ได้ซื้อที่ดินแล้ว

1353 คำ
สองพี่น้องจึงขอตัวไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ลู่เพ่ยยังคงศึกษาตำราที่ลู่จื้อให้ไว้ทั้งคืน แต่เขายังไม่เข้าใจมากนัก ลู่จื้อที่แยกตัวออกมาก็เข้าไปในมิติ นางเห็นพื้นที่วางมากมายจึงเริ่มมีความคิดที่จะซื้อเมล็ดผักมาปลูก นางเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อหาตำราที่สามารถอ่านได้ เพราะเมื่อคืนมีตำราเพียงเล่มเดียวที่อ่านได้ ตอนนี้นางเปิดจุดตันเถียนได้แล้วคงจะมีสักเล่มที่นางสามารถอ่านได้ นางไล่ดูตำราที่ละเล่มจนไปเจอตำราฝึกวรยุทธ์ ยุคก่อนนางได้ฝึกมวยไทย กังฝู มวยหย่งซุน แต่ตำราเล่มนี้สอนฝึกลมหายใจกับความเร็ว ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนาง ลู่จื้อไม่คิดว่าการฝึกลมหายใจจะช่วยได้หลายอย่างขนาดนี้ หลังจากที่อ่านตำราจบนางถึงได้รู้ว่าการฝึกลมหายใจเป็นส่วนสำคัญของการฝึกฝนพลังปราณ เมื่อนางลองฝึกตามตำราจึงค้นพบว่า หากนางควบคุมการหายใจได้ก็สามารถควบคุมเส้นปราณในร่างกายได้ เหมือนเป็นการเปิดเส้นปราณในร่างกายให้พร้อมที่จะเริ่มฝึกขั้นต่อไป ตอนนี้เส้นปราณของนางนั้นใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งนางยังสามารถรับรู้เสียงต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนขึ้นแม้กระทั่งเสียงน้ำไหลที่ลำธารนางก็ได้ยินชัดเหมือนนางนั่งอยู่ริมลำธารเลย ลู่จื้อนางไม่รู้เลยว่า ด้วยอากาศที่อยู่ภายในมิติ ทำให้ตัวนางสามารถฝึกลมปราณได้เร็วกว่าผู้อื่น หากผู้ฝึกตนในแคว้นรู้เข้าว่านางเปิดจุดตันเถียนได้ภายในวันเดียว พวกเขาคงได้คำนับนางเป็นอาจารย์แน่ เมื่อออกมาจากมิติจิตแล้ว นางยังสามารถมองในที่มืดได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกันตอนกลางวัน ลู่จื้อเลยคิดว่าจะนำตำราเล่มนี้ไปให้ลู่เพ่ยและจะช่วยลู่เพ่ยเปิดจุดตันเถียนในวันพรุ่งนี้ แต่ต้องนำปลาไปขายก่อน วันนี้สองพี่น้องยังคงนำปลามาขายเช่นเดิม เพราะบอกหลงจู๊ไว้แล้ว นางคิดว่าต่อไปคงนำปลามาขายห้าวันครั้งแทนเพราะอะไรที่มากเกินไปคนจะเบื่อเอาได้ ครั้งนี้นางจึงบอกกล่าวหลงจู๊เอาไว้ก่อน ลู่จื้อนางตั้งใจซื้อเมล็ดผักกลับบ้านจึงให้ลู่เพ่ยพาไปซื้อ นางซื้อเมล็ด หลัวปัว (หัวไชเท้า) หูหลัวปัว (แครอท) ล่าเจียว (พริก) ชิงไช่ (กวางตุ้ง) เจี้ยหลาน (คะน้า) คงซินไซ่ (ผักบุ้ง) ป๋ายไซ่ (ผักกาดขาว) ยวี่หมี่ (ข้าวโพด) หนานกวา (ฟักทอง) หวงกวา (แตงกวา) เซี่ยงหมี่ (ข้าว) แล้วยังได้ของหายากอย่าง ฟานเฉีย (มะเขือเทศ) ถู่โต้ว (มันฝรั่ง) นางซื้ออย่างละหนึ่งจิน แต่ที่ซื้อมากสุดคือ ถู่โต้วนางซื้อถึงห้าสิบจิน และข้าว นางซื้อห้าจิน ลู่เพ่ยจ่ายเงินไปถึงสิบตำลึง มือสั่นเลยทีเดียว ความจริงลู่จื้อยังอยากได้ต้นกล้าผลไม้ด้วย แต่ของในตอนนี้เยอะเหลือเกินแล้วนางยังไม่รู้วิธีปลูกในมิติจิตด้วย หากต้องพรวนดินแล้วปลูกที่ละแปลงคงต้องใช้เวลานาน หากนางรู้ว่าเพียงกำหนดจิตเท่านั้นก็สามารถปลูกได้ตามใจนึกนางคงเสียดายที่ไม่ได้ซื้อมาเยอะกว่านี้ ลู่เพ่ยตอนแรกก็อยากจะห้ามน้องสาว เพราะที่ดินของบ้านตนยังไม่มีให้น้องสาวปลูกได้ทุกอย่างที่ซื้อมา พอนางบอกว่าจะนำไปปลูกในมิติจิตเขาจึงเลิกบ่น สองพี่น้องเดินทางไปโรงหมอฮุ่ยชิวต่อ เพื่อนำโสมแดงไปให้ท่านหมอฉีตามที่เคยบอกกล่าวกันไว้ เมื่อใช้เงินเสร็จแล้วก็ถึงเวลาต้องหาเงิน ลู่จื้อยังคงนำโสมห่อใส่ผ้าขี้ริ้วเช่นเดิม หมอฉีที่เห็นเช่นนั้นก็ปวดใจของดีเพียงนี้ใยไม่หากล่องใส่ให้ดี แต่เขาก็มิกล้าตำหนิกลัวลู่จื้อจะนำไปขายที่อื่นแทน