ประกายความคิด

1401 คำ
“ชาไข่มุก ฉันจะขายชาไข่มุก” กระแสชาไข่มุกนั้นมีมาหลายปีแล้ว และระยะหลังๆ มานี่ก็เงียบหายไป “ฉันก็ว่าดีนะ เพราะตอนนี้กระแสชาไขมุกเริ่มมาอีกแล้ว” “แล้ว แกคิดว่าจะซื้อแฟรนไชส์เจ้าไหนดีล่ะ เอาที่ดังๆ หน่อยนะ” “ยิ่งดังก็คงจะยิ่งแพงน่ะสิ ฉันว่าฉันจะทำเองดีกว่า ฉันเคยช่วยแม่ทำอยู่ แล้วฉันก็มีสูตรเครื่องดื่มอยู่เยอะเลย คงเอามาประยุกต์เข้ากันได้” “ก็ดีนะ ไม่ต้องเสียค่าแฟรนไชส์ แต่คงต้องหาวิธีที่จะให้ลูกค้าสนใจ” “ที่ป่านพูดมาก็ถูกนะ คงต้องหาอะไรที่ดึงดูดใจ ฉันว่าก่อนคงต้องตกแต่งร้านให้มีจุดเด่นที่หน้าสนใจแล้วเปิดวันจัดโปรโมชั่นซื้อ 1 ฟรี 1 ไปเลย จะได้ลูกค้าทีเดียว 2 คน จากนั้นก็จัดโปรโมชั่นซื้อ 2 ฟรี 1 ต่ออีกสักเดือน” “แล้วแกจะได้กำไรเหรอพุด” “ช่วงแรกคงต้องแบบรับต้นทุนที่แพง แต่ก็แลกกับจำนวนลูกค้าก็คงต้องยอมไปก่อน” “ก็ดีนะ แล้วที่พูดมาได้ทำเลหรือยังล่ะ” ปราณติญารู้สึกตื่นเต้นไปกับเพื่อน เพราะชีวิตการทำงานของหญิงสาวนั้นเรียบง่ายจนบางครั้งดูหน้าเบื่อ “ก็พอมีอยู่บ้างนะ ที่ฉันไปดูมาวันนี้ มีอยู่ห้องหนึ่งติดป้ายให้เช่า” เธอรีบเปิดรูปในโทรศัพท์ที่มีรูปหน้าร้านให้เพื่อนดู “จะเช่าที่นี่เลยเหรอ” ปราณติญา “ยังหรอกคิดว่าคงจะวนดูแถวๆ นั้นอีกรอบ ระหว่างนี้คงต้องเริ้มเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเสียก่อน ป่านฉันขอที่อยู่ที่บ้านนี้หน่อยได้ไหม” “ได้สิ ว่าแต่พุดจะเอาไปทำอะไร” “ฉันจะสั่งของน่ะสิ ร้านที่ฉันเคยสั่งเค้ามีบริการส่งทั่วประเทศ ฉันจะให้ทางร้านส่งของมาที่นี่ ฉันไม่รู้ว่าที่นี่เค้าซื้อของกันที่ร้านไหน ช่วงแรกคงต้องสั่งที่กรุงเทพฯ ไปก่อน” “แล้วให้ฉันช่วยอะไรได้บ้าง ไม่ต้องเกรงใจบอกมาเลย” เธอยินดีช่วยเพื่อนเต็มที่ “ฉันจะต้องยืมห้องครัว เพราะถ้าต้องทำชาไข่มุกจริงๆ ก็ต้องต้มมุกไปจากบ้าน” “ได้เลยไม่มีปัญหา เครื่องใช้ในครัวก็ตามสบายเลยนะ” ปราณติญาเองนั้นไม่ค่อยได้ใช้ห้องครัวบ่อยนัก “ขอบใจมากนะป่าน ฉันรบกวนแกมากเหลือเกิน” เธอกล่าวอย่างเกรงใจ “รบกวนอะไร พุดมาอยู่ที่นี่ฉันก็หายเหงา” “ฉันสัญญาเลยว่าจะเป็นผู้อาศัยที่ดี จะช่วยทำอาหารเช้า เย็น และทำงานบ้านแกจะได้ไม่ต้องเหนื่อย” “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกพุด อีกอย่างแกไม่ใช่ผู้อาศัยนะแกคือเพื่อนของฉันเพราะฉะนั้นงานทุกอย่างเราก็ช่วยๆ กันทำดีกว่า” แม้จะเป็นเจ้าของบ้านแต่ก็ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ภายในบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับบ้านของปราณติญานั้นกำลังเต็มไปด้วยคนงานมากหน้าหลายตาทุกคนล้วนถูกจ้างมาเพื่อทำความสะอาดทั่วบริเวณบ้านเพราะเจ้าของบ้านหลังนี้กำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ หลังจากที่ทิ้งร้างไปนานเพราะไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ตอนนี้เขาต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเนื่องจากช่วงนี้มารดาของเขาไม่ค่อยสบายเท่าไหร่และเธอก็อยากพักการทำงานทั้งหมดหลังจากที่ทำงานแทนสามีในบริษัทอสังหาริมทรัพย์มานานหลายปี แพทย์เจ้าของไข้จึงแนะนำให้มาอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศสดชื่น รัญภาคย์ ชายหนุ่มวัย 35 ปี มองความวุ่นวายเบื้องหน้าแล้วก็เริ่มเวียนหัว เขาหวังว่ามารดาของเขาจะชอบที่นี่ เดิมทีนั้นเขาคิดว่าจะให้มารดาไปอยู่กับน้องสาวที่เชียงใหม่แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผนเมื่อทราบตอนนี้ที่นั่นมีฝุ่นละอองขนาดเล็กเยอะมาก สุดท้ายจึงต้องเลือกมาอยู่ที่นี่ แม้ว่าบ้านหลังนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากขับรถเพียง 10 นาทีก็ถึงแต่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก แต่ก่อนชายหนุ่มเป็นเพียงพนักงานบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นคนชอบออกกำลังกาย พอเข้าไปใช้บริการบ่อยๆ ทำให้เขาคิดอยากจะมีฟิตเนสเซ็นเตอร์เป็นของตนเอง เขาไปเข้าไปใช้บริการหลายๆ ที่เป็นระยะเวลาเกือบปี พอเงินโบนัสออก บวกกับเงินเก็บที่มีเช่าห้องแถว 2 คูหาเปิดฟิตเนสเซ็นเตอร์เป็นของตัวเอง เขาเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ดูแลรักษาง่ายเช่นพวกดัมเบล ม้าบาเบล (ม้าที่ใช้นอนสำหรับยกน้ำหนัก) เก้าอี้ดัมเบล ม้าซิทอัพ บาร์โหน อุปกรณ์เล่นกล้ามต่างๆ ส่วนพวกลู่วิงไฟฟ้า เขาเลือกที่จะเช่าเพราะมีราคาค่อนข้างแพงและมีความเสื่อมเมื่อใช้งานไปนานๆ จากจุดเริ่มต้นตรงนี้รัญภาคย์ ได้รู้จักบริษัทที่ใช้เช่าอุปกรณ์หลายบริษัท เขาจึงคิดว่าถ้าเขานำเข้าสินค้าและบริการให้เช่าเองโดยติดต่อโดยตรงกับบริษัทแม่ที่ต่างประเทศ เขาน่าจะได้ราคาที่ถูกว่า จากฟิตเนสเซ็นเตอร์สาขาแรกก็นำมาสู่สาขาที่ 2 และ 3 ตามมาจนตอนนี้เขามีสาขาที่บริหารเองถึง 10 สาขาและยังนำเข้าสินค้าทั้งหมดเองอีกด้วย ชายหนุ่มไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขายังเปิดบริษัทรับให้คำปรึกษาทางด้านอุปกรณ์กีฬาและยังให้เช่าอุปกรณ์ต่างๆ อีกด้วย บิดามารดาของชายหนุ่มเป็นทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจที่จะทำธุรกิจของครอบครัว พอบิดาเสียชีวิตลงภาระทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่มารดาและฐิตาภาน้องสาวของเขาซึ่งตอนนี้ได้แต่งงานกับสามีนักธุรกิจและช่วยกันทำงานสานต่อจากบิดาของเขา บ้านหลังนี้ก็เป็นหนึ่งในโครงการของบิดา และนอกจากนี้มารดาของเขาที่เป็นคนพื้นเพจังหวัดนี้ก็มีบ้านและอาคารพาณิชย์ให้เช่าอีกหลายแห่งในตัวเมือง พอน้องสาวรู้ว่าเขาจะพามารดามาอยู่ที่นี่เธอจึงขอร้องให้เขาช่วยดูแลกิจการเดิมของมารดาแทนเธอด้วยด้วย “พออยู่ได้ไหมครับแม่” ชายหนุ่มถามมารดาหลังจากที่เขาทำความสะอาดและปรับปรุงบ้านเสร็จเรียบร้อย “ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกรัญ แม่อยู่ได้สบายมาก แล้วนี่พาใครมาด้วยล่ะ” หญิงสูงวัยถามเมื่อเห็นเด็กสาวคนหนึ่งเดินตามหลังลูกชายเข้ามาในห้องรับแขก “นี่ลียาครับ ผมจะให้มาอยู่กับแม่ตอนที่ผมไม่อยู่ แม่จะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อน ลียาเป็นลูกสาวของคนแม่บ้านที่ทำงานให้บ้านไอ้เต้มานาน แม่จำเตวิชเพื่อนผมได้ไหม” “อ๋อ เพื่อนลูกที่มาซื้อบ้านในโครงการของเราใช่ไหม” “ใช่ครับแม่พอผมบอกว่าจะให้แม่มาอยู่ที่นี่มันเลยให้ลียามาคอยอยู่เป็นเพื่อน ลียาพูดไทยได้ครับแม่เพราะไอ้เต้ให้เรียนหนังสือถึงชั้น ป .6 แล้วตอนนี้ก็กำลังเรียน กศน. อยู่ด้วย” “อย่างนั้นแม่ก็เบาใจ สมัยนี้หาคนที่ไว้ใจยากเหลือเกิน” “ครับแม่ เดี๋ยวมันว่าจะเข้ามาสวัสดีแม่อยู่เหมือนกัน” “จ้ะลูก แล้วรัญจะอยู่กับแม่ที่นี่กี่วัน” “คงอยู่อีกสัก 2 วันครับ ให้บ้านเรียบร้อยแล้วจะเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท จากนั้นก็คงกลับมาอยู่กับแม่ได้ยาวเลย ผมว่าจะลองดูแถวๆ ในเมืองสักหน่อยว่ามีทำเลพอจะเปิดสาขาที่นี่อีกไหม เพราะลูกค้าที่เช่าและซื้ออุปกรณ์กับผมบอกว่าจังหวัดนี้ยังไม่ค่อยมีฟิตเนสฯ ผมว่าจะลองบุกเบิกดู เผื่อไปได้ดี จะได้อยู่กับแม่ทีนี่ตลอด” “แล้วจะเอาตึกของเราเองไหม แม่จะได้คุยกับผู้เช่าให้” “ไม่เป็นไรครับแม่ ไม่อยากให้ใครลำบาก” รัญภาคย์คิดว่าถ้าต้องให้คนอื่นย้ายออกเพื่อให้ตัวเองได้เปิดธุรกิจของตัวเองก็คงดูไม่เป็นมืออาชีพสักเท่าไหร่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม