ตกเย็นของวันเดียวกัน จีรภัทรกลับเข้ามาที่เรือนหอก่อนเวลาพลบค่ำ ทำให้แม่นมจันทร์วาดถึงกับรีบเดินออกมารับหน้าและช่วยถือกระเป๋าพร้อมกับเสื้อสูทให้ หน้าที่นี้จะเป็นของณิชาวีร์แต่ทว่าวันนี้หญิงสาวก็ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว
“กลับมาเร็วจังเลยนะคะวันนี้ คุณหนูจะทานข้าวเย็นกี่โมงดีคะ?”
“สักทุ่มนึงก็ได้ครับนม”
“แล้วเมนูล่ะคะคุณหนูอยากทานอะไรเป็นพิเศษ”
“ทำอะไรให้ผมทานผมก็ทานทั้งนั้นล่ะครับนม”
“คุณณิเธอไม่อยู่บ้านนะคะ ออกไปตั้งแต่เที่ยงยังไม่กลับเข้ามาอีกเลย”
“เรื่องของเขาครับป้า จะอยู่หรือจะไป พรุ่งนี้ผมกับเขาก็ต้องสิ้นสุดสถานะกันแล้ว”
“คิดดีแล้วเหรอคะ นมไม่อยากให้คุณหนูตัดสินใจผิดพลาดหรอกนะ แต่ก็เอาเถอะค่ะนมยอมรับการตัดสินใจของคุณหนูและคุณณิ เดี๋ยวนมไปหาน้ำเย็น ๆ มาให้คุณหนูดีกว่านะคะ”
จิรภัทรพยักหน้ารับ ร่างสูงเดินไปเอนกายลงบนโซฟาหรูที่อยู่กลางห้องแทน นั่งคิดกับเรื่องที่พูดคุยกับณิชาวีร์เมื่อเช้ามาทั้งวัน ไม่รู้ข้อเสนอของอีกคนที่จะยื่นให้ในวันพรุ่งนี้คืออะไร แต่ไม่ว่าหญิงสาวจะเรียกร้องอะไรจากเขา เขาก็จะยอมยกให้เพื่อให้ได้อิสระในชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง เพราะเงินทองเป็นของนอกกาย เขามีโอกาสและมีสติปัญญาที่จะหากลับคืนมาอีกครั้งจนได้แน่ ๆ
แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว ณิชาวีร์ก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน แม่นมจันทร์วาดได้แต่ยืนชะเง้อคอมองอย่างรู้สึกเป็นห่วงอีกคนนัก
จิรภัทรที่อยู่ในชุดนอนเดินลงบันไดมาเจอถึงกับต้องส่ายหน้าให้อย่างอดไม่ได้
“เขาไม่ใช่เด็กแล้วนะครับนม ไม่ต้องมายืนคอยให้ปวดขาหรอกครับ ผมว่านมควรกลับไปนอนพักผ่อนให้สบายดีกว่านะ ถ้าเขาอยากจะกลับเดี๋ยวเขาก็คงจะกลับมาเองหรือถ้าไม่อยากกลับมันก็สุดแล้วแต่เขา นมจะมายืนคอยแบบนี้ทั้งคืนมันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกนะครับ”
“ก็นมเป็นห่วงนี่คะ คุณณิไม่เคยไปไหนนานแบบนี้มาก่อนเลย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปอยู่ที่ไหนกับใคร นมโทรหาก็โทรไม่ติด”
“เดี๋ยวเขาก็ไม่อยู่ให้นมเป็นห่วงแล้วล่ะครับ นมห่วงตัวเองเถอะอย่าไปห่วงเขาเลย ผมขอตัวไปเอาน้ำดื่มก่อนนะนม”
จิรภัทรเดินตรงไปที่ครัวเพื่อหาน้ำดื่มอย่างที่ปากว่า แม่นมจันทร์วาดได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่บึกบึน พร้อมกับเสียงถอนหายใจยาว รู้สึกเหนื่อยแทนกับชีวิตของเจ้านายมากเหลือเกิน
“เลิกแล้วต่อกันคงจะเป็นทางออกที่ดีแล้วสินะแบบนี้ เมียหายทั้งคนผัวก็ยังจะไม่สนใจอีก ไม่ผิดเลยสักนิดที่คุณณิจะตัดใจจากลาได้ง่าย ๆ”
แม่นมจันทร์วาดจึงเลือกเดินกลับไปยังห้องพักของตัวเองอีกครั้ง ไม่อยากทำให้เจ้าของบ้านต้องมายืนบ่นอีกถ้าไม่ยอมทำตามและตอนนี้ก็ดึกดื่นชวนให้ง่วงนอนมากแล้วเหมือนกัน
จิรภัทรนอนอยู่บนเตียงกว้าง ดวงตาเบิกกว้างภายใต้ความเงียบที่กำลังปกคลุม สายตาคมหันไปมองเตียงที่แลดูว่างเปล่า สามปีมาแล้วเขาแทบจะไม่ได้มีที่ว่างข้างเตียงให้รู้สึกแปลกเหมือนคืนนี้เลยสักครั้ง ณิชาวีร์ไปนอนที่ไหนกันนะ ทั้งที่บ้านก็ไม่มีให้กลับ พ่อแม่ก็ไม่มีให้คิดถึง ความรู้สึกห่วงเกิดขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“ช่างเขาสิ พรุ่งนี้บ้านนี้ก็จะไม่มีณิชาวีร์อีกแล้วนี่นา”
เสียงทุ้มภายใต้ความมืดบ่นพึมพำขึ้น ก่อนจะนอนตะแคงข้างหันออกไปอีกฝั่งของเตียงในทันที
ทางด้านณิชาวีร์ ที่พึ่งพิงหนึ่งเดียวในเวลานี้คงหนีไม่พ้นรุ่นพี่ที่เคารพรัก คนที่พร้อมจะช่วยเหลือและรับฟังทุกปัญหาในชีวิตของเธอได้ แม่น้ำเจ้าพระยาเวลากลางคืนช่างเงียบสงบยิ่งนัก ดวงตากลมโตคู่สวยจับจ้องมองแสงไฟบนสะพานสูงอย่างครุ่นคิด ทำให้คนที่นั่งอยู่เคียงข้างกันต้องหันหน้ากลับไปถาม
“จะนั่งอยู่ตรงนี้อีกนานไหมณิ ณิพาพี่มานั่งตรงนี้ตั้งแต่ทุ่มหนึ่งแล้วนะ”
ต้นตระกูลรู้สึกเห็นใจหญิงสาวอยู่ไม่น้อย เพราะณิชาวีร์เพิ่งจะหยุดร้องไห้ได้ไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ที่เจอกันหญิงสาวก็เอาแต่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นให้ได้ยินอยู่นานหลายชั่วโมงเลย
“ณิไม่อยากกลับค่ะพี่ต้น นั่งอยู่แบบนี้ณิสบายใจมากกว่า”
“แล้วไม่คิดจะโทรไปบอกเขาหน่อยเหรอ เผื่อคนที่บ้านจะเป็นห่วงเราไง”
“ห่วงเหรอคะ เขาคงไม่ห่วงอะไรณิหรอก พรุ่งนี้เราก็จะกลายเป็นคนอื่นสำหรับกันไปแล้ว”
ดวงตากลมโตคู่สวยแดงก่ำขึ้นมาอีกหน หยดน้ำใสไหลเอ่อท่วมดวงตาอย่างอดไม่ได้ ความเจ็บปวดและเสียใจยังคงตอกย้ำให้หัวใจดวงน้อยรู้สึกปวดหนึบ สามปีสำหรับเธอมีค่ามากมายนัก เป็นสามปีที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องสิ้นสุดด้วยคำว่าหย่าร้าง เป็นสามปีที่คิดว่าจิรภัทรคือคนที่เธออยากฝากชีวิตไว้กับเขาและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปด้วยกันได้ แต่มาในวันนี้ความฝันและความหวังที่มีกลับมลายหายไปไม่เป็นท่า ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งความรักที่มีให้กับจิรภัทรจะมาถึงทางตัน ก่อนตัดสินใจแต่งงานกับเขาเธอใช้เวลาคบหากับเขามานานนับปี ความเสมอต้นเสมอปลาย ความน่ารักและเอาใจใส่ที่จิรภัทรมีให้ ทำให้ต้องใจอ่อนยอมที่จะตกลงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่เขารัก เป็นแค่ที่พักกายพักใจเวลาเหงาก็เพียงเท่านั้น
“คิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้?”
ณิชาวีร์หันหน้ามามองคนที่ถามทั้งน้ำตาอีกหน
“ค่ะ มันเป็นทางออกเดียวสำหรับชีวิตของณิแล้วพี่ต้น”
“มันปรับจูนกันไม่ได้เลยเหรอณิ คำว่าหย่ามันควรจะเป็นทางออกสุดท้ายของชีวิตครอบครัวนะ”
“ณิควรจะพอและเป็นคนถอยออกมาเองดีแล้วค่ะพี่ต้น ถ้าเป็นพี่ต้นพี่จะอยู่กับคนที่เขาหมดรักหรือไม่เคยรักเราต่อได้อยู่อีกเหรอคะ?”
“เพ้อเจ้อ ถ้าเขาไม่รัก เขาจะแต่งงานกับณิทำไมกัน”
“แต่งเพื่อเป็นตัวแทนของใครอีกคน แต่งเพื่อประชดคนเก่าไงคะพี่ต้น ณิไม่ได้มีคุณค่าพอกับชีวิตเขาขนาดนั้นหรอกนะคะ”
“ใครวะมันจะบ้าแต่งงานประชดแฟนเก่า มันมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละณิ พี่ว่าณิคิดมากไปเองมากกว่า”
“ไม่หรอกค่ะ ณิไม่ได้คิดมากหรือคิดไปเอง ณิรู้แค่ว่ามันถึงเวลาที่ณิจะต้องถอยออกมาจากตรงนั้น เจ็บวันนี้ดีกว่าเจ็บตลอดไปไม่ใช่เหรอคะพี่ต้น?”
ต้นตระกูลได้แต่จ้องมองดวงตาที่ดูเศร้าของคนที่นั่งข้าง ๆ อย่างรู้สึกเหนื่อยใจแทนนัก ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาเป็นทนายความทำเรื่องหย่าร้างให้กับณิชาวีร์เลยสักครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาคิวของเธอจนได้สินะ เฮ้อ...ทำไมชีวิตคู่ถึงไม่มีคำว่าตลอดไปสำหรับทุกคนบ้าง....