ค่ำคืนที่ฟ้ามืดสนิท ดวงจันทร์เพียงครึ่งเสี้ยวไม่อาจเปล่งแสงสว่างได้มากกว่าไฟฉายอันเล็กที่อยู่ในฝ่ามือของชบา หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงาม เป็นที่หมายปองของชายทั้งหลาย ไม่ว่าในเขตหมู่บ้าน หรือระแวกใกล้เคียง แต่เธอไม่เคยเหลียวมองใคร เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินอย่างขยันขันแข็ง แต่ในวันนี้ เธอกลับแอบย่องมาที่สำนักท้ายหมู่บ้าน โดยจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ คือการทำเสน่ห์ใส่ผู้ชายที่กำลังจะเข้าพิธีหมั้นหมายกับพี่สาวของตัวเอง...
ก๊อก ก๊อก!
“พ่อหมอ”
เสียงเคาะประตูไม้ดังสนั่นในความเงียบ ดึงความสนใจให้หิรัญ พ่อหมออายุยังหนุ่มวัย 34 ปีหันมามองที่ทางเข้าบ้านอย่างให้ความสนใจ
“ใครวะ”
ดึกดื่นเช่นนี้มีเสียงหญิงสาวมาเอ่ยเรียก ทำให้เขารู้สึกระแวงอยู่ไม่น้อย กลัวจะเป็นผีแม่หม้ายหรืออะไรทำนองนั้น เพราะนอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาของเขาจะเป็นที่จับตามองของสาวเล็กสาวใหญ่ ยังไปถูกตาต้องใจกับเหล่าภูติผีอีกด้วย
หิรัญวางมือจากสายสิญจน์ที่กำลังนั่งพันให้เป็นวงกลม จากนั้นก็ลุกขึ้นมาเปิดประตูด้วยท่าทางสงสัย และทันทีที่ประตูถูกเปิดออก เขาก็ต้องงงงวยหนักเข้าไปกว่าเดิม เพราะคนที่มาหา คือชบา หญิงสาวที่เป็นที่กล่าวถึงเรื่องความแสบซนจนพ่อแม่ของเธอเอือมระอา
“มีอะไร”
“ฉัน... ขอเข้าไปก่อนได้ไหมจ๊ะ”
คนตัวเล็กเอ่ยสลับกับมองไปด้านหลังอย่างพะว้าพะวัง ราวกับกังวลว่าใครจะตามมา
“เข้ามา”
ถึงแม้หิรัญจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่ต้องเปิดประตูรับหญิงสาวเข้ามาในสำนักในยามวิกาลเช่นนี้ แต่หน้าที่ของเขาคือปลดทุกข์ให้กับชาวบ้านตามคำสั่งสอนของตาพวง ตาทวดที่เขาเคารพนับถือ จึงต้องยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาด้านในเพื่อบอกเจตนาที่เธอต้องการ
“พ่อหมอรับทำเสน่ห์ไหมจ๊ะ ค่าครูเท่าไหร่”
“ทำเสน่ห์?”
คนได้ฟังเลิกคิ้วสูงพร้อมกับทวนคำซ้ำ ชบาจึงรีบพยักหน้าหงึกหงักด้วยท่าทางจริงจัง
“มึงจะทำเอง หรือจะทำให้ใคร”
เขาถามต่อ เพราะคิดว่าคนที่สวยแย้มราวบุหงาคลีบานสะพรั่งเต็มวัยอย่างชบา คงไม่น่าจะทำคุณไสยเอง อย่างที่รู้ ๆ กันว่าผู้หญิงคนนี้ เป็นที่หมายปองของผู้ชายตั้งมากมาย ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เธอต้องพึ่งไสยศาสตร์
“ทำเองจ้ะ ทำใส่คนนี้”
เธอรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ก่อนจะยื่นภาพชายที่หมายปองส่งให้กับหิรัญได้ดู แต่อีกฝ่ายไม่ได้เอื้อมมือรับ เพียงแค่ก้มมองภาพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เพียงแค่เห็นแวบเดียว เขาก็จำได้ในทันทีว่าผู้ชายคนที่อยู่ในภาพนี้คือปลัดวสัน ปลัดหนุ่มที่แวะเวียนเข้ามาในเขตหมู่บ้านนี้บ่อย ๆ
“ว่าไงจ๊ะ ค่าครูเท่าไหร่”
คนตาโตยืนนิ่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่หิรัญเดินผ่านหน้าเธอไปนั่งลงเก้าอี้ที่เพิ่งลุกออกมาได้ไม่นาน แล้วหยิบสายสิญจน์ขึ้นมาพันต่อด้วยท่าทางไม่ยี่หระ
“กลับไปซะ กูไม่ทำให้มึงหรอก”
“อ้าว ทำไมล่ะพ่อหมอ”
ชบารีบเดินตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย พร้อมทั้งแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ
“หรือเพราะพ่อหมอคิดว่าฉันไม่มีเงิน พ่อหมออยากได้เท่าไหร่พูดมาเลย ฉันจะขายผักหาเงินมาจ่ายให้”
“หึ”
คนได้ฟังแค่นหัวเราะอย่างนึกสมเพช เพราะรู้ดีว่าครอบครัวของชบาฐานะค่อนข้างยากจน หากพ่อแม่ของเด็กคนนี้รู้เข้า คงจะเจ็บปวดใจไม่น้อยเลย ที่ลูกตั้งใจหาเงินเพื่อหวังทำเสน่ห์ใส่ผู้ชาย
“เก็บเงินของมึงไว้เถอะ กูไม่อยากเบียดเบียนเงินขายผักของมึง”
“แปลว่าพ่อหมอยอมช่วยแล้วใช่ไหม”
ดูเหมือนว่าชบาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หิรัญต้องการจะสื่อ เธอยังมีแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังจนทำให้หิรัญชักรำคาญ อยากจะไล่เด็กเมื่อวานซืนนี้ออกไปให้ไกล ๆ
“ตั้งใจฟังนะ”
เขาเงยหน้าขึ้นมองชบาที่อยู่ห่างออกไปแค่ก้าวเดียว
“กู ไม่ ทำ!”
“เพราะ?”
“มึงยังเด็ก อายุแค่นี้ริอ่านอยากมีผัว แล้วรู้ไหมว่าทำเสน่ห์มันมีข้อเสียอะไรบ้าง สักแต่จะร่าน ไม่เคยหาข้อมูล”
“...”
คนถูกต่อว่าซึ่ง ๆ หน้าพูดไม่ออก เอาแต่อ้าปากค้างไปกับสิ่งที่อีกฝ่ายตอกเข้าหน้าจัง ๆ
“ออกไปได้แล้ว”
“ไม่ออก!”
ชบาที่พยายามทำตัวสำรวมในตอนแรก บัดนี้สลัดคราบจอมปลอมออกจนหมดสิ้น เธอทุบโต๊ะเสียงดังลั่นพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“ข้อที่หนึ่ง ฉันไม่ใช่เด็ก ฉันอายุ 23 ปีแล้ว และข้อสอง ฉันไม่ใช่คนที่สักแต่จะร่านแต่ไม่หาข้อมูล ไม่ต้องมาสั่งสอน มีหน้าที่ทำเสน่ห์ก็ทำไป อยากได้เท่าไหร่ก็พูดมา ไม่ต้องมาทำเป็นดึงเกม”
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของหิรัญ ที่มีคนถือดีมาตะคอกใส่เขาปาว ๆ ยิ่งเห็นท่าทางหยิ่งทะนงและสายตาโอหังเขายิ่งรู้สึกหมั่นไส้
“ก็ได้! กูไม่คิดค่าครูมึงเลยสักบาทเดียว แค่มึงยอมให้กูตอกสักทีสองที ลองดูซิมึงยังจะระริกระรี้อยากมีผัวจนตัวสั่นแบบนี้อยู่ไหม”
เขาเอ่ยท้าทายเพราะนึกรำคาญเต็มทน คิดว่าพูดแบบนี้หญิงสาวคงเปลี่ยนใจแล้วไม่กลับมาเหยียบที่สำนักเขาอีก และดูเหมือนจะได้ผล
“ไอ้พ่อหมอโรคจิต! ที่แท้เป็นคนแบบนี้นี่เอง”
ชบาเข่นเขี้ยวพูดด้วยความเดือดดาล สร้างความพึงพอใจให้กับหิรัญเป็นอย่างมาก
“เออ กูก็เป็นคนโรคจิตแบบนี้นี่แหละ ว่าไง จะเอาไม่เอา ถ้าเอาก็ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นเตียง กูจะแทงให้เข็ดขยาด ไม่อยากมีผัวอีกทั้งชาติเลย”
ชบากำหมัดแน่น จ้องมองร่างสูงโปร่งที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ต่อหน้าเธอตัวสั่นระริก เธอสามารถที่จะหันหลังแล้วไม่มาเหยียบที่สำนักนี้อีกได้ แต่เธอดันไม่ใช่คนที่ใครจะมาท้าทายแล้วปล่อยให้มันจบ ๆ ไปได้น่ะสิ
พึ่บ!
เสื้อสีแดงตัวบางถูกถลกออกจากตัว ก่อนจะขว้างปาอัดใส่หน้าพ่อหมอหิรัญจนอีกฝ่ายข่มตาสูดลมหายใจเพื่อระงับความโกรธ แต่อีกคนนั้นไม่ได้สะทกสะท้านกับสิ่งที่ทำลงไปเลยสักนิด
“อยากได้นักก็มาเอา”