หมอฉีเคยพบเจอโสมแดงมาบ้างแล้ว แต่ไม่เคยเห็นโสมแดงที่ทำออกมาอย่างถูกวิธีเช่นนี้ เพราะการควบคุมไฟในการอบนั้นต้องใช้กำลังไฟอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลาที่พอเหมาะ โสมแดงถึงจะออกมาดี ทำให้ครั้งนี้เขาต้องมองลู่จื้อใหม่อีกครั้ง แม่นางน้อยคนนี้ช่างมีพรสวรรค์โดยแท้ “เพียงแค่อ่านตำราที่อาจารย์ทิ้งไว้ เจ้าก็ทำออกมาได้ดีเช่นนี้เลยรึ” “เป็นอาจารย์ข้าที่เก่งเจ้าค่ะ” ลู่จื้อยิ้มจนตาหยี “หน้าของเจ้าเป็นอันใดหรือไม่” เขาเห็นนางปิดหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ไปรักษาขาให้บิดาของนางแล้ว “ไม่เจ้าค่ะ ท่านจะให้ราคาข้าเท่าใดดีเจ้าคะ” นางเปลี่ยนเรื่องด้วยไม่รู้จะเอ่ยบอกเช่นใด หากบอกว่าผื่นขึ้น หมอฉีต้องขอดูแน่ หมอฉีก็ไม่ตระหนี่ให้ราคาอย่างยุติธรรม โสมแดงสามหัว เขายอมจ่ายถึงหัวละห้าร้อยตำลึงทองเลยทีเดียว ลู่จื้อจึงพอใจอย่างมาก แล้วยังรับปากหากนางพบโสมอีกจะนำมาขายให้เพียงร้านยาฮุ่นชิวเท่านั้น ทั้งสองกลับถึงหมู่บ้านก็มีสายตาของชาวบ้านมองลู่จื้ออย่างเวทนา สองพี่น้องเก็บความสงสัยจนถึงบ้านจึงได้รู้ว่า บ้านลุงใหญ่กับบ้านกู้ได้ทำการหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว ช่างรวดเร็วเสียจริง บ้านรองจางมิได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็หวังอยากให้มันเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะตนจะได้ซื้อที่และสร้างบ้านในเร็ววัน “พอหรือไม่เจ้าคะท่านแม่” ลู่จื้อส่งเงินให้ท่านแม่ห้าร้อยตำลึงเงินเพื่อซื้อที่และสร้างบ้าน นางบอกจำนวนเงินที่ได้จากการขายโสมแดงแล้วและเก็บเงินไว้ในมิติจิต “พอแล้ว ไม่น้อยแล้ว” มือของนางจินหรูยังสั่นไม่หาย นางเคยถือเงินมาเพียงนี้ที่ไหน แม้จะเห็นตั๋วตำลึงทอง ที่ลู่จื้อนางนำออกมาให้ดูแล้ว แต่ก็ยังตื่นตระหนกอยู่ดี ลู่เพ่ยกับนางจินหรูจึงเดินทางไปบ้านผู้นำหมู่บ้านเพื่อซื้อที่ ทั้งครอบครัวตกลงกันแล้วว่าจะซื้อที่ยาวไปถึงริมแม่น้ำเลย ลู่จื้อจะปลูกถู่โต้วและยวี่หมี่ซึ่งในตอนนี้ชาวบ้านยังปลูกกันน้อยอยู่ "ท่านหัวหน้าหมู่บ้านอยู่หรือไม่ขอรับ" ลู่เพ่ยตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน "อยู่ อยู่ รอประเดี๋ยว" หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านลุงชุนเฉียงรีบมาเปิดประตู "อ้าว อาเพ่ยกับสะใภ้รองจาง มีอันใดหรือ" "ข้าสองคนอยากจะมาขอซื้อที่ดิน ที่ติดกับบ้านเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่ามีเจ้าของหรือยังเจ้าคะ" นางจินหรูบอกความต้องการของตน "เข้ามาก่อน เข้ามา ที่ตรงนั้นยังว่างอยู่" เมื่อเข้ามานั่งในห้องโถงแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านเดินไปหยิบแผนที่ออกมากางให้สองแม่ลูกดู "พวกเจ้าอยากได้กี่หมู่ ที่ดินที่ติดกับบ้านพวกเจ้ายาวไปถึงแม่น้ำนั้นว่างทั้งหมด มีถึงหกสิบหมู่ หมู่ละหกตำลึง" หัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าทั้งสองคงอยากได้เพียงไม่กี่หมู่ แต่คำตอบที่ได้ทำให้เขาถึงกับแปลกใจ "พวกข้าต้องการทั้งหมดหกสิบหมู่เลยขอรับ พอดีข้าขึ้นเขาแล้วเจอโสมคน หลังจากหักเงินรักษาท่านพ่อแล้วเหลือไม่มากจึงอยากซื้อที่สร้างบ้านและไว้ปลูกผักขอรับ" ลู่เพ่ยไขข้อข้องใจให้หัวหน้าหมู่บ้านพร้อมทั้งบอกความต้องการของตน "ดีดีดี ที่ดินหกสิบหมู่ ทั้งหมดสามร้อยหกสิบตำลึง" นางจินหรูแท้จะตกใจกับราคาที่ดินทั้งหมดแต่ก็ยังคงควบคุมสติของตนได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม