ตอนที่ 9 ลักพาตัว

1011 คำ
แปลว่าวันนี้น่าจะเป็นวันเกิดครบ 21 ของเด็กนั่นสินะ... แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาอวยพรวันเกิดให้เด็กโดยเฉพาะเด็กที่กล้าเป็นเมียน้อยคนอื่น จึงได้นำเค้กไปเก็บเอาไว้ในตู้เย็นให้เรียบร้อย ไม่ใช่เพราะหวังดีกลัวมันจะเสีย แต่เพื่อไม่ให้มันส่งกลิ่นเน่าเหม็นแล้วเรียกเพื่อนบ้านให้มาเจอต่างหาก จากนั้นก็ล็อกหน้าต่างและประตูทุกบานจนเรียบร้อยเพื่อไม่ให้มีคนผิดสังเกต ส่วนเรื่องพี่เขยเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะโผล่มาที่นี่ในเร็ววันนี้ เพราะวันพรุ่งนี้สิปปกรจะต้องบินไปสัมมนาวิชาการที่ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้พร้อมกับพี่สาวของเขาเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งเขามั่นใจว่าพี่เขยจะต้องไม่กล้าโทรหาเมียน้อยในช่วงเวลานั้นแน่นอน แปลว่าภายในสองสัปดาห์นี้จะไม่มีใครรู้ว่าเด็กนี่หายไปไหน และเขาจะใช้เวลาสองสัปดาห์นี้ในการทำให้เธอยอมเดินออกไปจากชีวิตของพี่เขยด้วยความเต็มใจ ส่วนพี่สาวของเขาจะให้อภัยพี่เขยหรือไม่ นั่นก็แล้วแต่พี่สาวจะตัดสินใจเอง เขาก็แค่ทำให้ตัวแปรในสมการนี้มันหายไป เผื่อพี่เขยที่เป็นคนแสนดีมาตลอดจะได้สติคืนมาและรู้ว่าควรจะรักพี่สาวของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ยัยเด็กกร้านโลกที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้! หลังจากปิดบ้านเธอเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขับรถออกมาอย่างรวดเร็วโดยมีจุดหมายปลายทางคือบ้านพักตากอากาศริมทะเลแห่งหนึ่งในชลบุรี ซึ่งเขาให้แม่บ้านไปคอยทำความสะอาดทุกวันอยู่แล้ว หลายชั่วโมงต่อมา ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิทลงแล้วเพราะตอนนี้เป็นเวลากว่าสี่ทุ่ม ธาวินนั่งกอดอกอยู่ตรงโซฟาตัวใหญ่ สายตาของเขาทอดมองไปยังคนที่ค่อยๆ ขยับตัวตื่นจากฤทธิ์ยาสลบก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ หญิงสาวตั้งใจจะใช้มือหนึ่งหยัดพื้นให้ลุกขึ้นมานั่ง แต่เธอกลับพบว่าสองมือนั้นถูกมัดเอาไว้ เช่นเดียวกับข้อเท้าทั้งสองด้วย และนั่นก็ทำให้เธอเริ่มนึกได้ว่าก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอได้เจอกับคนบ้าคนหนึ่งและเมื่อเธอหันไปมองรอบตัวก็เห็นเขานั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามกัน “นี่คุณ...คุณจับหนูมาทำไม จะฆ่าหนูเหรอ” “ฟื้นขึ้นมาได้ก็โวยวายเลยนะ ถ้าฉันอยากฆ่าเธอจริงๆ จะจับเธอมาทำไมให้เสียเวลากันล่ะ” “แล้ว...