ตอนที่ 8 ไม่ใช่แค่รักธรรมดา
ผมถูกลากออกมาจากใต้โต๊ะแล้วจับวางลงไปบนโต๊ะใหญ่ ด้านหลังถัดไปนั้นไม่เหลือพนักงานคนใดอยู่อีกแล้วในเวลานี้ ซิปกางเกงของรักษาการท่านประธานบริษัทขนาดยักษ์ มีดุ้นเนื้อใหญ่โผล่ออกมาพ้นขอบกางเกง จากตรงนี้ผมมองเห็นเส้นเลือด เส้นเอ็น เป็นริ้ว เป็นรอย รอบท่อนเนื้ออวบ
“คราวนี้ตาฉันบ้างนะ” มือข้างหนึ่งกระตุกเนกไทซึ่งผูกปมอยู่ติดคอหอยให้ขยับร่นลงมา เข็มขัดหนังสีดำเส้นใหญ่ถูกปลดแยกหัวแยกท้าย ตามด้วยขอบกางเกงถูกสลัดทิ้งลงไปกองจนเกือบติดหัวเข่า
“หื้อ ไม่ได้คุณจะมาเอาอะไรตรงนี้ล่ะ” ผมหดขาคู้ขึ้นมาบนโต๊ะทันที
“ทำไมจะเอาไม่ได้”
“ก็นี่มันห้องประชุม” ผมเหลือบตายักคิ้วไปบนเพดานห้องมุมหนึ่ง ซึ่งมีกล้องวงจรปิดติดอยู่บนนั้น แล้วไม่ใช่แค่ตัวเดียวด้วย เพราะรอบห้องประชุมนี้ติดกล้อง CCTV นับได้รวมๆ กันมากถึง 4 ตัว
“เธอคิดว่าคนอย่างฉัน จะทำอะไรโดยไม่ใช้สมองหรือไง” โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของท่านประธานยกขึ้นมา พร้อมโชว์ข้อความคำสั่งไปยังฝ่ายรักษาความปลอดภัย ให้ตัดสัญญาณการบันทึกภาพภายในห้องประชุมตลอดช่วงเช้า โดยให้เหตุผลว่าเป็นการประชุมลับ
“ขี้โกงนี่”
“ใครบอกว่าฉันขี้โกง” มือเชยช้อนคางดึงผมเข้าไปจูบ ฝ่ามือลูบบีบนวดเนื้อตัวไปตามจุดเสียว เผลอแป๊บเดียวกางเกงของผมถูกถอดโยนลงไปไว้ใต้โต๊ะ
“ที่รัก เดี๋ยวคนเข้ามาเห็น”
“ไม่มีใครเข้ามาหรอก เพราะรู้ว่าฉันอยู่ในนี้” ดวงตาคมผลักคลื่นอารมณ์ปั่นป่วนชวนมวนท้องจับจ้องลงไปตรงกลางหว่างขา ร่องเนื้อระหว่างแก้มก้นซึ่งมีเนื้ออูมเบียดชิดจนเกือบติดกัน
"อื้อ" ผมเลื่อนมือลงไปปิดตรงกลางระหว่างซอกขาพร้อมทำท่าเขินอายนิดๆ ถึงจะเอากันบ่อยแค่ไหนแต่ยางอายบนหนังหน้าของผมมันก็ยังพอมีอยู่ ถึงจะบางลงเรื่อยๆ ก็เถอะ
“น่าเอาจัง” ยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์ยกขึ้นตรงมุมปากหยัก ขาสองข้างของผมถูกยกจับถ่างแยกออกจากกัน เปิดร่องแคบนั้นให้เผยทางแยกนุ่มหยุ่นที่ซ่อนซุกเก็บไว้
“หื้อ...คุณปานัทใจเย็นสิครับ เดี๋ยวใครวนกลับเข้ามาเห็นนะ เดี๋ยวค่อยกลับไปเอาที่ห้อง”
“ไม่! ฉันจะเอาตรงนี้” แท่งเนื้ออุ่นร้อนท่อนยาวขนาดสิบเอ็ดนิ้ว พุ่งเข้ามาหาผมไวยิ่งกว่าจรวด
“ผมหิวข้าวขอไปกินข้าวก่อนได้มั้ยครับ...” ในเมื่อไม้แข็งห้ามไม่ได้อย่างนั้นลองไม้อ่อน อ้อนผัวไปก่อนเผื่อท่านประธานใหญ่จะเห็นใจพนักงานไอทีหรือเมียตัวเล็กๆ อย่างผม
“หิวมากเหรอ”
“มากกกกก...”
“ฉันก็หิว.....”
หิว ของเรา ไม่เท่ากัน ...เพราะผมหิวข้าว ส่วนท่านประธานดูเหมือนจะหิวอย่างอื่นมากกว่า หลังประโยคบอกเล่าว่า หิว หัวหยักปักลึก มุดเข้าไปผ่านร่องกลางส่วนล่างที่มีความยืดหยุ่นสูง แท่งเอ็นใหญ่อวบอ้วนถูกกดลึกเข้าไปจนโคนเนื้อส่วนนุ่มซึ่งมีสองลูกบอลกลมบดลงมาชิดร่องก้นของผม
“อ่าส์...ที่รักไหนบอกว่าหิวไง” ผมก้มลงไปมองท่อนเนื้อใหญ่ที่มันผลุบหายจมลงไปภายในร่างกายจนมิดสุดโคนเนื้อใหญ่
"ฉันก็กำลังจะกินเธอเป็นมื้อเที่ยงนี่ไง แล้วที่สำคัญเธอเป็นฝ่ายกินฉันก่อนนะดูสิ" คิ้วเข้มกระตุกชี้ชวนให้มองร่องเนื้อที่ดูดกลืนท่อนเนื้อคนหื่นเข้าไป
"อื้อออออออ คนบ้าเจ้าเล่ห์" ผมขมิบเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณร่องก้นรัดสิ่งที่สอดคาค้างอยู่ภายในจนเจ้าของมันร้องครางออกมาเสียงดัง
"กวี...นี่ยั่วเย...ฉันเหรอ"
"อยากมากไม่ใช่เหรอครับ...เดี๋ยวผมจะเอาให้หักเลย" ผมยกขาขึ้นมาตวัดรัดเอวผมแล้วดันตัวเข้าไปชิด
"อยากหักแล้วล่ะ มาสิอัดเข้ามาเลย"
"น้ำเดียวนะ....ผมหิวข้าว"
“ฉันกินเธออิ่มเมื่อไหร่....เธอค่อยไปกินข้าว”
ถ้ารอให้คุณปานัทอิ่ม มีหวังผมคงอดตายหรือต่อให้ไม่อดข้าวตายผมก็คงขาดน้ำตายเพราะผัวหื่นปักหลัก ยืนสาวเอวใส่อย่างไม่คิดให้กระดูกอุ้งเชิงกรานผมได้พัก ก้นแน่นแสบร้อนเพราะถูกบดถูกกระแทกลงมารัวจนแดงเป็นปื้นเต็มง่ามขา น้ำเหนียวกลิ่นคาวไหลเป็นทางยาวย้อยจากภายในร่องลึกลงไปจนถึงตาตุ่มกลิ่นคาวคลุ้งเตะจมูกชัดเจน
“ที่รัก ผมเหนื่อยแล้ว พักก่อน” ผมทิ้งแผ่นหลังลงไปนอนแผ่บนโต๊ะประชุมมือกุมหน้าท้องหอบดังแฮ่กๆ ไอ้ที่ตกลงกันว่าน้ำเดียวมันไม่เคยมีจริง
“มานี่สิ” ท่อนแขนเปียกเหงื่อชื้นช้อนผมขึ้นมาจากโต๊ะ เก้าอี้นวมตัวใหญ่มีท่านประธานใส่เสื้อผูกไทแต่ท่อนล่างเปลือยอล่างฉ่างนั่งถ่างขาจับผมไปนอนทับ ขมับขวา ขมับซ้าย และก้อนเนื้อส่วนแก้มถูกจูบซ้ำๆ สลับกันไปมา หน้าขายังรับรู้ถึงความฉ่ำอันเปียกแฉะเหนียวลื่นเหนอะหนะ
“อื้อ...” ผมยกมือขึ้นมาตีผัวดังตั้บๆ หงุดหงิดที่เสื้อผ้า แขนขาเต็มไปด้วยน้ำรักกลิ่นคาว
“โมโหอะไร”
“ก็ผมต้องกลับไปทำงานอีกนี่ เลอะหมดแล้วเนี่ย”
