาๆ ลดานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง เธออยากเล่าแต่ก็ไม่กล้าเล่า ทุกอย่างมันตีกันปนเปไปหมดในหัวของเธอ “ฉันไม่รู้ ฉัน...” “งั้นก็ยังไม่ต้องเล่า มีเรื่องอื่นอีกไหม?” เธอส่ายหน้ารัว ๆ คุณหมอหนุ่มหันมองเวลา เห็นว่าเย็นมากแล้วเลยคิดว่าวันนี้ควรพอก่อน “วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า คุณจะได้ไม่เครียดจนเกินไป เดี๋ยวผมไปส่ง” “ไม่ต้องค่ะ ฉันกลับเองได้” ชาญวิทย์ชะงักมือที่กำลังจะหยิบกุญแจขึ้นมา เขาหรี่ตามองเธอด้วยความสงสัย เธอทำราวกับสัตว์ที่หวงอาณาเขตและไม่อยากให้ใครเข้าไป “จำสัญญาได้ไหม คุณรับปากแล้วนี่ว่าจะให้ผมไปดูที่พักคุณ” เขาทวงสัญญาที่มัดมือชกเธอขึ้นมาดื้อ ๆ แถมยังได้ยินเสียงถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายจากร่างบางด้วย “แค่ชั่วโมงเดียวนะ ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายที่ห้องนอกจากคนสนิท” ลดาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ในเมื่อรับปากไปแล้วก็ต้องทำตามที่พูดไป “ไม่อยู่นานนักหรอก แค่อยากเห็นสภาพแวดล้อมเฉย ๆ” เขาเดินนำไปเปิดประตูให้เธอ เลขาหน้าห้องลุกขึ้นยืนทำความเคารพ ชาญวิทย์หันไปสั่งให้อีกฝ่ายกลับบ้านได้เลยเพราะเขาเองก็จะกลับเลยเช่นกัน “คุณอรกลับได้เลยนะ ผมคงไม่เข้ามาแล้ว มีเรื่องด่วนค่อยติดต่อผมมานะ” “ได้ค่ะผอ.” ลดาเดินตามหลังเขาต้อย ๆ ไปที่อาคารจอดรถ เขาเป็นหมอที่สมถะพอสมควรเลย เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลชื่อดัง แต่กลับทำตัวติดดินใช้รถแค่คันล่ะไม่กี่สิบล้านเอง “ขึ้นไปสิ” ลดาหลุดจากห้วงความคิด เมื่อเขาเอ่ยเร่งเบา ๆ ก่อนจะรีบเดินไปขึ้นรถเบนซ์ที่เปิดประตูรออยู่แล้ว “บอกทางด้วย” เธอเอื้อมไปกดเนวิเกเตอร์ให้เขาก่อนจะทิ้งตัวพิงเบาะรถไว้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ให้คนแปลกหน้าเข้ามาที่ห้องของเธอ น่าจะหลายปีพอสมควรเลย “คุณพักอยู่กับใคร” เขาถามทำลายความเงียบขึ้นมา สายตายังคงจับจ้องไปที่ถนน “คนเดียวค่ะ อ้อ มีแมวอีกตัว” เธอเพิ่งนึกขึ้นได้เลยบอกเพิ่มไป พอคิดถึงเจ้าก้อนส้มที่ชอบมาคลอเคลียเวลากลับมาจากข้างนอกก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ชาญวิทย์เหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะหันไปขับรถต่อ ยิ้มสวย ถ้ายิ้มบ่อย ๆ คงดีไม่น้อย... เขาได้แต่คิดในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ไม่นานก็ฝ่ารถติดมาถึงที่พักเธอจนได้ “ห้องอาจรกหน่อยนะ ไม่คิดว่าจะมีแขกวันนี้” เธอพูดพร้อมกับกดรหัสเข้าไปด้านใน เซชิลได้ยินเสียงประตูก็รีบลุกขึ้นเดินมาหาเธอ “ว่าไงเซชิล เหงาไหม” เธอย่อตัวลงไปเล่นกับเจ้าแมวน้อย มันมองหน้าคนที่มากับเธอด้วยความสงสัย “หิวไหม เดี๋ยวเติมข้าวให้นะ” พูดจบก็อุ้มแมวเดินหายไปเลย