หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
เธอกำลังเตรียมตัวย้ายเข้าคอนโดใหม่ที่คุณพ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ที่มีวิวทิวทัศน์ดีที่สุดในกรุงเทพฯ แถมยังแพงที่สุดอีกด้วย
Empire Rich
นั่นแหละชื่อคอนโดที่คุณพ่อควักเงินสดซื้อให้ ซึ่งเป็นโครงการที่ครอบครัวของเธอร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ ตอนแรกทางนั้นจะลดให้แต่คุณพ่อบอกไม่สมฐานะ ‘ลูกสาวจากตระกูลซาน’ สอนให้ลูกสาวเป็นคนประหยัดแต่ตัดภาพไปที่ตัวเอง…
เธอยืนจัดดอกไม้ใส่แจกันอย่างสวยงามท่ามกลางแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา สวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นสบายๆ เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ ทำให้บรรยายกาศอบอวลไปด้วยความสุข แม้จะอยู่คนเดียวก็ตาม
เสียงฮัมเพลงดังเล็ดลอดออกมาบอกว่าเธอกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ทำ เมื่อจัดดอกไม้เสร็จสรรพ มองกลับมายังก้านเอย ใบเอยก็…เริ่มขี้เกียจเก็บ
แต่ก็ต้องเก็บ เพราะอยู่ที่นี่ไม่มีใครคอยช่วยเหมือนตอนอยู่บ้าน อยากออกมาใช้ชีวิตคนเดียวก็ต้องแลกมาด้วยการทำอะไรเอง ตอนแรกคุณแม่บอกให้เอา ‘พี่ลัน’ พี่เลี้ยงตั้งแต่ยังเด็กมาอยู่ด้วย แต่เธอปฏิเสธเพราะอยากลองอยู่คนเดียว
“ทำไมมันยากขนาดนี้…” บ่นงึมงำคนเดียวขณะกำลังเก็บก้านและใบจากดอกไม้ที่ซื้อมาจัดใส่แจกันตกแต่งคอนโดทิ้ง
ครืด ครืด
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าจากคนเป็นแม่ มือเล็กคว้ามากดรับสายโดยไม่ปล่อยให้คนเป็นแม่รอนาน
“ค่ะคุณแม่”
(ลูกลืมไปตรวจร่างกายเหรอมีญ่า)
ตายจริง…
ลืมไปเลยว่าเธอต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ถ้าคุณแม่ไม่โทรมาบอกนี่ลืมสนิทเลย ยิ่งเป็นคนขี้ลืมอยู่ด้วย
“ใช่ค่ะ มีญ่าลืมสนิทเลยค่ะคุณแม่”
(ว่าแล้ว แม่เลื่อนนัดให้เป็นพรุ่งนี้สิบโมงเช้า ห้ามลืมอีกนะ)
“ขอบคุณค่า น่ารักจังง”
(ชมแม่เก่งแบบนี้ เดี๋ยวพาไปเลี้ยวขนม)
“นัดวันมาเลยค่ะ มีญ่าชอบของฟรี”
(เด็กคนนี้… แค่นี้แหละ แม่ช่วยงานคุณพ่อก่อน)
“โอเคค่า ฝากความคิดถึงไปหาคุณพ่อด้วยนะคะ”
(จ้า)
เธอวางสายจากคุณแม่แล้วหันกลับมาจัดการกับกองขยะตรงหน้าต่อ
•••
โรงพยาบาลภูริธนากุล
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงร้องเท้าส้นสูงสองนิ้วกระทบลงบนทางเดินของโรงพยาบาล มีญ่าสวมชุดเดรสสายเดี่ยวลายลูกไม้สั้นประมาณหัวเข่า สะพายกระเป๋าจากแบรนด์หรู เครื่องประดับที่น้อยแต่ราคาไม่น้อยอย่างที่คิด เธอกำลังเดินตรงไปยังห้องสำหรับตรวจร่างกาย
