ตอนที่ 5 หน้ากล้อง

2350 คำ
ตอนที่ 5 หน้ากล้อง “ดุขนาดนี้เลยเหรอวะ” ผมหดคอมุดลงไปนั่งต่อสายพ่วงคอมพิวเตอร์ ตั้งใจทำงานของตัวเองต่อ กระทั่งเสร็จแล้วจึงกลับลงมายังแผนกตัวเอง ไม่คิดว่าความดุดันของท่านประธาน จะลามมาถึงแผนกไอทีของผมด้วย “เกิดอะไรขึ้นพี่” ผมเดินไปสะกิดรุ่นพี่คนหนึ่ง “ระเบิดลงนะสิ เมื่อเช้าอุตส่าห์รอดตาย ส่วนตอนบ่ายตายหมู่ ไม่รู้คุณนัทไปกินรังต่อหัวเสือที่ไหนมา ฆ่าล้างโคตรทั้งบริษัทเลย คนอะไรวะดุฉิบหาย” “มึงโทรไปหาฝั่งกระบี่เลยนะ ให้พวกมันแกล้งทำเหี้ยอะไรก็ได้ แล้วรีบเอาตัวคุณนัทกลับกระบี่ไปเลย” “พวกมันเพิ่งโทรมาบอกผมว่าให้รั้งคุณนัทไว้ที่นี่อีกสัก 3-4 วัน ทางนั้นก็เพิ่งหายใจเต็มปอด” ผมนั่งฟังพนักงานนินทาท่านประธานจนได้เวลาเลิกงาน แล้วรีบตรงกลับมาห้อง ทันทีเมื่อเปิดประตู ผมเกือบยกโทรศัพท์กดโทรเรียกตำรวจแล้ว เพราะคิดว่ามีโจรโรคจิตบุกเข้ามาข่มขืน “อื้อคุณ...ใจเย็นสิขอพักก่อน” “ไม่!” ขาสองข้างยังก้าวเข้าห้องไม่พ้นโถงทางเดิน แผ่นหลังผมถูกอัดก๊อบปี้เข้าไปติดผนัง เสียงกระดุมเสื้อเชิ้ตขาดดังปึ้ดๆ กระเป๋าสะพายข้างถูกขว้างโยนหายไปทางไหนผมไม่ทันมอง ฝ่ามือหยาบฟาดบีบลงมาบนสะโพกก่อนจะยกผมลอยขึ้นจากพื้น “จะเอาตรงนี้เลยเหรอ” ผมกดสายตาลงไปมองแท่งเนื้อดุ้นยาว ซึ่งเจ้าของมันถลกร่นขอบกางเกงไหลลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มเหมือนตั้งท่ารอผมมานานแล้ว “ใช่” “อ๊าก...เบาๆ เจ็บ” ผมแหกปากร้องลั่นเมื่อปากกว้างอ้ากัดลงมาบนกล้ามเนื้อช่วงอก มือหนักบีบก้อนไขมันผสมกล้ามเนื้อทำให้มันเป็นก้อนใหญ่แล้วดูดฟัด ทั้งกัด ทั้งเม้ม เกิดเป็นรอยแดงเกลื่อนตัว สะโพกแน่นกระแทกรัวลงมาจนไม่มีเวลาให้ผมได้พัก เสียงครางจากดังเปลี่ยนเป็นแหบแห้งแทบไม่มีแรงกระดกลิ้น “พอก่อน ขอเวลานอก” ผมร้องประท้วงหลังจากโงหัวขึ้นมาจากท่าร่วมรักสุดพิสดาร ซึ่งถูกผัวจับกดหัวทิ่มลงไปจนต้องใช้หัวไหล่ยันพื้นรองรับแรงกระแทกที่ผัวตัวแสบตะบี้ตะบันบดเอวลงมาใส่ ผมดีดปลายขาเตะเข้าปลายคางผัว แล้วขยับตัวหนีลงไปนอนในท่าปกติ มือคลึงบีบนวดกล้ามเนื้อช่วงเอวที่เหมือนจะเคล็ดเพราะเล่นท่ายากมากไปหน่อย “เหนื่อยแล้วเหรอ” ร่างฉ่ำชุ่มเหงื่อขยับปากลงมาลากจูบดูดหัวนมผมไม่หยุด “เหนื่อยสิถามได้ เอวเคล็ดหมดแล้ว พรุ่งนี้ผมยังต้องไปทำงานอีกนะ คุณเล่นท่ายากแบบนี้ ถ้าพรุ่งนี้ผมต้องเดินขาถ่างไปทำงานนะ ผมจะโกรธคุณ” “ก็เธอยั่วฉันก่อนนี่เมื่อตอนเที่ยง รู้หรือเปล่าฉันนั่งปวดหัวไมเกรนทั้งวัน เพราะเธอไม่ยอมให้ฉันทำ รู้หรือเปล่าว่าฉันทรมานมากแค่ไหน” หน้าบึ้งปากคว่ำก้มลงมามองผมเหมือนตัดพ้อ “แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยังครับ...โถ โถ โถ น่าสงสารจังเลย จุ๊บ” ผมถามอย่างห่วงใยแฟนหนุ่ม แล้วเอียงแก้มแข็งๆ นั้นมาจุ๊บเสียหนึ่งทีเป็นการง้อ “อืม” “ถ้าอยู่ห้องก็ว่าไปอย่างจะให้เอาไม่ขัดขืนเลย แต่นั่นมันที่สาธารณะจะมาปล้ำ มาปี้กันมันไม่เหมาะนี่ครับ แล้วนี่ออกไป 2 น้ำแล้วสบายตัวขึ้นแล้วใช่หรือเปล่า หิวข้าวมั้ยผมจะโทรลงไปสั่งอาหารให้” “อยากเอาอีก” แฟนหื่นแอบอ้อนขอซ้ำกิจกรรมบริหารกล้ามเนื้อส่วนเอว “เอาอีกก็ได้ แต่ตอนนี้ผมหิวข้าว ปลาดิบเมื่อกลางวันมันย่อยหมดแล้ว แถมเมื่อกี้ยังใช้พลังงานไปหลายพันแคลอรี่ เพราะฉะนั้นกินก่อนครับ คุณด้วย...เมื่อกลางวันกินข้าวไปนิดเดียวเอง ไม่ดื้อนะครับบบบบบ” ผมใช้ไม้อ่อนอ้อนผัวเพื่อเอาตัวรอด ส่วนหนึ่งเพราะผมเองก็ต้องการพักและอีกส่วนก็เป็นห่วงคนหื่นนั่นแหละ "โอเค พักก่อนก็ได้" "น่ารักที่สุดเลย แฟนใครนะเนี่ย" ผมยื่นจมูกไปหอมแก้ม ขยับลุกขึ้นมานั่งจากนั้นเดินไปตามเก็บเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งเรี่ยราดเต็มพื้นห้อง แล้วเดินประคองกอดเอวผัวพาเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวจนเรียบร้อย “ผมไปทำงานก่อนนะ” ผมเขย่งปลายเท้ายืดตัวขึ้นไปหอมแก้มแฟนหนุ่มตรงหน้าประตูห้อง “ตอนเที่ยงฉันไปรับทานข้าวนะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย” “อือ...ผมไม่ค่อยรู้ว่าแถวนี้มีร้านอะไรอร่อย คุณหาแล้วกันผมกินได้หมด” "ถ้าอย่างนั้น กลับมากินข้าวที่ห้องกัน" "รู้นะคิดอะไร" ผมยักคิ้วอย่างรู้ทัน "ถ้ารู้อย่างนั้นโอเคมั้ยล่ะ" "เดี๋ยวมันยาว ผมต้องกลับไปทำงานอย่าลืมสิครับ อีกอย่างเมื่อเช้าผมอุตส่าห์ตื่นมาขี่ม้าก้านกล้วยให้ไปตั้งรอบหนึ่งแล้ว ให้ผมพักบ้างสิ" "โอเค ถ้าอย่างนั้นเที่ยงนี้ฉันจะให้รางวัลเธอด้วยอาหารมื้อพิเศษ" ผมเดินฮัมเพลงอย่างมีความสุขออกจากคอนโด ก่อนความสุขของผมจะมาสะดุดแล้วระเหยหายไปตอนที่เข้ามาเจอหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานนั่งเอาพวงมาลัยดอกไม้กับธูปกำใหญ่ไหว้ศาลพระภูมิหน้าตึก “ทำไรกันพี่” “บนให้โรงแรมที่กระบี่มีปัญหา ท่านประธานจะได้รีบกลับไปไวๆ” “หา...