เกินความสามารถ

1600 คำ
ตอนที่ 3 เพียงไม่นาน รถเอสยูวีคันหรูก็ลดความเร็วลง ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปบนถนนส่วนตัวอันเงียบสงบของหมู่บ้านหรูหราแห่งหนึ่งใจกลางกรุง สถานที่แห่งนี้ราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ความวุ่นวายของมหานครถูกกลืนหายไปในความมืดมิดที่โอบล้อม เมื่อรถหรูของคุณชมพู่แล่นมาจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังงาม แสงไฟสีนวลที่ลอดออกมาจากภายใน ช่วยเผยให้เห็นถึงโครงสร้างอันน่าทึ่งและงดงามของตัวบ้านได้อย่างชัดเจน มันถูกออกแบบมาอย่างประณีตราวกับงานศิลปะชิ้นเอก ชวนให้รู้สึกถึงความหรูหรา โออ่า และน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน เมื่อประตูรั้วไฟฟ้าเปิดออก พร้อมกับที่คุณชมพู่หมุนพวงมาลัยรถเข้าไปจอดในโรงรถ แทนไทก้าวลงมายืนบนพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบ เขาสูดลมหายใจลึกๆ อากาศในยามค่ำคืนที่นี่บริสุทธิ์และเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ แตกต่างจากย่านใจกลางเมืองที่เขาเพิ่งจากมาอย่างสิ้นเชิง เขาพยายามรวบรวมสติ เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ คุณชมพู่เดินนำเขาเข้าไปในตัวบ้าน ภายในถูกตกแต่งอย่างหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูมีราคาแพงและมีรสนิยม คุมโทนสีขาวและเทาอ่อนสะอาดตา ให้ความรู้สึกสงบแต่แฝงไว้ด้วยความโอ่อ่า ทุกย่างก้าวของแทนไทเต็มไปด้วยความประหม่า หัวใจของเขายังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องโถงกว้างขวาง สายตาของเขาก็ปะทะเข้ากับร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนโซฟาสีครีม เด็กสาวคนหนึ่ง...รูปร่างอรชร ใบหน้าสวยหวานราวกับภาพวาด ดวงตาของเธอมีแววลึกลับและเศร้าสร้อย ผมยาวสลวยสีดำขลับถูกปล่อยลงมาเคลียไหล่เล็กๆ ของเธอ แสงไฟจากโคมระย้าด้านบนส่องกระทบใบหน้า ทำให้เขาสังเกตเห็นไฝเม็ดเล็กๆ ใต้ดวงตาข้างขวาของเธอ ซึ่งยิ่งเพิ่มเสน่ห์อันน่าค้นหา คุณชมพู่หันมามองแทนไทด้วยรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก รอยยิ้มนั้นงดงามแต่ก็แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ยากจะหยั่งถึง “นี่มะลิค่ะ...เธอเป็นลูกสาวของฉันเอง” คุณชมพู่หันมาแนะนำเด็กสาวตรงหน้า น้ำเสียงของเธออ่อนโยนผิดจากเมื่อครู่ แทนไทพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทักทายออกไปตามมารยาท “สวัสดีครับ” สิ้นเสียงของเขา เด็กสาวคนดังกล่าวก็ทำได้เพียงส่งยิ้มบางๆ ให้กับแทนไทเท่านั้น รอยยิ้มของเธอดูบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา ทว่าในความอ่อนหวานนั้นกลับแอบแฝงไปด้วยความเย้ายวนอย่างน่าประหลาด ไม่ต่างจากคุณชมพู่เลยแม้แต่น้อย ผู้เป็นแม่เดินเข้าไปหาลูกสาวของตนเอง ลูบศีรษะเบาๆ อย่างทะนุถนอม ก่อนจะหันมาอธิบายกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด “มะลิ...เธอเป็นใบ้ค่ะ ต้องใช้ภาษามือสื่อสารกับคุณ” คุณชมพู่หันไปทำภาษามือกับบุตรสาวอย่างเชี่ยวชาญ มะลิพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะใช้ภาษามือสื่อสารโต้ตอบกับผู้เป็นมารดาอย่างคล่องแคล่ว แววตาของเธอหม่นลงเล็กน้อยเมื่อเห็นแทนไท “เอ่อ...คุณชมพู่ครับ ผมสื่อสารภาษามือไม่เป็นครับ...” แทนไทรีบบอกออกไปอย่างร้อนรน เขาเริ่มตระหนักถึงความท้าทายที่แท้จริงของ 'งาน' ที่เธอกำลังจะมอบให้ คุณชมพู่เดินเข้ามาใกล้แทนไท ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา แววตาคมกริบแต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แรงกดดันจากสายตาของเธอดึงดูดให้แทนไทไม่อาจละสายตาได้ “นี่คืองานที่ฉันเสนอให้คุณค่ะ เป็นไงคะ! มันดูท้าทายและไม่น่าเบื่ออย่างที่คุณต้องการหรือเปล่า” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง ทว่าแฝงไว้ด้วยความเย้ายวนชวนขนลุก “ฉันยินดีให้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่คุณเสนอมา” “แล้วผมต้องทำยังไงเหรอครับ?” แทนไทถามด้วยความสับสน ความคิดในหัวเริ่มตีกันวุ่นวาย ความรู้สึกหนักอึ้งเข้าเกาะกุม “คุณทำอย่างไรก็ได้...เพื่อให้ลูกสาวของฉันมีความสุข” คุณชมพู่เฉลยออกมา คำพูดนั้นทำให้แทนไทถึงกับงุนงง ‘ความสุข? มันหมายถึงอะไรกันแน่?’ นี่สินะ! ความแปลกใหม่ ท้าทายที่รอให้เขาพิสูจน์ แล้วเขาจะคุยกับลูกสาวของเธอยังไงล่ะที่นี้...ในเมื่อเธอเป็นใบ้! “ฉันจะลองให้คุณทำความรู้จักกับมะลิดูก่อน ถ้าเธอถูกใจและไม่ปฏิเสธคุณ เดี๋ยวค่อยมาว่ากันก็ได้ค่ะ” คุณชมพู่เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่แววตายังคงเฝ้ามองปฏิกิริยาของแทนไทอย่างไม่วางตา คำพูดสุดท้ายของเธอทำให้แทนไทตัวแข็งทื่อ เขามองหญิงสาวด้วยความแปลกใจปนสงสัย ใบหน้าของเธอเรียบเฉย ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกใดๆ ราวกับว่าสิ่งที่เธอเอ่ยขึ้นมานั้น...มันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลก แทนไทเหลือบมองมะลิที่นั่งอยู่บนโซฟา มะลิหลบสายตาเขาเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มาถึงขั้นนี้แล้ว จะถอยกลับก็คงไม่ได้ บาร์เทนเดอร์หนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ พยายามรวบรวมสติ และตัดสินใจที่จะทำตามข้อเสนอของคุณชมพู่ คุณชมพู่เดินเข้าไปใกล้มะลิ ลูบศีรษะลูกสาวเบาๆ อย่างทะนุถนอม ก่อนจะหันมาอธิบายกับแทนไทด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเศร้าลึกๆ “มะลิ...เธอไม่เคยมีความรักแบบหนุ่มสาว เธอไม่เคยมีใครมาดูแลอย่างแท้จริง ฉันอยากให้เธอได้สัมผัสความรู้สึกนั้นบ้าง” แทนไทมองไปที่มะลิ เด็กสาวผู้เงียบงัน ดวงตาของเธอดูปราศจากแววชีวิตชีวา และโหยหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป “ลองใช้ความเบื่อหน่ายของคุณ ทำสิ่งใหม่ๆ พวกนี้ดูมั้ยคะ” คุณชมพู่หันกลับมาเผชิญหน้ากับแทนไท ดวงตาของเธอมีประกายบางอย่างที่เปล่งออกมาจากความหวังอันแรงกล้า “ฉันคิดว่าคุณอาจจะเข้าใจมะลิ...และอาจจะมอบความสุขให้เธอได้ไม่ยาก” น้ำเสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย แฝงแววตาขอร้องอยู่ในที ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก กลั้นใจพูดประโยคที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้งขึ้นมาทันที “แต่ห้ามรุนแรงนะคะ...เพราะลูกสาวของฉันยังเวอร์จิ้น!” สิ้นคำพูดนั้น ใบหน้าสวยหวานก็แดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ราวกับต้องการซ่อนความรู้สึกอะไรบางอย่าง แทนไทกำลังพิจารณาในสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด ทั้งเรื่องส่วนตัวของลูกสาวที่คุณชมพู่พูดออกมาตรงๆ โดยไม่กลัวเลยว่าเขาจะมองเธอในแง่ลบ ‘หรือว่านี่...อาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้มะลิมีความสุขอย่างแท้จริงกันแน่ ไม่มีแม่คนไหนกล้าให้ผู้ชายมาเปิดซิงลูกสาวของตัวเองหรอกมั้ง..มันช่างบ้าสิ้นดี!’ หัวใจของแทนไทเต้นรัวอยู่ในอกอย่างบ้าคลั่ง ความเงียบเข้าครอบคลุมชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของคนทั้งสาม แทนไทนิ่งอึ้งไปกับคำพูดสุดท้ายที่เหมือนค้อนปอนด์ทุบลงกลางศีรษะ เขาไม่เคยคาดคิดว่าในชีวิตจะต้องมาเจอกับเรื่องอะไรที่มันแปลกประหลาดแบบนี้ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในใจ ทั้งความอึดอัดใจกับความตรงไปตรงมาของคุณชมพู่ ความเห็นใจในหัวอกของคนเป็นแม่ และความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเด็กสาวที่ชื่อมะลิ...เด็กสาวที่ทำให้แม่ของเธอยอมทำถึงขนาดนี้! เขากลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้ราบเรียบที่สุด แม้ในใจจะยังคงสับสนอยู่ก็ตาม “คุณชมพู่ครับ...” แทนไทเริ่มต้นอย่างระมัดระวัง “เรื่องที่คุณพูดมาทั้งหมด...” เขาเว้นจังหวะ เลือกใช้คำอย่างระวังที่สุด “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะครับ แต่เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนมากจริงๆ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณทำแบบนี้เพราะอะไร” เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของคุณชมพู่ที่บัดนี้หันกลับมาสบตาเขาแล้ว แววตาของเธอยังคงสั่นไหว แต่ก็มีความมุ่งมั่นฉายชัดขึ้นมา “แต่ผมคงทำงานนี้ไม่ได้หรอกครับ” สิ้นเสียงแทนไทก็หมุนตัวเดินออกไป คุณชมพู่สาวเท้าเดินตามแทนไทมาทันที่หน้าบ้าน ก่อนจะรีบคว้าแขนของชายหนุ่มเอาไว้ด้วยแววตาอ้อนวอน ริมฝีปากของเธอสั่นระริก ดวงตาแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก กลั้นก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในอก ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริงที่เก็บงำไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจออกมา “คุณแทนไทคะ...ก่อนที่คุณจะตัดสินใจอะไร...ฉันอยากให้คุณได้รับรู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับมะลิเสียก่อน” น้ำเสียงของเธอแหบพร่า เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เหมือนหัวใจที่กำลังจะแตกสลาย “ลูกสาวของฉัน...แกไม่ได้เป็นใบ้มาตั้งแต่เกิดหรอกค่ะ” คำพูดนั้นทำให้แทนไทชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย แววตาของคุณชมพู่เต็มไปด้วยความรวดร้าว แต่ก็ยังคงความหวังสุดท้ายที่เธอจะยึดมั่นไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม