18.00 น.
หญิงสาวกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างสิ้นเรี่ยวแรง วันนี้ทั้งวัน ดารินขลุกอยู่แต่กับวาววา พยายามหาช่องทางพูดถึงความดีงามของตรีศูลให้อีกฝ่ายฟัง จนหลัง ๆ วาววาเริ่มรำคาญและพูดออกมาตรง ๆ ว่าถ้าดารินอยากมาหาอีก ก็จงอย่าพูดถึงผู้ชายคนนั้นให้ได้ยิน ดารินจุกจนพูดไม่ออก วันนี้เธอจึงกลับบ้านมาแบบไม่มีอะไรดี ๆ คืบหน้า
มีแต่จะแย่ลงด้วยซ้ำ
ร่างบางเดินห่อเหี่ยวเข้าไปในตัวคฤหาสน์ และจู่ ๆ ก็มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้าของเธอ
“คุณดารินคะ ท่านเจ้าสัวกับคุณตรีศูลรออยู่ที่ห้องอาหารค่ะ”
“รอรินเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ”
ดารินพยักหน้า ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางไปยังห้องอาหารทันที ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกจากสาวใช้ เธอมองเข้าไปเห็นโต๊ะอาหารขนาดใหญ่และเก้าอี้ที่นั่งไม่ต่ำกว่าสิบตัว
ในขณะที่ตอนนี้มีคนนั่งอยู่เพียงสองคนเท่านั้น
ท่านเจ้าสัวองอาจนั่งหัวโต๊ะ และถัดมาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่นั่งทำหน้าตึง บนโต๊ะมีอาหารมากมายตั้งรออยู่ ดารินเห็นแบบนั้นก็เดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับตรีศูล
เธอและพระเอกนั่งตรงข้ามกัน โดยมีเจ้าสัวองอาจนั่งตรงกลางหัวโต๊ะ
“ต่อจากนี้เราจะทานมื้อเย็นพร้อมกันนะ”
“ครับคุณพ่อ”
“ค...ค่ะ”
ดารินตอบรับเช่นกันพลางมองหน้าคนตรงข้าม เธอก็เห็นนัยน์ตาดุดันที่จ้องมองมา เขาตอบรับบิดาตัวเองก็จริง ทว่าสีหน้ากลับบอกบุญไม่รับ ดารินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ลงคอ ก่อนจะทำการทานมื้อเย็นกันอย่างเงียบเชียบ วันนี้เธอใช้พลังงานเยอะจึงหิวมากเป็นพิเศษ ไม่ได้สนใจว่าตรีศูลจะมองมาด้วยสายตายังไง ดารินจัดการกินอาหารทุกอย่าง
ก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองกินเร็วเกินไปแล้ว จึงค่อย ๆ เคี้ยวช้า ๆ ให้ละเอียดเพราะกลัวอาหารติดคอ
ในขณะที่เจ้าสัวองอาจและตรีศูลกินอาหารอย่างเนิบนาบละเมียดละไม ค่อย ๆ หั่นเนื้อเข้าปากอย่างผู้รากมากดี ดารินเห็นแบบนั้นก็ยืดหลังให้นั่งตัวตรงมากขึ้น ก่อนจะกินให้ช้าลงตามพวกเขา
อึดอัดเป็นบ้าเลย
จู่ ๆ น้ำเสียงแหบของเจ้าสัวก็เอ่ยขึ้น
“พ่อได้ฤกษ์แต่งงานให้เราทั้งคู่แล้วนะ”
“แค่ก ๆๆ”
ดารินรีบคว้าแก้วน้ำมาดื่มเมื่อได้ยินประโยคนั้น เธอดื่มน้ำอึก ๆ จนสาวใช้ต้องรีบมารินน้ำเพิ่มให้ ตรีศูลทีได้ยินก็ตกใจไม่ต่างกัน ทว่าเขาไม่สำลักอาหารเหมือนอย่างคนตรงหน้า
ตรีศูลทำเพียงยกผ้าขึ้นมาเช็ดมุมปาก ก่อนจะหันมองบิดาตนเอง
“เรารออีกหน่อยไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
“จะรออะไรอีก”
“ผมกับดารินพึ่งจะคบกันได้ไม่นาน เราสองคนอยากเรียนรู้กันไปก่อน”
“แต่ยังไงก็ต้องมีหลานให้พ่อไม่ใช่เหรอ แกสัญญากับพ่อเอาไว้แล้ว”
“...”
“สุดท้ายก็ต้องมีลูกด้วยกันอยู่ดี แต่งงานให้มันถูกต้องน่ะดีแล้ว ตระกูลเราจะได้ไม่ถูกคนนอกเขานินทาเอา”
ดารินกัดฟันแน่น มองหน้าตรีศูลก่อนจะก้มหน้าลงมองจานอาหารตัวเอง
เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน
เขาเป็นลูกแท้ ๆ ยังขัดพ่อไม่ได้เลย แล้วเธอล่ะ ไม่โดนยิงหัวเอาเหรอ ดารินได้แต่นั่งเงียบ ๆ รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันที
“วันที่สิบแปดกรกฎา เป็นวันดี”
“...”
“เราทั้งคู่เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกันนะ”
ใบหน้าของเจ้าสัวองอาจดูมีชีวิตชีวาเมื่อได้พูดเรื่องนี้ ต่างจากเธอและพระเอกมาก ๆ ตอนนี้ตรีศูลทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าคนตายอย่างไรอย่างนั้น ส่วนเธอน่ะเหรอ ก็คงทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“นั่นเป็นชาสมุนไพรที่เพื่อนพ่อเอามาฝากจากเมืองจีน ลองดื่มดูสิ”
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สาวใช้เอาถ้วยน้ำชาหอม ๆ มาเสิรฟให้ท่านเจ้าสัว ตรีศูล และเธอ ตรีศูลและดารินไม่คิดอะไร ทั้งคู่ยกถ้วยน้ำชาดื่มจนหมดแก้ว เช่นเดียวกับท่านเจ้าสัวที่ดื่มเข้าไปเช่นกัน
ทว่าน้ำชาในแก้วของเจ้าสัวไม่เหมือนกับของอีกสองคนเท่านั้นเอง
19.30 น.
“แม่ง”
เมื่อเสร็จจากมื้อค่ำ ทั้งสองก็ขึ้นห้องมาพร้อมกัน เมื่อประตูปิดลง ตรีศูลก็สบทออกมาทันที เขาปลดกระดุมข้อมือออกทั้งสองข้าง และปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนจนเห็นแผงอกกำยำ ดารินทำเป็นไม่มองอีกฝ่าย เดินไปนั่งลงบนโซฟาซึ่งเป็นที่นอนของตัวเอง
และที่ตรีศูลสบทอย่างหงุดหงิดนั้นเพราะเรื่องที่พ่อของเขากำลังเตรียมงานแต่งงาน และเรื่องระหว่างเขาและวาววาก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน ตรีศูลตวัดสายตามองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนเขาจะเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ
“หน้าที่ของเธอทำไปถึงไหนแล้ว?”
เขาเอ่ยถามเธอ ดารินขมวดคิ้วแน่น
“รินกำลังทำอยู่ค่ะ แต่วาเกลียดคุณมาก”
“ใช่ วาววาเกลียดฉันมาก และยิ่งเกลียดมากเข้าไปอีกก็เพราะเธอ!”
เขาตวาดจนหญิงสาวสะดุ้ง ดารินนั่งก้มหน้ามองมือของตัวเอง
“เพราะเธอจ้างคนไปปาก้อนหินใส่ร้านวาววา แล้วยังเขียนโน้ตบ้า ๆ นั่น มันก็ยิ่งทำให้วาววาเกลียดฉันไง”
“แต่รินก็พยายามแก้ไขอยู่นะคะ ไม่ได้อยู่เฉย ๆ สักหน่อย คุณต่างหากที่อยู่เฉย คุณรักวาจริงหรือเปล่า”
เธอเห็นเขาเอาแต่ทำงาน ไม่โผล่หน้าไปหาวาววาตั้งแต่วันนั้น มีแต่เธอที่เอาแต่คิดหาวิธีให้สองคนนี้รักกันจนสมองจะระเบิด ทว่ามาเฟียหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็กำมือแน่น ก่อนจะเดินไปกระชากข้อมือเล็กจนร่างของเธอปลิวมากระแทกกับตัวเขา สายตาน่ากลัวกดมองใบหน้านางร้าย
“อย่ามาปากดีกับฉัน”
“ม...ไม่ได้ปากดี รินพูดความจริง”
“คนที่ทำเรื่องเลว ๆ อย่างเธอ ไม่มีสิทธิ์มาโทษคนอื่น”
“...”
“ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษตัวเธอเอง”
พรึบ!
ตรีศูลผลักดารินจนเธอล้มลงบนโซฟาอีกครั้ง หญิงสาวตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างเกลียดชัง รุนแรงและป่าเถื่อนเสียจริง เพราะเธอคือเธอ เขาถึงไม่เคยอ่อนโยนด้วยเลย
ถ้ากับวาววาละก็นะ...ไม่อยากจะคิดว่าตรีศูลเวอร์ชั่นอ่อนโยนคลั่งรักจะเป็นยังไง
ตอนจบทั้งสองครองรักกัน มันเป็นอะไรที่หวานหยดมาก ๆ ทว่าเธอยังแต่งไม่ถึงตอนนั้น เลยยังนึกภาพตรีศูลคลั่งรักไม่ออก ดารินมองขวางพระเอกที่เดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ท่าทางของเขาดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนที่จะต้องแต่งงานกับเธอ
แกล้งแต่งด้วยให้อกแตกตายไปเลยดีไหมนะ
ไม่เอาดีกว่า เธออยากออกไปจากชีวิตของเขา เพราะงั้นเธอต้องทำให้สำเร็จ ดารินยกมือกุมศีรษะของตัวเอง อีกเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำที่งานแต่งงานจะเริ่ม และการให้วาววารักเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และถ้าเธอทำไม่ได้ เธอก็ต้องตายด้วยมือของอีกฝ่าย เขาฆ่านางร้าย...เป็นตอนจบที่ถูกกำหนดมาแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าถึงตอนนั้นจริง ๆ เนื้อเรื่องจะเป็นไปในทิศทางไหน แต่เธอจะต้องรักษาชีวิตของตัวเองให้ได้
จะไม่ยอมตายอีกเด็ดขาด
“รินนึกออกแล้ว”
เพราะเป็นนักเขียน สมองเลยทำงานค่อนข้างไว...ดารินโพล่งออกมาก่อนจะหันมองร่างสูง เธอก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอดเสื้อของตัวเองออก รูปร่างสมส่วนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ประจักษ์แก่สายตาเธอ
ดารินหันหน้าหนีไปอีกทางทันที เธอกระพริบตาปริบ ๆ เพราะหุ่นของเขานั่นมัน...
สุด ๆ ไปเลย
เป็นไปตามที่เธอจินตนาการตอนบรรยายฉากเอนซีเอาไว้เปะ!
“คุณถอดเสื้อทำไม”
เสียงหวานเอ่ยออกมาทั้งที่ยังหันหน้าไปอีกทาง ตรีศูลที่ได้ยินแบบนั้นก็หายใจถี่รวน เพราะเขารู้สึกร้อนขึ้นมากะทันหัน เดินไปหยิบรีโมทแอร์มาลดอุณหภูมิให้เย็นขึ้น เม็ดเหงื่อพราวเกาะอยู่บนลำตัวของเขา
"ฉันร้อน”
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกร้อน ดารินได้ยินแบบนั้นก็ยกมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเองเช่นกัน
ใช่...เธอก็รู้สึกร้อนมาสักพัก แต่นึกว่าเป็นเพราะกลัวเขา เหงื่อก็เลยแตก แต่ไม่ใช่ เธอรู้สึกว่ามันร้อนจากข้างใน เหมือนกินทุเรียนเข้าไปสิบลูก หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ก่อนจะหันมองตรีศูลอีกครั้ง
“ค...คุณ!”
ร่างบางก็ต้องถอยหลังกรูดไปชิดโซฟาอีกฝั่ง เพราะจู่ ๆ ร่างสูงก็เข้ามาประชิดเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ดวงตากลมสั่นไหวเลื่อนมองก้อนซิกแพ็คที่เรียงรายอย่างสวยงาม กล้ามแขนใหญ่เป็นมัด ๆ ไรขนที่สูงขึ้นมาเหนือขอบกางเกงทำให้หญิงสาวตาลุกวาว
เธอค่อย ๆ เอามือไปแตะไรขนอ่อนตรงหน้าช้า ๆ ก่อนจะชักมือกลับมาเพราะไม่รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองทำอะไรลงไป
“ให้ตายเถอะ ฉ...ฉันเป็นอะไร”
ดารินพึมพำกับตัวเอง เธอเก็บมือของตัวเองเอาไว้อย่าให้มันเพ่นพ่าน ตรีศูลที่ยืนอยู่ตรงหน้าคนที่นั่งบนโซฟาก็หลุบสายตามองเรือนร่างขาวเนียน
เขารีบหันหน้าหนีทันที พลางคิดในใจว่าตัวเองเป็นอะไร
“ร...รินก็ร้อน ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
ดารินลุกขึ้นจากโซฟา ทำท่าจะเดินผ่านคนตัวใหญ่ ทว่าลำแขนแกร่งของเขาก็คว้าเอวของเธอและกระชากเข้าไป จนใบหน้าของเขาห่างกันเพียงนิดเดียว
“จำสมุนไพรที่พ่อฉันให้กินได้ไหม?”
เสียงทุ้มเอ่ยรอดไรฟัน เขาจ้องใบหน้าหวาน ส่วนดารินก็เงยหน้ามองเขาเช่นกัน
เธอพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะเบิกตาโพลงเพราะเข้าใจในสิ่งที่ตรีศูลจะสื่อ
“พ...พ่อของคุณ วางยาเราเหรอคะ!”
มันคือสมุนไพรจีนที่ให้สรรพคุณช่วยให้ตื่นตัวในเรื่องอย่างว่า ช่วยให้คู่รักที่มีบุตรยากสำเร็จมาไม่รู้กี่คู่ต่อกี่คู่แล้ว
ก็ในเมื่อเด็กทั้งสองบอกว่า ‘เป็นคนรักกัน’ และคนเป็นแฟนกัน ที่กำลังจะปั้มลูก ได้ดื่มสมุนไพรนี้เข้าไปก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ? เจ้าสัวไม่ได้คิดว่าตนเองวางยาลูกแต่อย่างใด ก็ในเมื่อลูกชายบอกว่าตนและดารินเป็นแฟนกัน แถมยังสัญญาว่าจะมีหลานให้เร็ว ๆ นี้ คนเป็นพ่อก็ต้องช่วยให้สำเร็จไว ๆ สิ...ถึงจะถูกต้อง
แสบทั้งพ่อทั้งลูก ดารินคิดในใจพลางทำหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้ออกมา
“ปล่อยนะคะ เราจะไม่ทำเรื่องอย่างว่ากันเด็ดขาด!!”
“รู้แล้วหน่า ฉันไม่คิดจะลดตัวไปเอาผู้หญิงร้ายกาจอย่างเธอหรอก”
“แล้วมากอดรินทำไมคะ!!”