ขนาดต้องบนกันเลยเหรอ” “เออ เมื่อเช้า เลขาคุณนัทไลน์เข้ากลุ่ม บอกว่าวันนี้มีเรียกประชุมด่วนอีกแล้ว ฉิบหายเอ๊ยกูตายเกิด ตายเกิด ไม่ได้ผุด ได้เกิดกันสักที สาธุ รถเครนพัง แบ็คโฮชน คนงานขี้แตก อะไรก็ได้แต่ท่านช่วยเอาท่านประธานกลับกระบี่ไปเร็วๆ นะครับ ผมจะมาถวายน้ำแดงสัก 10 ขวด ไอ้วีมาช่วยกันบนสิวะ” คนพูดยกธูปกำใหญ่ที่มีควันโขมงปักลงไปในกระถางทราย “อ่อ...ครับ” ผมนั่งลงยกมือไหว้ศาลตามรุ่นพี่แล้วช่วยอธิษฐานว่าขอให้ไอ้ท่านประธานมันรีบๆ ไป เพราะทุกคนจะได้เลิกประสาทแดกแบบนี้สักที “วันนี้ฉันไม่ได้กลับไปนอนด้วยนะ” เจ้าของสีหน้าขรึมเอ่ยเสียงเข้มระหว่างมื้อเที่ยง “ทำไมล่ะ” “ฉันมีงานด่วนต้องรีบไปเคลียร์ กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วจะรีบบินไปเลย” “อ้าว แล้วคืนนี้ผมจะนอนกอดใคร” “ฉันเคลียร์งานเสร็จแล้วจะรีบกลับมาหา อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย” “ก็ต้องได้แหละ แล้วคุณจะไปกี่วัน” “คงสัก 3-4 วัน บัตรเครดิตนี่เอาเก็บไว้ใช้นะ อยากได้อะไรก็รูดซื้อเอา” บัตรเครดิตสีเงินเงาวับ มีตราธนาคารชั้นนำเด่นหราพร้อมสถานะ WISDOM ถึงผมจะไม่ใช่สายช้อปปิ้ง แต่พอรู้ว่าไอ้บัตรนี้มันต้องดีกว่าบัตรเครดิตทั่วไปแน่ๆ “คุณให้ผมใช้จริงเหรอ” “ฉันบอกเธอแล้วนี่ว่าฉันไม่ยอมให้แฟนฉันลำบากหรอก” “ทำไมที่รักถึงได้น่ารักขนาดนี้...” ผมคลานมุดลงไปใต้โต๊ะเพื่อโผล่หัวขึ้นไปนั่งตักแล้วฟัดจูบแฟนเป็นรางวัลให้ความใจป้ำ ใจป๋า “แล้วฉันจะโทรหานะ” ตอนบ่ายบรรยากาศในออฟฟิศกลับเข้ามาอยู่ในโหมดสดใสอย่างเดิม ทุกคนยิ้มแย้มพูดคุยกันร่าเริง เมื่อรู้ว่าการประชุมช่วงบ่ายของท่านประธานถูกเลื่อนออกไปผมถึงได้ร้องอ๋อ เกือบถึงเวลาเลิกงานแล้วที่ผมถูกรุ่นพี่ตะโกนบอกให้ยกกล่องเครื่องมือลงลิฟต์ไปช่วยดูคอมพิวเตอร์ให้สาวๆ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เนื่องจากมีการโทรแจ้งเข้ามาว่าคอมพิวเตอร์มีปัญหา “เรียบร้อยครับ” ผมคลานออกมาจากใต้โต๊ะหลังจากเข้าไปเปลี่ยนสายพ่วงสัญญาณที่มันคงถูกใครเตะหลุดไปเท่านั้น “ขอบคุณนะ อืมมม....เป็นเด็กฝึกงานเหมือนกันเหรอ เอมก็เพิ่งมาทำงานได้ 2 วันเหมือนกันนะ” สาวสวยหน้าตาน่ารักยืนยิ้มหวานให้ผม “ครับ ผมมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว” “กวี...