ทิ้งให้ร่างสูงสำรวจไป รอบ ๆ ห้องด้วยความสนใจ ที่พักของเธอเป็นคอนโดหรูใจกลางเมือง ขนาดห้องกว้างพอสมควร มีห้องแยกต่างหากสองสามห้องแต่การตกแต่งกลับมืดมนจนน่ากลัว นอกจากห้องน้ำแล้วทุกอย่างในคอนโดนี้ล้วนเป็นสีขาวและสีดำ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่สีดำมากกว่าด้วยซ้ำไป มันบ่งบอกได้ถึงรสนิยมของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดีรวมถึงสภาพจิตใจด้วย “แบบนี่ท่าจะแย่” เขาพูดออกมาเบา ๆ นอกจากจิตใจจะย่ำแย่แล้ว การอยู่ในที่แบบนี้ก็ไม่ได้ส่งผลดีเท่าไหร่นัก สิ่งเดียวที่มีสีสันน่าจะเป็นแมวที่เธอเก็บมาเลี้ยงนั่นล่ะ “เธอชอบสีดำเหรอ” เขาเดินเข้ามาหาเธอที่ห้องนั่งเล่น ลดาที่กำลังนั่งมองแมวกินอาหารเงียบ ๆ ถึงกับตกใจสะดุ้งสุดตัว ลืมไปเลยว่าเขามาด้วย “ใช่ ทำไมเหรอ” “เปล่า แต่น่าปรับให้มีสีสันสักนิด นอกจากแมวเแล้วยังไม่เห็นอะไรที่มีสีสันเลยนะ” ก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นล่ะ เธอมักซื้อทุกอย่างเป็นสีดำไม่ก็สีโทนเข้มมากกว่าสีโทนสว่าง “ไม่รู้สี ฉันว่าสีดำก็เหมาะกับฉันดีออก ไม่จริงหรือไง?” ลดาพูดโดยไม่หันมองหน้าคนฟังสักนิด ดวงตาคู่สวยฉายประกายหม่นออกมา “ไม่มีใครเหมาะกับสีอะไรหรอก ถ้าชอบก็แค่ชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ” เขาพูดออกมาโดยไม่สื่อความรู้สึกตัวเองเลยแม่แต่น้อย ลดาเงยหน้ามองร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยความสนใจก่อนจะถามบางอย่างออก “คุณรักษาฉันเพราะอะไรกันแน่ สงสาร อยากรู้ หรือสมเพช?” ระดับผู้อำนวยการของโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องมารับเคสพวกนี้เองด้วยซ้ำไป เขามีหมอฝีมือดีตั้งหลายคน ย่อมเลือกได้ว่าจะรักษาเองหรือให้คนอื่นมาดูแลก็ทำได้ทั้งนั้น “คุณอยากให้เป็นแบบไหนล่ะแต่ถ้าถามผม ผมไม่เคยทำเพราะความสงสารหรือสมเพช ผมทำเพราะผมเป็นหมอ มีหน้าที่รักษาคนป่วย ก็แค่นั้น” เธอยกยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก มือบางลูบหัวแมวที่ยังกินไม่หยุด ช้า ๆ “ขอบคุณที่บอกนะ ฉันดีใจที่คุณไม่ได้รักษาเพราะสงสารหรือสมเพช” “ไว้หายแล้วค่อยมาเลี้ยงข้าวแล้วกัน วันนี้ผมกลับก่อนล่ะ” เธอลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเดินนำเขาไปส่งที่หน้าประตู “ขอบคุณที่มาส่ง กลับดี ๆ ล่ะ” ลดาบอกเขาก่อนจะปิดประตูห้องลง ชาญวิทย์เดินออกไปแล้ว ทว่าร่างบางยังคงไม่ขยับไปไหนเธอทิ้งตัวนั่งพิงประตูอย่างหมดแรง คำพูดของเขายังคงวนเวียนอยู่ในหัว ‘ฉันไม่เคยรักษาใครเพราะสงสารหรือสมเพชหรอกนะ’ มันอาจดูเป็นแค่คำพูดธรรมดาแต่สำหรับเธอแล้วมันเป็นคำพูดที่ชวนให้ดีใจมาก “นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยเจอคนแบบคุณกันนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม