“ลมพายุเหี้ยอะไรเนี่ยหอบมึงมา ปกติมึงมากินร้านพวกนี้กับกูซะที่ไหน” พี่ต้นถามด้วยความสงสัย
“ลมเหี้ยไร กูแค่เบื่อๆจะหาเพื่อนกินเหล้าด้วยแค่นั้นแหละ” หันไปเถียง พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆต้น ฝั่งตรงข้ามพริบพราวพอดิบพอดี
“อ้าวไอ้พอร์ชกับเอิร์ธล่ะ ปกติพวกมึงจะไปกินไปเที่ยวด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
“มันไปหาสาว”
“อ่อ มึงก็เลยมาหาสาวเหมือนกันงี้” ยิ้มแกล้งแซวพลางส่งหน้าล้อเลียนไปให้เพื่อน หัวเราะร่วนพร้อมกับเหล่ตามองทำทีจับผิด
“พวกมึงเนี่ยนะสาว แก่จะลงโลงอยู่ล่ะ”
“อ้าวไอ้นี่ หยาบคาย เดี๋ยวกูหยิบซากกระดูกไก่กูยัดใส่ปากมึงหรอก” อ้อมหันมาแยกเขี้ยวใส่ พร้อมกับหยิบเศษกระดูกที่ตัวเองแทะวางไว้ขอบใจขึ้นชี้หน้าขู่แบบไม่จริงจังนัก สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะ
“แหม่ๆ มึงลืมน้องพราวกับน้องแป้งแล้วเหรอจ๊ะ กำลังอยู่ในวัยขบเผาะน่ากินเชียว”
“หึหึ มึงนี่พูดเยอะว่ะ เอาเหล้ามาให้กูดีกว่ายิ้ม” ภาคิณแกล้งเปลี่ยนเรื่องเฉไฉ พลางเหลือบมอง สบสายตาของรุ่นน้องที่ตัวเองตั้งธงเอาไว้ว่าสนใจ ยกยิ้มมุมปากให้ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนตัวเองทั้งสามคนอย่างออกรส บ่อยครั้งที่หันมายิ้มและสบตาหญิงสาวตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้พูดหรือชวนคุยอะไรเป็นพิเศษ จนเวลาใกล้เที่ยงคืน ร้านอาหารใกล้ปิด เขาถึงหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความบางอย่าง
‘เดี๋ยวพี่ไปรอที่ลานจอดรถนะ ออกจากร้านทักบอกด้วยเดี๋ยววนมารับ’
“เห้ยพวกมึงกูกลับก่อนล่ะ กูมีธุระ เดี๋ยวมื้อนี้กูเลี้ยงเอง ฝากมึงจัดการด้วยนะยิ้ม กูไปล่ะ” พูดพลางส่งยิ้มให้ทุกคนไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษ ก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างอารมณ์ดี จนเพื่อนๆไม่ได้เอะใจหรือสงสัยอะไรเลยสักนิด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่มีนิสัยผีเข้าผีออกแบบนี้อยู่แล้ว บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป
พริบพราวอ่านข้อความในมือถือใจเต้นโครมคราม กอปรกับท่าทีที่เขาเหมือนจะทำเฉยๆไม่ได้สนใจแต่กลับส่งข้อความมานัดแนะเธอ มันยิ่งทวีความตื่นเต้นมากขึ้น
“งั้นพราวขอตัวกลับก่อนนะคะ พอเรียกแกร็บมารับแล้วเขามาถึงพอดีค่ะ”
“อ่อจ้ะ งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” หญิงสาวส่งยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ทุกคน โดยไม่ลืมโบกมือให้กับปั้นแป้ง ก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของเพื่อนร่วมรุ่นมองตามด้วยความสนใจ
ภาคิณจอดรถเทียบริมถนนซุ่มรออยู่ห่างจากตัวร้านพอสมควร พอเห็นหญิงสาวรุ่นน้องเดินออกมานอกร้าน ก็รีบขับรถมารับทันที
“พี่คิณณ์”
“ขึ้นรถเร็ว” เอ่ยเร่ง พร้อมกับชะโงกตัวเอื้อมมือมาเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับให้เธอขึ้นมานั่ง ก่อนจะรีบขับรถออกไปทันทีราวกับกลัวใครจะออกมาเห็น
“ทำไมต้องทำลับๆล่อๆด้วยคะ ดูตลกยังไงก็ไม่รู้”
“หึหึ พี่แค่ยังไม่อยากให้ใครรู้น่ะ ทำไมคิดมากเหรอ”
“เปล่าค่ะ แค่สงสัยว่าทำไมต้องทำลับๆล่อๆ”
“ไม่รู้สิ พี่ก็เป็นแบบนี้มั่ง ถึงได้ฉายาผีออฟฟิศไง เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่”
“เออใช่จริงด้วย พราวลืมไปเลย” หัวเราะออกมาเบาๆ
“ต่อไปรอพี่กลับบ้านด้วยนะ พี่จะเป็นพี่แกร็บคอยรับส่งเราเอง”
“ค่ะ พี่คิณณ์” เธอตอบรับด้วยรอยยิ้ม แววตาเป็นประกาย หันไปมองเขาที่หันมาสบตาเธอเข้าพอดี ด้วยอาการขวยเขินอย่างปิดไม่มิด จนเขาขับรถมาบริเวณซอยบ้านของหญิงสาว ที่พอถึงเวลาดึก บริเวณในซอยทางเข้าจะค่อนข้างเงียบและเปลี่ยวพอสมควร เพราะเป็นถนนส่วนบุคคลทำให้ไม่ค่อยมีรถสัญจรเท่าไหร่นัก
“พี่คิณณ์จอดรถทำไมคะ บ้านพราวอยู่ข้างหน้าตรงโน้นนะคะ” พริบพราวหันมาถามสีหน้าตระหนกตกใจไม่น้อย เพราะตรงนี้ค่อนข้างมืดและไกลเกือบห้ารอยเมตรกว่าจะถึงหน้าบ้านของเธอ
“หึหึ พี่ไม่ได้จะให้พราวลงตรงนี้สักหน่อย ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะ”
“อ้าว....แล้วพี่คิณณ์จอดรถทำไมคะ”
“อยากอยู่ด้วย...แปบนึงได้ไหม” ทอดเสียงหวานออดอ้อน พลางหันมามองสบตาซึ้ง สายตาที่ทำให้ขนอ่อนในกายลุกซู่ หนาวไปทั้งร่าง คิดไม่ถึงว่าจะถูกเขาจู่โจมเร็วขนาดนี้ ก่อนที่มือของเขาจะเลื่อนมาวางทาบทับบริเวณต้นขาขาวๆที่พอหญิงสาวนั่งแบบนี้แล้วกระโปรงสอบที่สั้นเลยเข่าร่นขึ้นมาเล็กน้อย
“พะ....พี่คิณณ์เมาเหรอคะ” ถามเสียงสั่น ทั้งประหม่าและตกใจในคราวเดียวกัน
“หึหึ ทำไมเราเสียงสั่นแบบนั้น หื้อ ตื่นเต้นเหรอคะ” เขาถามเสียงพร่า พลางโน้มใบหน้าเข้าหา สูดดมกลิ่นกายหอมละมุนที่ทำให้เขารู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก
ยามมือที่เขาค่อยๆลูบไล้ขึ้นมาเรื่อยๆจากต้นขา จนถึงบริเวณที่ทำให้ถึงกับสะดุ้งเบาๆเมื่อเขาสัมผัสผ่านเนื้อผ้าของกระโปรงบริเวณขาอ่อนใกล้จุดอ่อนไหวที่ทำให้เธอต้องรีบจับมือเขาไว้ก่อนที่เขาจะทำอะไรมากกว่าที่เธอคิดและจินตนาการ หัวใจเธอเต้นโครมคราม หายใจแทบไม่ออก
“ทะ...ทำไรคะ พี่คิณณ์” ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปกดจูบริมฝีปากของเธอแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนที่ร่างกายและความคิดจะค่อยๆประมวลผลให้กลไกในร่างกายเป็นไปตามความต้องการของห้วงอารมณ์ที่เขาพยายามปลุกปั้นสร้างให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม
ริมฝีปากหนาที่พยายามบดคลึง ขบเม้มไล้ต้อนตวัดปลายลิ้นอุ่นชื้นแทรกผ่านกลีบปากเล็ก หยอกเย้าลิ้นเล็กๆที่พยายามเรียนรู้ที่จะจูบตอบเขาอย่างไม่ประสานัก เข้าไปยังโพรงปากเล็กที่พยายามเรียนรู้ที่จะใช้ปลายลิ้นตัวเองตวัดหยอกเย้าเขาคืนอย่างไม่ประสา จนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ มือหนาลูบไล้บริเวณโคนขาอ่อน ค่อยๆลูบผ่านหน้าท้องเรื่อยมาจนถึงยอดอกอวบอิ่ม บีบเค้นขยำหน้าอกที่ จนเกิดเสียงครวญครางกระเส่าดังจากหญิงสาว
พริบพราวหอบหายใจแรง ตื่นเต้นกับสัมผัสที่ไม่เคยได้รับ ความวาบหวามรัญจวนให้หัวใจเต้นโครมคราม มือหนาลูบไล้ค่อยๆสอดแทรกเสื้อนักศึกษาเข้าบีบขยำผ่านชุดชั้นในลูกไม้อย่างชำนาญ
จูบแสนเร้าร้อนค่อยๆทวีความดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ ก่อนจะถอดถอน เลื่อนริมฝีปากจูบไล่ตามกรอบหน้า ดูดเม้มซุกไซ้เรื่อยไปบริเวณซอกคอระหงที่หอมกรุ่นในกลิ่นแบบที่เขาชอบเร่ง ตั้งใจปลุกอารมณ์รักของหญิงสาวให้ทวีความต้องการเขามากขึ้น
ร่างเล็กส่งเสียงหวานครวญครางอื้ออึง ในขณะที่มือของเขาค่อยๆปลดเปลื้องเม็ดกระดุมจากเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ดๆโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว กว่าจะรู้ตัวเสื้อสีขาวตัวเล็กหลุดลุ่ยจนแทบจะหลุดออกจากร่างอยู่แล้ว
“งื้อพี่คิณณ์....หยุดก่อนค่ะ”
“ครับ?.....หยุดทำไมหื้อ” ถามในขณะที่มือก็ปลดสายชุดชั้นในลูกไม้สีดำที่พอเขาได้เห็นถึงแม้จะมีเพียงแสงสว่างรำไรจากนอกรถ แต่ก็ทำให้ลมหายใจของเขาแทบสะดุด กับขนาดหน้าอกใหญ่โตเกินกว่าที่เขาคิด จินตนาการไว้มาก
“ม่ะ...มันเร็วไป อย่าเพิ่งเลยค่ะ” เสียงหวานบอกเสียงหอบกระเส่า นัยน์ตาหวานเยิ้มด้วยอารมณ์รักที่พลุพล่าน ภาคิณได้ยินยกยิ้มมุมปากก่อนจะก้มหน้าลงกับอกสวย ดูดดึงขมเม้มยอดปทุมถันสีชมพูเรื่อ มืออีกข้างทั้งจับทั้งนวดเฟ้นอกสวยอีกข้างอย่างไม่ให้น้อยหน้ากัน ก่อนจะใช้ปลายลิ้นร้อน ดูดตวัดสลับไปมายังยอดอกอีกข้างจนเกิดเสียงหวานครวญครางร้องเรียกเขาไม่หยุด
“งื้อ....พี่คิณณ์...อะ...อ่า...พี่คิณณขา..พะ...พี่คิณณ์หยุด...หยุดดดก่อนค่ะ”
ใบหน้าหล่อถอยห่างจากอกสวย มองใบหน้าหวานที่ปรือตามองเขานัยน์ฉ่ำหวานเยิ้มด้วยอารมณ์รักที่พุ่งทะยานขึ้น เสียงหอบหายใจกับหน้าอกสวยที่กระเพื่อมขึ้นลง น่ามองน่าหลงใหลจนเขาไม่อาจละสายตาได้เลยสักนิด
ชายหนุ่มเช็ดคราบน้ำหวานจากริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะกดบดจูบที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง
“วันนี้พี่มัดจำไว้ก่อนนะ คราวหน้าพี่จะมาทวงที่เหลือ” คำพูดของเขาที่ทำให้หัวใจเธอสั่นหวิว วูบวาบไปทั่วท้องน้อย มองสบตาเขาใจสั่นระรัว