ชื่อเพราะจัง” “อ๋อ ขอบคุณครับ” ผมก้มลงมองป้ายชื่อที่แขวนอยู่บนคอก่อนจะยิ้มให้ หญิงสาวที่ป้ายชื่อด้านหน้าเขียนว่า "เอมอร" “เราชื่อเอมนะ กวีเพิ่งเรียนจบหรือเปล่า” “อืม เพิ่งจบปีนี้แหละ” “เหมือนกันเลย จบจากที่ไหนเหรอ” ".............." ตั้งแต่ผมมาทำงานที่นี่ได้อาทิตย์กว่า นอกจากฝ่ายบุคคลที่ซักประวัติผมแล้วก็คงเป็น “เอม” พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์คนใหม่คนนี้แหละที่ถามผมทุกเรื่อง “กวี” “หือ” ผมหันหลังกลับมามองเจ้าของมือที่ยื่นมาสะกิดหลัง ขณะกำลังจะเดินกลับคอนโด สาวสวยฝ่ายประชาสัมพันธ์ยืนยิ้มยิงฟันขาวอยู่ข้างรุ่นพี่หน้าสวยอีกคน “พักอยู่ไหนเหรอ” “อ๋อ ผมอยู่นั่น” ผมชี้นิ้วไปทางคอนโดสูงที่อยู่ห่างไปไม่ถึงร้อยเมตร “จริงดิ คอนโดนั้นเหรอ” รุ่นพี่สาวอีกคนทำตาโตแล้วถามย้ำ หันมองกลับไปยังคอนโดสูงลิบ “ครับ....ทำไมเหรอ” “โห เจ๋งอะ พี่แอบส่องคอนโดนี้บ่อยๆ ตั้งแต่มันเริ่มสร้าง เขาว่าหรูมาก แพงมากด้วยใช่มั้ย พี่เคยคิดจะซื้อแต่สู้ราคาไม่ไหว” “เอ่อ ผม...กลับห้องก่อนนะครับ” ผมยิ้มแห้งๆ แล้วรีบเดินหนีเพราะไม่รู้จะตอบยังไง ใครจะไปรู้วะว่าแพงหรือไม่แพง ส่วนหรูหรือเปล่าถ้าตอบว่าหรูมากก็จะกลายเป็นผมขี้อวดไปอีกเพราะฉะนั้นไม่ตอบดีกว่า ปานัท : จะนอนหรือยัง // หน้าจอโทรศัพท์เผยให้ผมเห็นเจ้าของดวงตาคมนั่งทำหน้าขรึม กวี : ครับ กำลังจะนอน แล้วคุณล่ะทำงานเสร็จหรือยัง ปานัท : ยังเลย...คิดถึงมากเลยโทรมาหา // มุมปากนั้นจุดประกายรอยยิ้มออดอ้อนขัดกับหน้านิ่ง กวี : คิดถึงผมหรือว่า.....คิดถึงอะไรกันแน่ // ผมแกล้งยิ้มยั่วแล้วร่นแขนเสื้อนอน ดึงมันลงไปจนเห็นหัวนมสีอ่อน ปานัท : ดึงลงอีกได้หรือเปล่า // ลูกกระเดือกแหลมขยับขึ้นลงตามจังหวะการกลืนน้ำลาย คนที่อยู่ไกลสูดลมหายใจลึกเริ่มนั่งไม่อยู่นิ่ง กวี : คุณปานัทครับบบบบบ คุณไม่อยู่ ผมคิดถึงคุณมากเลย // เสื้อนอนถูกผมถอดลงไปกองไว้ตรงเอว ปลายนิ้วเขี่ยวนเล่นอยู่กับปลายหัวนมแข็ง ปานัท : กวี กวี : ครับ ปานัท : เอากล้องลงไปอีกได้มั้ย กวี : เอาลงไปอีกเหรอ ปานัท : อืม....คิดถึง กวี : …………… // ผมไม่ได้ตอบแต่ใช้ขาเกี่ยวขากางเกงนอนที่สวมอยู่ออกแล้วถอดมาแกว่งไว้ในมือข้างหนึ่ง ปานัท : วี... กวี : ครับ ปานัท : นะครับ...เอากล้องลงอีก ขอดูหน่อย กวี : หื้อ คุณปานัทจะดูอะไร วีไม่ได้ใส่กางเกงนะ วีโป๊อยู่ // ผมแกล้งพูดยั่ว ปานัท : ก็นั่นแหละ...ถึงอยากดูไง กวี : ที่รักครับบบบบ... // ผมลากเสียงยาวพร้อมกดมุมกล้องต่ำลงไปเรื่อยๆ จากใบหน้า ต่ำลงไปลำคอ หน้าอก หน้าท้อง กระทั่งถึงส่วนที่มันเป็นกล้ามเนื้อมัดเอ็นที่ถูกมือผมขยำปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาชั่วพริบตาเดียว ปานัท : วี... กวี : รีบกลับมาหาวีนะครับ ปานัท : ………. // ผมหันหน้าจอกลับมาเพื่อมองหน้าแฟน เห็นปากเม้มแน่นสนิทเข้าหากัน สันกรามขึ้นสันเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมาเป็นริ้วๆ ผมย้ายโทรศัพท์ เอามันไปวางพิงได้กับกองผ้านวมตรงปลายเตียง กดมุมกล้องเฉียงลงจนมองเห็นตรงกลางระหว่างขาสองข้าง มือหนึ่งนวดคลึงบีบนมตัวเองเล่น ส่วนอีกมือใช้เคล้นชักรูดดุ้นเนื้อส่วนตัวอวดผัวที่อยู่ไกล กวี : อ่าส์...ที่รักครับ คิดถึงจังเลย ปานัท : คิดถึงเหมือนกัน...กวีครับ ขยับมาใกล้ๆ หน่อย // ปากสั่นเอ่ยเสียงพร่าออกมาเหมือนคนเพ้อ กวี : ใกล้แค่นี้พอมั้ย // ผมขยับไปใกล้จนปลายแท่งเนื้อเกือบจะทิ่มเลนส์กล้องโทรศัพท์ ปานัท : อยากจัง กวี : อยากเหมือนกัน...ที่รักครับ รีบกลับมาหาวีนะ // ผมเร่งมือขยับจากจังหวะช้าๆ ให้มันเร็วขึ้นเรื่อย เสียงครางที่ไม่ได้เกิดจากการเสแสร้งดังกระเส่าขึ้นแข่งกับเสียงมือเวลามันครูดไปกับท่อนเนื้อแข็ง ปานัท : วี! กวี : อ๊า....โอ๊ยยยยย // ให้ทุกข์แก่ท่าน ความเสียวนั้นทรมานมาถึงตัวเอง ผมนั่งเกร็งจนแขนขาแทบเป็นตะคริว ข้อมือสับรูดรัวจนหัวมนเผลอแทงทิ่มเข้าไปชนกล้องมือถือเสียหลายรอบ ปานัท : ………… กวี : ปานัท...ที่รัก...อ่าส์ // ผมเด้งสะโพกลอยขึ้นมาชักมืออยู่ 2-3 ทีตามองน้ำขุ่นที่มันพุ่งปรี๊ดกระฉอกเปรอะเต็มหน้าจอโทรศัพท์ ขาวเป็นเมือกเต็มไปหมด ปานัท : เซ็กซี่จัง // ยิ้มพอใจกับลมหายใจผ่อนเข้า ผ่อนออกหนักๆ เหมือนคนอีกฟากกำลังพยายามข่มอารมณ์ไว้ กวี : โทรศัพท์ผมจะพังมั้ยเนี่ย น้ำแตกเต็มจอเลย ปานัท : พรุ่งนี้เอาบัตรฉันไปรูดซื้อเครื่องใหม่นะ กวี : พูดจริงปะ ซื้อได้จริงเหรอ ปานัท : จริง...ถ้าพรุ่งนี้มันเลอะอีก ก็ซื้อใหม่อีก ฉันจะซื้อให้เธอวันละเครื่องยังได้เลย กวี : เอาอีกยี่ห้อได้มั้ย ผมอยากได้ ปานัท : อยากซื้ออะไรซื้อเลยที่รัก เอารุ่นที่กล้องมันชัดๆ นะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม