หลังจากตรวจอาการของคนไข้วีไอพีตัวน้อย ซึ่งใช้เวลาไม่นานนักเพราะผลการตรวจร่างกายอย่างละเอียดถูกแนบมาพร้อมใบส่งตัวของคนไข้อยู่แล้ว นายแพทย์ธาวิน ธัญญาวัฒนา ก็รีบขับรถออกจากโรงพยาบาลของ นายแพทย์ภูมิภัทร สินธนาสิริ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่เขารับเคสผ่าตัดแทน แล้วมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลธัญญาเวชของตัวเองทันทีเพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาผ่าตัดและเขามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคนบางคนให้รู้เรื่องภายในวันนี้ด้วย
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
นายแพทย์สิปปกร อนุสรณ์สิริ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูกระจกแล้วก็เห็นน้องชายของภรรยาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“อ้าวไทม์ มาหาพี่เวลานี้มีอะไรรึเปล่า ได้ยินว่าวันนี้นายมีเคสผ่าตัดที่โรงพยาบาลของนายภูมิไม่ใช่เหรอ ไหงยังอยู่นี่อีกล่ะ”
“ผมไปมาแล้วครับพี่กร แต่ยังไม่ถึงเวลาผ่าตัด ผมเลยรีบมาหาพี่ก่อน”
“มีอะไรอยากปรึกษาพี่งั้นเหรอ”
“มีครับแต่ไม่ใช่เรื่องของคนไข้หรอก เป็นเรื่องแม่ของคนไข้น่ะ”
“แม่ของคนไข้? หมายความว่ายังไงพี่งงไปหมดแล้วนะ”
“เอาตรงๆ เลยละกันนะครับเพราะผมมีเวลาไม่มาก ผมอยากคุยเรื่องเมียน้อยของพี่น่ะ”
“เฮ้ย! นี่นายว่าอะไรนะ เมียน้อยอะไรพี่ไม่เคยมี” หมอหนุ่มตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ก็เมียน้อยพี่เมื่อห้าปีก่อนไงครับ คนที่เกือบทำให้พี่กับพี่ธาราเลิกกันน่ะ”
“นี่ธาราเค้าไม่ได้บอกนายเหรอว่าเธอเข้าใจพี่ผิด”
“บอกครับ แต่ผมไม่เชื่อ เพราะคิดว่าเธอรักพี่มากก็เลยเข้าข้างพี่ไปอย่างนั้นเอง แล้วผมก็เห็นว่าพี่ปรับปรุงตัวกลับบ้านตรงเวลาไม่เถลไถลไปไหนอีก ผมเลยไม่อยากพูดอะไรให้พี่ธาราต้องเสียใจ”
“เฮ้อ...เป็นงั้นไป พี่จะบอกให้นะไทม์ พี่ไม่เคยมีเมียน้อยจริงๆ ไม่ว่าจะห้าปีก่อนหรือตอนนี้ และพี่ก็อธิบายทุกอย่างให้ธาราเข้าใจหมดแล้ว เธอกับพี่ถึงปรับความเข้าใจกันได้ไง ไม่ใช่ว่าเธอเชื่อเพราะรักพี่ แต่เธอเชื่อเพราะว่ามันคือเรื่องจริงต่างหากล่ะ”
“นี่พี่กับเด็กนั่น...ไม่ได้คบกันจริงๆ เหรอครับ”
“นายก็น่าจะรู้จักพี่ดีนะไทม์ พี่ไม่ใช่คนเหลวไหลแบบนั้น พี่รักธาราและจะรักแค่เธอคนเดียวเท่านั้น นายคงไม่คิดว่าพี่สาวตัวเองจะรักพี่หัวปักหัวปำจนยอมให้อภัยพี่ทั้งที่เคยทำให้เธอเสียใจได้จริงๆ หรอกนะ คนอย่างธาราน่ะ ถ้าพี่นอกใจเธอ พี่คงไม่ได้เป็นสามีของเธอมาจนทุกวันนี้หรอกนะ”
“แปลว่าผม...เข้าใจเธอผิดมาตลอดอย่างนั้นเหรอครับ”
เห็นท่าทางตกใจของอีกฝ่ายสิปปกรก็รู้สึกแปลกใจและคิดว่าเรื่องนี้มันจะต้องมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นแน่นอน
“ไทม์ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับแม่คนไข้ของนายด้วย พี่งงไปหมดแล้วนะ”