แล้วคุณจับหนูมาทำไม จะเรียกค่าไถ่หนูเหรอ หนูไม่มีเงินให้คุณหรอกนะ” “เอาเข้าไป ถ้าฉันจะเรียกค่าไถ่เธอแล้วจะเสนอเงินให้เธอตั้งสิบล้านเหรอ ที่ฉันจับเธอมาเนี่ยก็เพื่ออยากจะมาตกลงกับเธอให้รู้เรื่องต่างหากล่ะ” “งะ...งั้นคุณก็ปล่อยหนูก่อนสิคะ แล้วเรา...ค่อยมาคุยกันดีๆ” “เหอะ! ขืนปล่อยเธอก็ได้วิ่งหนีไปน่ะสิ ไม่เอาล่ะ มัดเธอไว้แบบนี้น่ะดีแล้ว ฉันขี้เกียจเล่นวิ่งไล่จับกลางทะเล” “ทะเล? นี่คุณ...คุณพาหนูมาขังไว้กลางทะเลเหรอคะ” “ไม่...” ธาวินกำลังจะบอกว่าที่นี่ไม่ใช่กลางทะเล แต่ในเมื่อเธอเข้าใจไปแบบนั้นก็ดีเหมือนกันเพราะยังไงที่นี่ก็ไม่มีใครเข้ามาได้อยู่แล้ว “ใช่ ฉันจับเธอมาไว้กลางทะเล ถ้าเธอวิ่งไปก็จะเจอน้ำทะเลกับฉลาม หรือเธออยากจะลองของก็ได้นะ แต่รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนละกัน คืนนี้มันดึกแล้ว ฉันไปนอนก่อนล่ะ” บอกแล้วเขาก็ลุกขึ้นเพราะอยากแกล้งเธอเล่นอีกนิด “อ้าว เดี๋ยวสิคะคุณ ไหนว่าคุณอยากจะตกลงกับหนูไง แล้วทำไมจะทิ้งกันไปนอนแล้วล่ะ แล้วคุณจะปล่อยหนูไว้อย่างนี้หรือไง โอ๊ย!” เขาหันกลับมามองคนที่ดิ้นรนจะลุกขึ้นจนล้มกลิ้งลงมาจากโซฟาหัวคะมำแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่เมื่อระลึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ทำให้พี่สาวของเขาเสียใจ รอยยิ้มขบขันก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในทันที “นอนอยู่ตรงนั้นก็ดีอยู่แล้ว จะดิ้นอะไรนักหนา หรืออยากนอนพื้นเย็นๆ แข็งๆ มากกว่าโซฟานุ่มๆ กันล่ะ” “โอ๊ย...หนูปวดแขนมากเลย คุณแก้มัดให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ ไม่รู้แขนหักไปหรือยัง” “หักก็ดี” “ใจร้าย เราไม่รู้จักกันซะหน่อย ทำไมคุณต้องทำแบบนี้กับหนูด้วยคะ” “ใช่ เราไม่เคยรู้จักกัน แต่เธอทำให้พี่สาวของฉันเสียใจ เพราะฉะนั้นเจ็บแค่นี้น่ะยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ” “เดี๋ยวค่ะคุณ นี่คุณหมายความว่ายังไง หนูงงไปหมดแล้วนะ พี่สาวของคุณเป็นใครหนูก็ไม่รู้จักแล้วหนูจะไปทำให้เค้าเสียใจได้ยังไงกัน” เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ สายตาที่เขามองมาดูจะจงเกลียดจงชังเธอมากจนไม่น่าจะใช่ความเข้าใจผิดเลยสักนิด “ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่กรเป็นพี่เขยของฉัน พี่สาวของฉันก็คือภรรยาของเค้า และเธอ...ก็คือเมียน้อยที่พี่กรเลี้ยงไว้ ทีนี้ก็เลิกทำหน้าตาใสซื่อแล้วบอกมา ว่าตกลงเธอรู้จักหรือไม่รู้จักคนที่เค้าเป็นเมียหลวงกันแน่” “เมียน้อย? เมียหลวง? เอ่อ...หนูว่าคุณคงเข้าใจผิดแล้วนะคะ หนูไม่ใช่เมียน้อยของพี่กรแต่หนูเป็นน้องสาวของเค้าต่างหากล่ะ” “น้องสาว?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม