ตอนที่ 2 คุยผิดคน
“อ่าส์...ดี ดีจริงๆ มันดีมาก”
“ดีบ้าอะไรกัน ไม่ดี...อย่างนี้ไม่ดีแน่”
ผมตะโกนเถียงในใจเพราะปากไม่สามารถขยับพูดเปล่งเสียงออกมาเป็นคำได้ ท่อนเอ็นใหญ่ร้อนเหมือนไส้กรอกยักษ์ยังรัวปักแทงเข้าแทงออกไม่ยอมหยุด
“อื้อ” ผมคว้ามือสะเปะสะปะกำได้กล้ามอกใหญ่แล้วตะกุยเล็บส่งสัญญาณไปว่าผมกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย เพราะไอ้สิ่งที่มันไหลลงในคอเข้าไปจุกปิดช่องลมจนผมหายใจไม่ทัน
“คุณทำผมกลัวนะ”
นับว่ากรงเล็บของผมมีผลอยู่ไม่น้อย เพราะคนสติไม่ครบถ้วนยอมปล่อยให้ผมกลับคืนอิสรภาพ ริมฝีปากหยักสั่นระริกอย่างน่าสงสาร ทำเอาผมไม่กล้าอ้าปากด่าทอตัดพ้อ มือร้อนผลักอกผมออกห่างจากนั้นคลานพาตัวเองข้ามเข้าไปนอนขดอยู่ในอ่างจากุชชี่ใหญ่เปิดน้ำเติมใสลงไปแล้วมุดหัวก้มหายลงไปใต้น้ำ
“คุณ...โอเคมั้ย” ผมก้มตัวลงไปนอนตะแคงมองผ่านอ่างใส เห็นงูเห่าตัวใหญ่ผงกหัวหงึกๆ อยู่ตรงซอกขาขาว ตาคมแข็งกร้าวลืมเหลือกขึ้นมาใต้น้ำแล้วหันมาสบตากับผมวูบหนึ่ง
“คุณโอเคหรือเปล่าครับ” ผมถามย้ำอีกรอบ แม้ว่าเมื่อครู่คุณคนนี้จะทำให้ผมตกใจมาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอดเป็นห่วงผู้มีพระคุณของผมไม่ได้
“ไม่โอเค”
“อ้า...อย่าทำผมนะ...ผมกลัวแล้ว”
ผมถูกลากกระชากคอเสื้อจนหัวทิ่มปักจมลงไปในอ่างน้ำเย็น หัวโขกเข้ากับขอบอ่างด้านหนึ่งจนมึนงงไปหมด จนเมื่อโผล่หัวกลับขึ้นมาสูดอากาศได้รีบยกมือขึ้นมาไหว้ผู้มีพระคุณปลกๆ
“ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไร....แค่ขอให้ช่วย”
“ช่วย...เหมือนเมื่อกี้เหรอ”
“ทำให้ฉันหน่อย ช่วยเอามันออกมาที เจ็บบบบ”
“เอา...แค่เอาน้ำออกใช่มั้ย”
ผมมองทะลุผืนน้ำลงไปเห็นงูใหญ่โผล่หัวหยักขึ้นมาปริ่มๆ ผิวน้ำ อารมณ์เสียววูบแล่นจากอกตรงลงไปจนถึงรูสะดือ อยู่ๆ เหมือนจะปวดหน่วงๆ ตรงร่องเนื้อใต้ก้นจนผมต้องสะบัดหน้าไล่ความคิดอุบาทว์ลามกของตัวเองออกไปจากหัว
“เอ่อ...ผมขอใช้มือนะครับ”
“ใช้อะไรก็ใช้เถอะน่า”
มือล้วงลงไปใต้น้ำ กำรอบท่อนเนื้อซึ่งมีส่วนคอหยักคล้ายงูยักษ์หัวแดงเถือก ท่อนขายาวใหญ่ตวัดยกข้ามหัวผมไปแล้วขังผมไว้ตรงกลางระหว่างซอกขา สะโพกหนาเด้งสวนกระดกขึ้นมาทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลารูดมือขึ้นลง
“มานี่หน่อย”
“อื้อ”
จูบแรกของผมถูกขโมยไปโดยผู้ชายที่ผมไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขา ช่างเป็นค่ำคืนที่ปากผมทำงานหนักมากเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมา 23 ปี ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่า ลิ้นของคนเรามันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด
“อ่าส์...เอามันออกมาสิ” มือหนักขยำเป้ากางเกงของผม อาจเพราะเขาคนนี้รับรู้ได้ถึงสิ่งที่อยู่ข้างในที่มันค่อยๆ ขยายตัวเต่งตึงขึงแข็ง น้ำในอ่างไม่รู้มันลดหายไปไหนได้ยินเพียงเสียงน้ำจากก๊อกไหลซู่ๆ เท่านั้น
“ไม่เอา ผมกลัว”
“กลัวอะไร”
“กลัวคุณไง”
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า...เอามันออกมา” มือขยับปลดถอดลากกางเกงยีนผมร่นโยนหายไปจากสายตา เจ้ากวีน้อยลูกรัก ขนาดพอดีมือดีดตัวตั้งอยู่เคียงข้างท่อนเนื้อใหญ่ดูคล้ายพ่อลูกกัน
“คุณ ... ผมเสียว”
ขณะที่มือใหญ่กำรูดท่อนเนื้อทั้งสองทีเดียวพร้อมกัน ผมกดส่วนโคนตรงที่มีลูกบอลกลมสองลูกกลิ้งไปกลิ้งมาบดถุงเนื้อทั้งสองกลิ้งลูกบอลทั้งสี่บดบี้ขยี้ใส่กัน จากนั้นจึงได้ยินเสียงครางอย่างพึงพอใจหลุดมาจากคนตัวใหญ่
“กวี...”
ผมหูอื้อตาลายจับใจความอะไรไม่ได้ สายตามองเห็นแต่ดาวระยิบระยับลอยไปลอยมา ขนแขนขนขาลุกซู่ชูชัน เมื่ออารมณ์เสียวพุ่งมาถึงจุดสูงสุด ผมแอ่นตัวกระแทกเอวขยี้ใส่เจ้าของตักใหญ่กดน้ำหนักลงไปก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักพุ่งกระเด็น แตกกระเซ็นขึ้นมาเปรอะเต็มไปทั่วหน้า ตามมาด้วยน้ำรักร้อนๆ เหนียวข้นของคนที่นั่งชักมืออยู่ฝั่งตรงข้าม น้ำกลิ่นคาวแตกกระจายกระเด็นไปไกลจนข้ามไปติดฝาผนัง
“คุณ...เสร็จแล้ว โอเคหรือเปล่าครับ”
“แล้วเธอล่ะ โอเคหรือเปล่า” อุ้งมือใหญ่ยกขึ้นมาเช็ดน้ำเหนียวบนแก้มออกให้
“เจ็บครับ คุณทำแรงจังเลย” ผมก้มลงไปมองตรงกลางหว่างขา ท่อนเนื้ออันน้อยอ่อนตัวหดลงไปนอนคอพับ พิงหัวหลับอยู่ข้างงูใหญ่ที่ยังมีแรงชูคอสะบัดหัวอยู่หงึกๆ
“ขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจ....จุ๊บ” จูบเบาๆ แตะลงมาบนแก้มแต่ทำเอาผมร้อนวูบเหมือนมีไฟลุกท่วมหน้า
“เอ่อ...”
“เจ็บมากหรือเปล่า” มือหนักเมื่อครู่เปลี่ยนสัมผัสเป็นแผ่วเบา แต่ยังสร้างความเสียวซ่านให้เหมือนเดิมต่างเพียงมันเป็นอารมณ์เสียวๆ สยิวๆ ปนจั๊กจี้นิดๆ
“ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณหายหรือยัง กินน้ำอีกสักขวดมั้ย” ผมรวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของคางแหลม
“ยังไม่ดีเท่าไหร่ กินน้ำอาจไม่ช่วยอะไร แต่...ขอต่ออีกสักรอบได้มั้ย”
“หา...อีกรอบงั้นเหรอ”
เท่าที่ผมรู้ คนถูกมอมยาปลุกเซ็กจะมีอารมณ์ทางเพศสูง แต่ไม่เคยรู้ว่ามันสูงขนาดไหน จนกระทั่งคืนนี้ กว่าผู้มีพระคุณจะยอมพูดคำว่า “พอ” ท่อน้ำของผมมันแทบไม่เหลือน้ำค้างอยู่ภายในแม้แต่หยดเดียว กระจงกระเจี๊ยว กะปลกกะเปลี้ยเพลียพับหักงอดูน่าสังเวชมาก แต่ไอ้ท่อนเนื้อแบบเดียวกันที่ขนาดใหญ่กว่าขนาดมันนอนหลับคอพับอันยังใหญ่กว่าผมเกือบ 2-3 เท่าตัว
“อ้าวหลับไปง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ” ผมนั่งรวบรวมพละกำลังและรอจนแข้งขาหายสั่น เห็นว่าคนถูกมอมยานั้นเงียบเสียงไปนาน จนเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเจ้าของกล้ามอกกว้างขวางที่ผมนอนพิงอยู่นี้ก็หลับสนิทไปแล้ว
“แบบนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วมั้ง”
ผมถอนตัวขยับลุกออกไปจากอ่างใหญ่จากนั้นเดินตามเก็บเสื้อผ้าเปียกโชกเฉอะแฉะนำมันมาสวมใส่แล้วรีบเดินกลับไปหาแม่ตามเดิม
“ไอ้วี! ทำไมเปียกมาขนาดนั้นเล่าลูก”
“อ๋อ...ตกน้ำอะแม่” ผมยืนหนีบขาเพราะแสบไข่ รีบเดินเลี้ยงหลบหน้าแม่ไปทางอื่น โชคดีที่แม่ผมเป็นพนักงานซักรีดของโรงแรมนี้จึงพอมีเสื้อผ้าเครื่องแบบของพนักงานเก่าๆ ที่ลาออกไปซักรีดเก็บเอาไว้อยู่จึงนำออกมาใส่แก้ขัดไปก่อนได้
“ตกน้ำ?”
“อือ”
“ไปทำอีท่าไหนถึงตก”
“ก็ทำหลายท่าอยู่นะแม่” ผมรีบเดินหลบแม่แก้วไปทางอื่นเพราะนอกจากแม่ผมจะทำงานเป็นแม่บ้านซักรีดของโรงแรม เรื่องสักเรื่องถามนี่แม่ผมก็ไม่เป็นสองรองใคร แล้วผมก็ไม่ใช่คนประเภทโกหกเก่งซะด้วย
“บริษัทนี้เจ้าของจริงๆ เป็นฝรั่งชื่อคุณเฮนรี่ แต่ตอนนี้ไปๆ มาๆ ระหว่างประเทศไทยกับเยอรมัน นานๆ ถึงจะเข้ามาบริษัทสักครั้ง ส่วนมากคุณปานัทเป็นคนมาดูแลแทน แต่ช่วงนี้คุณปานัทเองก็ยุ่งเรื่องโปรเจคสร้างโรงแรมใหม่ที่กระบี่อาทิตย์หนึ่งถึงจะแวะเข้ามาเซ็นเอกสารสักที ส่วนฝ่ายไอทีอย่างพวกเราน่ะสบายใจได้ เพราะไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับใคร”
“อ๋อ ดีเลยครับ” ผมพยักหน้าให้กับหัวหน้าแผนกที่ช่วยอธิบายขอบเขตการทำงานและโครงสร้างบริษัทคร่าวๆ ให้ฟัง
“จริงสิ เดี๋ยวพวกพี่จะมีเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ กวีเตรียมตัวเลยนะ”
“ฮะ ต้อนรับน้องใหม่เหรอครับ...อืม ไม่เป็นไรก็ได้มั้งครับ”
“ไม่ได้ มันเป็นธรรมเนียม วันศุกร์เย็นเตรียมตัวเลยนะบอกที่บ้านไว้เลยว่ากลับดึกแน่นอน”
“อ๋อ ถ้าเป็นธรรมเนียมก็โอเคครับ”
ไอ้ผมก็เพิ่งจะเคยทำงานที่นี่เป็นแห่งแรกเลยไม่รู้ว่าธรรมเนียมการกรอกเหล้าเข้าปากน้องใหม่นี่มันมีเหมือนกันทุกบริษัทมั้ย ถ้าผมรอดตายไปจนถึงพรุ่งนี้ได้เดี๋ยวจะลองถามอากู๋ดู
“อีกแก้วสิกวี”
“อือ...ม่ายหวายแล้วววววววว”
“อะไรกันแค่นี้เมาแล้วเหรอ เบียร์เพิ่งหมดไป 5 ทาวเวอร์เองนะ”
“ฮื้อ...กินม่ายหวายแล้ว”
อย่าว่าแต่กินไม่ไหว แต่อ้าปากกลืนเบียร์ลงคอตอนนี้ผมก็ยังไม่มีปัญญา ปกติสมัยเรียนมหาวิทยาลัยผมเคยไปนั่งดื่มกับเพื่อนๆ บ้างแต่ตอนนั้นเราก็กินกันตามประสาเด็กวัยรุ่น 1-2 ลัง แค่นั้นก็เมากันจนกลับหอไม่ถูกแล้ว
“ผมขอไปฉี่ก่อน”
ผมลากตัวเองมานั่งโก่งคออ้วกอยู่บนพื้นห้องน้ำด้านหลัง เมาหนักจนแทบจะคลานออกไปไม่ไหว เปิดประตูห้องน้ำออกมาได้เหมือนเดินชนใครสักคนจนเกือบล้มลงไปนอนกองบนพื้นอีกรอบ
“ลุกขึ้น” เจ้าของรองเท้าสีดำเงาวับพูดเสียงดุ
“หือ”
“ฉันบอกให้ลุกขึ้น”
“ลุกม่ายหวาย” ผมเกยคางวางลงไปบนปลายรองเท้าแข็ง เสียงยานคางของตัวเองดังสะท้อนกลับมาเข้าหู
“เดี๋ยวได้ลุกไม่ไหวจริงๆ แน่...ลุกขึ้น”
ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองเดินออกมาจากห้องน้ำยังไง แล้วก็จำไม่ได้ด้วยว่าผมกดเรียกรถแท็กซี่ให้มารับตอนไหน รู้แค่คนขับแท็กซี่ไข่หอมมากเพราะตลอดทางผมฝากหน้าซุกอยู่ตรงซอกขาหนีบตลอดเส้นทาง จากนั้นสติผมเริ่มมาขมุกขมัวลัวๆ รางๆ อีกทีตอนที่ถูกจับแก้ผ้า ถ่างขา ตะแคงตัวพลิกไปพลิกมาเช็ดตัวให้ ขับไล่ความเหนียวหนืดเหนอะหนะจนรู้สึกสบายตัว
“นอนดีๆ” เจ้าของเตียงนุ่มลากหัวผมขึ้นไปหนุนหมอน
“เอ๋ คุณเองเหรอ...ไม่เจอหลายวันเลยนะครับ”
“เมาขนาดนี้ยังจำฉันได้อีกอย่างนั้นเหรอ”
“ได้สิ เพราะคุณคือผู้มีพระคุณของผม ผมจำหน้าคุณได้ จำเสียงของคุณได้ แล้วผมก็จำค.... ของคุณได้”
“อยากทักทายมันสักหน่อยมั้ย” มุมปากเผยรอยยิ้มพึงพอใจก่อนจะจูบลงมาบนแก้มผมเบา ขายาวตวัดข้ามขึ้นมาคร่อมบนช่วงอก จากนั้นถลกร่นกางลงควักท่อนเอ็นดุ้นใหญ่ออกมาทักทายผม
“คิดถึงมันมั้ย” แท่งเนื้ออุ่นๆ ถูกนำมาถูอยู่ข้างแก้ม
“อืม…จุ๊บ” ผมเอียงปากไปจูบทักทายไอ้งูใหญ่ที่เคยอมหัวมันไปหลายครั้ง แถมยังเคยถูกมันพ่นพิษใส่อยู่หลายที
ผมผงกหัวขึ้นไปจูบทักทายเจ้างูยักษ์ ด้วยการ อ้าปากแล้วปล่อยให้มันเลื้อยมุดผลุบหายเข้าไปในโพรงปาก บางครั้งถอนถอยดึงมันออกมาใช้ลิ้นเลียลิ้ม ชิมรสชาติหวานปะแล่มตรงส่วนหัวสีชมพูเข้มเป็นหยัก เป็นลอน แต่หากรู้สึกเลี่ยนเกินไปก็แค่ลากลิ้นเลียต่ำลงมาอีกหน่อยตรงโคนขาซอกถุงอัณฑะมันจะให้รสสัมผัสรสชาติเค็มนิดๆ แต่ถ้าหากลากลิ้นยาวเริ่มจากโคนสุดไปถึงปลายบอกเลยว่าอร่อยจนสร่างเมา
“อยากมั้ย” มือหนักเอื้อมไปบีบขยำท่อนเนื้อของผมที่มันกำลังค่อยๆ ตื่นขึ้นมากลางดึก
“ครับ...”
“คืนนี้เธอเมามาก ตั้งสติให้ดีก่อนตอบนะเข้าใจมั้ย”
“ผมไม่เมาสักหน่อย เห็นมั้ยผมจำคุณได้ คุยกับคุณรู้เรื่อง” ผมใช้มือสองข้างกำรวบเจ้างูยักษ์ให้มันอยู่นิ่งๆ จากนั้นเพ่งสบสายตากับมัน
“ไอ้ที่เธอคุยด้วยนะมันไม่ใช่ฉัน...แต่มันเป็นค...ว....ฉัน”