“ก่อนที่พี่จะถามผม งั้นผมขอถามก่อนได้มั้ยครับว่าถ้าเธอไม่ใช่เมียน้อยของพี่ แล้วเธอกับพี่เกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมพี่ถึงได้ไปหาเธอบ่อยๆ แถมยังกอดกันสนิทสนมด้วย คือผมขอโทษนะครับที่ต้องถาม แต่ผมเคยแอบตามพี่ไปที่บ้านของผู้หญิงคนนั้นแล้วผมก็เห็นทุกอย่างน่ะ”
“นี่สินะ ธาราถึงคิดว่าพี่มีเมียน้อย ที่แท้ก็นายนี่เองที่เอาข่าวผิดๆ ไปบอก”
“ไม่ใช่นะครับ พี่ธาราเค้าสงสัยก่อนเพราะเค้าเห็นข้อความที่พี่โอนเงินให้ผู้หญิงคนนั้นทุกเดือน เค้าก็เลยมาระบายกับผม เค้าบอกว่าอยากจะเลิกกับพี่ ผมก็เลยอาสา...ไปจัดการให้”
“เฮ้ย! แล้วนายไปจัดการอะไร หรือว่า...ที่ณิชาเค้าย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดก็เป็นเพราะนาย” หมอหนุ่มเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวในอดีตจนเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังขาดจิ๊กซอว์อีกหลายตัวที่จะทำให้เรื่องนี้สมบูรณ์ขึ้นได้
“อย่าเพิ่งถามผมเลยครับ ตอบผมมาก่อนว่าพี่กับณิชาเป็นอะไรกัน”
สิปปกรทอดถอนใจอยู่นาน ก่อนที่เขาจะเดินไปล็อกประตูห้องให้เรียบร้อยแล้วกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง
“ถ้านายอยากรู้ พี่ก็จะเล่าให้ฟังทั้งหมด แต่พี่ขอแค่ให้นายเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับอย่าบอกให้ใครรู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ โดยเฉพาะแม่ของพี่กับยัยกิ่ง นายทำได้รึเปล่า”
แม้จะไม่เข้าใจนักแต่เขาก็รีบรับปากโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เพื่อแลกกับความจริงที่เขาอยากจะรู้มาตลอด
เมื่อเห็นว่าน้องภรรยารับปากแล้วสิปปกรจึงได้เริ่มเล่าเรื่องของสุณิชาให้อีกฝ่ายได้รับฟัง
สิบปีก่อนหน้านี้...
เพล้ง!
“อีณิชา! มึงทำอะไรแตกอีกแล้วเนี่ย!”
สุณิชาในวัยสิบหกปีรีบก้มลงเก็บเศษจานที่เธอเผลอทำหล่นขณะกำลังยืนล้างมันอยู่ในห้องครัวหลังบ้าน แต่ยังไม่ทันได้เก็บเรียบร้อยศีรษะของเธอก็ถูกกระชากขึ้นอย่างแรง
“โอ๊ย...ป้า อย่าตีหนูเลยนะจ๊ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูแค่เหม่อเพราะคิดถึงแม่เท่านั้นเอง”
เธอรีบยกมือไหว้อีกฝ่ายเพื่อขอความเห็นใจ แต่เหมือนว่าสิ่งที่ทำจะไม่มีอะไรดีขึ้นมา เมื่อฝ่ามือหยาบกร้านของป้าแท้ๆ ฟาดลงมาตรงซีกแก้มซ้ายเต็มแรง
“มึงจะคิดถึงอีบัวทำไมนักหนา มันตายไปตั้งเป็นเดือนแล้ว มาคิดถึงค่าใช้จ่ายที่มึงมาอาศัยกูอยู่ดีกว่ามั้ย เมื่อไหร่มึงจะหางานทำได้ซะที จะอยู่เกาะกูกินไปอีกนานแค่ไหนกัน!”
“หนู...หนูก็พยายามหาแล้วนะจ๊ะป้า แต่หนูจบแค่ ม.สามเอง จะไปสมัครงานที่ไหนเค้าก็ไม่รับแล้วอายุหนูก็เพิ่งสิบหกด้วย เค้ารับคนอายุสิบแปดขึ้นไปน่ะจ้ะ”
“งั้นมึงก็ไปขายตัวสิ ไปขายตัวเหมือนที่แม่มึงเคยทำไง”
“อย่ามาใส่ร้ายแม่หนูนะ แม่หนูไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”
ไม่ว่าจะโดนดุโดนด่าหรือโดนตีมากี่ครั้งเธอก็ทนได้เสมอ แต่เธอจะไม่ทนหากมีคนมาว่าบุพการีผู้ให้กำเนิดแบบนี้