“บ่ายนี้ฉันก็ต้องเข้าประชุมต่อ ฉันยังไม่บ่นเลย”
“แล้วคุณจะทำยังไง เสื้อผ้ายับหมดแล้ว คราบน้ำเลอะเต็มไปหมดเลย กลับไปเปลี่ยนที่ห้องดีมั้ย” ผมผลุดลุกขึ้นมาแล้วรีบถามเพราะห่วงใยผัว ยังไงซะคุณปานัทก็ชื่อว่าเป็นถึงประธานบริษัท จะนั่งประชุมหัวโต๊ะโดยปล่อยให้มีกลิ่นคาวโชยออกมาอย่างนี้ไม่ดีแน่
“ใส่เสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวจะพาไปเปลี่ยน”
ผมขยับลุกขึ้นรีบใส่เสื้อผ้ากลับคืนตามเดิม จากนั้นวิ่งไปรื้อหากระดาษทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำ คราบเหงื่อที่เปียกเป็นรอยบนผิวโต๊ะ แล้วหยิบสเปรย์ปรับอากาศซึ่งมีวางประจำเอาไว้ในห้องประชุมมาฉีดพ่นจนเกือบหมดกระป๋อง จากนั้นเดินตามหลังคุณปานัทมายังห้องที่อยู่ถัดไป ป้ายด้านหน้าเขียนบอกตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ชัดเจน
“นี่ห้องทำงานของคุณเหรอ”
“ใช่ มานี่สิ...” แขนคล้องเกี่ยวเอวผมให้เดินตาม ก้าวผ่านประตูบานหนึ่งเข้าไปภายใน ผมยืนอึ้งอยู่นานไม่คิดว่า ภายในห้องท่านประธานจะซ่อนห้องนอนเอาไว้ข้างในด้วย
“ถามจริง นี่มาทำงานหรือว่ามาพักผ่อน”
“บางครั้ง ฉันเอาไว้งีบนอนช่วงกลางวัน หรือบางทีเอาไว้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ้าจำเป็นต้องไปงานเลี้ยงตอนเย็นต่อ เพราะขี้เกียจกลับบ้านน่ะ”
ห้องนอนแบบจำลองโรงแรมระดับ 5 ดาว ตู้เสื้อผ้าขนาดยาว 2 เมตรมีชุดสูท เสื้อผ้า แขวนเตรียมเอาไว้พร้อมใช้งาน ถุงเท้า รองเท้า เข็มขัด จัดวางเตรียมให้ไม่ต่างอะไรจากตู้เสื้อผ้าในคอนโด ผมเข้าไปอาบน้ำถูหลังให้ผัว แล้วรีบกลับออกมาแต่งตัวให้เพราะใกล้เวลาบ่ายโมงที่ทุกคนจะกลับมาทำงานตามปกติ
“หิวมั้ย” เสียงทุ้มนุ่มนวลมาพร้อมจูบเบาๆ
“หิวสิ....ง่วงด้วย แขนขาสั่นจนเดินไม่ไหวแล้ว” ผมยกขาเตะแฟนเบาๆ เป็นการทำโทษ เพราะการเดินทางขึ้นลงๆ จากโลกมนุษย์และสวรรค์ชั้นเจ็ด ด้วยการเย่...เย็บอย่างดุดันของท่านประธานทั้งช่วงเช้ามืด และรอบเที่ยงที่ผ่านมา ทำผมล้าทั้งแขนขา หน้าแข้ง ข้าวปลาอาหารมื้อกลางวันก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ใจสั่นหวิวๆ อย่างกับคนจะเป็นลม
“ถ้าอย่างนั้น บ่ายนี้ไม่ต้องลงไปทำงานนะ นอนพักในห้องนี้แหละ”
“หื้อ มันจะดีเหรอคุณ”
“ผัวเธอเป็นถึงท่านประธาน...ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว”
“แต่ผมหิวข้าว” มือสองข้างยกขึ้นมาลูบท้องแบนทำท่าประกอบ
“อยากกินอะไร เดี๋ยวฉันให้เลขาสั่งให้”
“ถ้าเลขาคุณสั่ง เขาก็ต้องรู้สิว่าผมแอบมานอนในห้องนี้”
“เลขาฉันก็เหมือนพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารญี่ปุ่น เขาจะเห็นและเขาจะพูดแค่สิ่งที่ฉันอนุญาตเท่านั้น”
ช่วงบ่ายผมรู้ว่าคุณปานัทต้องกลับไปประชุมต่อ ทิ้งผมให้นอนรอพิซซ่าที่อยากกินในห้องคนเดียว ไม่นานเลขาประจำของท่านประธานเดินมาเคาะห้องยกถาดพิซซ่า ไก่ทอด น้ำอัดลมและขนมอีกหลายอย่างมาวางไว้ให้
“ทานให้อร่อยนะคะ น้องกวี”
“ขอบคุณครับ แล้วคุณปานัท....”
“ท่านประธานบอกว่าไม่หิวค่ะ ให้น้องวีทานให้อิ่มแล้วก็นอนต่อได้เลย ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมกดเบอร์ภายในโทรไปหาพี่ที่โต๊ะได้ตลอดนะคะ”
“ครับ...ขอบคุณครับ”
“ไอ้วี คุณนัทเขาใช้มึงไปทำอะไรมาตั้งครึ่งค่อนวัน เห็นเลขาเขาโทรลงมาบอกพี่ หายเงียบไปเลยนะมึง พวกพี่นึกว่ามึงโดนไล่ออกไปแล้วนะเนี่ย” หลังจากกินอิ่มนอนพักจนกระปรี้กระเปร่า ผมลงลิฟต์กลับมานั่งทำงานตามเดิม
“ก็ทำนั่น ทำนี่ไปเรื่อย”
ผมนั่งทำงานต่อได้ยังไม่ถึงชั่วโมงผู้จัดการกับบรรดาหัวหน้าแผนกที่อยู่ชั้นเดียวกันเดินเรียงแถวกลับเข้ามาด้วยท่าทางยิ้มแย้มต่างจากการประชุมเมื่ออาทิตย์ก่อนลิบลับ ผมนั่งจับใจความได้ว่าวันนี้ “ท่านประธาน” ดูใจดีกว่าทุกวัน แม้จะไม่ถึงกับยิ้มยิงฟัน แต่การไม่ดุด่า ขว้างสายตาขวางใส่ใครนั่นนับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีมากแล้ว
ติ๊ง เสียงแจ้งอีเมลส่วนกลางของบริษัทเด้งเข้ามา ผมอ่านแค่หัวข้อว่าเป็นคำสั่งโยกย้ายพนักงาน เลยไม่ได้กดเข้าไปอ่านเนื้อหาข้างใน จนกระทั่งรุ่นพี่คนหนึ่ง แหกปากร้องลั่นแผนกผมจึงต้องกระดิกนิ้วคลิ้กเข้าไป
“ไอ้เหี้ยวี มึงไปทำอะไรให้คุณนัทเขาเกลียดเนี่ย ถึงได้ย้ายมึงลงไปกระบี่”
“เอ่อ...”