“สวัสดีค่ะคุณมีญ่า” พยาบาลหน้าห้องตรวจลุกขึ้นยกมือไหว้ทักทายมีญ่า
“นัดคุณหมอเอาไว้กี่โมงคะ”
“นัดไว้สิบโมงเช้าค่ะ” เธอไม่ได้มาเลทและไม่ได้มาตรงเวลาเป๊ะ เหลือบมองนาฬิกาบนผนังเมื่อครู่พบว่าเหลือเวลาอีกตั้งยี่สิบนาที
“เอ่อ…คุณมีญ่าสะดวกรอก่อนไหมคะ พอดีตอนนี้คุณหมอติดคนไข้อยู่คนนึงค่ะ” พยาบาลสาวพูดอย่างเกรงใจคุณหนูจากตระกูลที่มีอิทธิพล
“ได้ค่ะ” เธอตอบ ก่อนจะเดินไปนั่งรออย่างไม่เรื่องมาก เวลานัดคือสิบโมงเช้า แถมตอนนี้เหลืออีกตั้งยี่สิบนาที รอสักแป๊บคงไม่เป็นอะไร
แต่…
ผ่านไปสิบโมงกับอีกสิบนาที…
ไม่เป็นไร รอก่อน เผื่อคุณหมอต้องใช้สมาธิในวินิจฉัย
ผ่านไปสิบโมงกับอีกยี่สิบนาที…
เธอเริ่มเงยหน้ามองประตูห้องตรวจจนพยาบาลคนนั้นมีสีหน้าเลิ่กลั่ก
ผ่านไปสิบโมงกับอีกสี่สิบห้านาที…
เธอตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาพยาบาลคนนั้น นัดไว้สิบโมงตรงนี่ผ่านมาสี่สิบห้านาทียังไม่มีวี่แววจะได้เข้าไปตรวจร่างกาย
“อีกนานไหมคะ”
“เอ่อ กะ…ใกล้แล้วค่ะ”
“สี่สิบห้านาทีแล้วนะ”
“เดี๋ยวบอกคุณหมอให้นะคะ”
“คุณหมอ…ว้าย!”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เธอที่กำลังกลับไปนั่งหันไปมองประตูห้องตรวจ ก่อนจะปรายมองพยาบาลที่ทำหน้าตกใจ ชักสงสัยแล้วสิว่าคุณหมอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่…
“คุณมีญ่า…”
เธอเดินเชิดผ่านพยาบาลไปเปิดประตูห้องตรวจเพราะรอไม่ไหวแล้ว ทันทีที่เปิดเข้าไปกลับต้องชะงัก ภาพผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดเดรสเกาะอกรัดรูปนั่งอยู่ตรงพื้น ถ้าให้เดาคงล้มเพราะเมื่อครู่ได้ยินเสียงร้องว้าย
ถัดไปคือคุณหมอในเสื้อกาวน์ที่ยืนหันหลังทำอะไรก็ไม่รู้เหมือนยุ่งอยู่ เธอดึงสายตากลับมามองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง คราวนี้เหมือนหล่อนอายรีบลุกขึ้นแล้วดึงกระโปรงที่เลิกขึ้นจนเกือบเห็นชั้นในลงดีๆ
มาหาหมอหรือมาอ่อยหมอ?
“ตรวจคนไข้คนนี้เสร็จรึยังคะ มันเลยเวลานัดฉันมาสี่สิบห้านาทีแล้ว” รับบทคุณหนูขี้วีนแล้วหนึ่ง เป็นใครจะไม่โมโหบ้าง นั่งรอเกือบหนึ่งชัั่วโมงทั้งที่นัดไว้ตั้งแต่สิบโมงเช้า
คุณหมอหนุ่มที่กำลังยุ่งกับบางอย่างชะงัก ก่อนจะหมุนตัวกลับไปมองเจ้าของน้ำเสียงไม่พอใจเมื่อครู่ คนอยู่ในเสื้อกาวน์ไม่ได้ตกใจที่รู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงเป็นใคร หากแต่เป็นมีญ่าต่างหากที่แสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด
ไม่จริง…
คนตรงหน้าเธอ ทำไมถึงเป็นเขาไปได้ล่ะ?
คุณหมอที่จะต้องตรวจร่างกายให้เธอในวันนี้ กลับเป็นคนเดียวในคืนนั้นที่…ทำให้เธอไม่เคยลืมคืนอันเร่าร้อนในคืนนั้น
“นาย…”