“กูบอกมึงแล้วว่าให้ขยันเอาน้ำแดงไปถวายพระพรหมหน้าบริษัท เป็นไงล่ะมึง เจ้าที่เจ้าทางคงหมั่นไส้ ไม่ได้แดกของไหว้ เลยไล่มึงไปอยู่ที่อื่น”
“ปีนี้มึงปีชง มั้ยเนี่ยไอ้วี”
“ไม่รู้ดิพี่” ผมยิ้มแห้งตอบกลับไป
“ย้ายด่วนด้วยมึง ลงไปพร้อมคุณนัทพรุ่งนี้เลย ซวยฉิบหาย” รุ่นพี่ 2-3 คนเดินมาตบไหล่ผมแปะๆ
“หรือว่าปีนี้เขามีนโยบายย้ายเด็กใหม่ไปสาขาอื่นวะ ตั้งแต่สั่งย้ายน้องเอมแล้ว” ข้อสันนิษฐาน สมมุติมากมายผุดขึ้นมาท่ามกลางหมู่พนักงานที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ส่วนเมียท่านประธานบริษัทอย่างผมได้แต่นั่งยิ้มแห้งคอยพยักหน้าหงึกๆ ตามพวกรุ่นพี่ไป
“หนีบผมมาด้วยแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นเขาจะว่าลำเอียงเหรอครับ” ผมนั่งเอียงคอซบไหล่ผัวอยู่บนเครื่องบินลำใหญ่ สายตามองออกไปนอกหน้าต่างเห็นก้อนเมฆขาวๆ ลอยตัดกับพื้นทะเลสีน้ำเงินเข้มด้านล่าง
“เธอได้ยินใครพูดว่าอิจฉาเธอมั้ยล่ะ”
“ไม่มีเลย...มีแต่คนบอกว่าผมน่าสงสาร” เปลือกตาสองข้างถูกผมกะพริบถี่ๆ ล้อเลียน
“ฉันไม่ยอมให้ใครพูดถึงเมียฉันในทางเสียหายแน่....จุ๊บ” จูบจากปากเชื่อมเราสองคนให้ติดกัน
โรงแรมขนาดใหญ่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง และวางแผนจะเปิดให้บริการในอีกไม่เกิน 2 เดือนข้างหน้า ผมรู้เพิ่มเติมมาว่าโรงแรมนี้มีเจ้าของโครงการชื่อคุณ “อาทิตย์” ส่วนคุณปานัทเป็นเจ้าของเงินทุน แต่มีสิทธิ์ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจครึ่งหนึ่ง อีกทั้งในการก่อสร้างบริษัทรับเหมาส่วนใหญ่ ยังเป็นซัพคอนแท็กบริษัทย่อยที่มีผู้บริหารคือคุณปานัทเอง เพื่อง่ายต่อการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุน รวมถึงคุณภาพงาน
ผมเข้ามาแนะนำตัวกับรุ่นพี่แผนกไอทีที่ประจำอยู่สาขากระบี่ มีโต๊ะทำงานแบบไม่ประจำ เพราะออฟฟิศทำงานนั้นเป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่นำมาดัดแปลงใช้เป็นสำนักงาน ส่วนที่พักมีสวัสดิการให้พนักงานเป็นตู้คอนเทนเนอร์ตกแต่งเป็นห้องนอน นำมาวางเรียงต่อกันเป็นแถวๆ ความสูง 2 ชั้นเท่าที่ผมนับได้จากสายตาก็มีประมาณ 20-30 ตู้ ส่วนคนงานก่อสร้างมีแคมป์แบบโครงไม้ยูคาลิปตัส ฝาเป็นไม้อัดและมุงสังกะสี ตั้งอยู่ห่างไปราวๆ หนึ่งร้อยเมตร ตีวงกว้างเต็มพื้นที่เกือบสิบไร่ รถบรรทุก รถแบ็คโฮ รถที่เอาไว้ใช้เกี่ยวกับงานก่อสร้างจอดเรียงเป็นแถว เป็นระเบียบเรียบร้อย
“ผม...นอนนี่เหรอครับ” ผมหันไปถามหัวหน้าแผนกไอทีประจำสาขากระบี่
“อืม พวกพี่ก็นอนที่นี่กันหมด เพราะว่าแถวนี้มันไม่มีหอพัก อยู่นี่ที่พักฟรี น้ำไฟฟรีไม่ต้องจ่ายสักบาท อาหารฟรีมีให้กิน 3 มื้อ คุณอาทิตย์ให้ตั้งโรงอาหารส่วนกลางเดินไปกินในโรงแรมโน้น เงินเดือนเหลือเก็บสบายๆ” หัวหน้าชี้นิ้วกลับไปยังโรงแรมที่ยังสร้างไม่เสร็จ
“อ่อ ครับ” ผมเอากระเป๋าสะพายวางลงไปบนเตียงเหล็กขนาด 3 ฟุตครึ่งเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ไม่มีอะไรเลยในห้อง ดีหน่อยตรงที่มันมีห้องน้ำเล็กๆ ในตัว ช่องหน้าต่างติดเหล็กดัดเล็กๆ มองออกไปเห็นเป็นวิวแคมป์คนงานก่อสร้าง อันพลุกพล่านดูวุ่นวาย ห่างไกลจากภาพมโนในหัวของผมมาก
“เป็นยังไง ที่พักเรียบร้อยมั้ย”
“อือ” ผมเบะปากทำท่างอนผัว เพราะในจินตนาการ ผมฝันหวานถึงการมากระบี่เอาไว้เสียดิบดี ว่าจะได้นอนห้องพักติดทะเล มีเปลญวนผูกกับต้นมะพร้าวให้นอนเอกเขนก ได้จิบเบียร์เย็นๆ เดินเล่นริมชายหาด
“ทำไม ไม่ชอบเหรอ”
“ไม่ชอบเลย” เป็นเมียท่านประธานมา 1 เดือน กินหรูอยู่สบายมาได้สักพัก จนผมชักติดนิสัยไม่ดี ทั้งที่เมื่อก่อนนี้ชีวิตตัวเองเคยลำบากมามากกว่านี้อีก
“มีอะไรอยากได้เพิ่มเติมหรือเปล่า”
“มี...” ผมลากเสียงยาว
“อยากได้อะไร ไหนลองบอกมาสิ”
“อยากได้ผัว ที่รัก...ผมคิดว่าคุณจะพาผมมาอยู่ด้วยที่กระบี่ แล้วทำไมมันเป็นอย่างนี้ล่ะ ผมต้องนอนคนเดียวจริงๆ เหรอ”
“ไม่จริงหรอก...” หน้านิ่งหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ หางตาปรายเหล่ไปมองด้านหลัง ซึ่งเป็นโรงแรมใหญ่จากนั้นรีบกระชากดึงผมเข้าไปกอด แล้วปล้ำจูบดูดปากลากลิ้นมาพันกันอยู่พักใหญ่
“ถ้าไม่จริง แล้วทำไมให้ผมไปนอนรวมกับคนอื่น”
“ฉันแค่ทำตามกฎบริษัท เพราะไม่อยากให้ใครนินทาลับหลังเท่านั้น”
“แค่ทำตามกฎบริษัทเหรอ...ตกใจหมดเลย นึกว่าคุณไม่รักผมแล้วซะอีก”
“รักสิ...ไม่ใช่แค่รักธรรมดา แต่ฉันรักเธอมากเลยนะรู้มั้ย”