Melody of love

1669 คำ
ตอนที่ 5 แทนไทเหลือบมองมะลิอีกครั้ง ใบหน้าของเธอหวานละมุนละไมไม่ต่างจากผู้เป็นแม่ แต่ดวงตาคู่โตกลับฉายแววหวาดหวั่นปนความเศร้าสร้อยที่ซ่อนไว้ไม่มิด เธอก้มหน้าหลบสายตาเขาเล็กน้อย ราวกับกำลังรอคอย...หรืออาจจะหวาดกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็เป็นได้ “เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ...มะลิ” แทนไทเอ่ยเสียงแผ่วเบา แม้รู้ว่าเธอไม่ได้ยิน แต่เขาก็อยากจะเริ่มต้นด้วยคำทักทายเพื่อสร้างความคุ้นเคย เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ พยายามสื่อสารความจริงใจผ่านแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง มะลิเงยหน้าขึ้นสบตาเขาช้าๆ ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่ดวงตาของแทนไทอย่างแน่วแน่ ก่อนที่มือเรียวสวยจะค่อยๆ ยกขึ้น เริ่มร่ายรำภาษามืออย่างเชื่องช้า ท่าทางของเธอดูประหม่าเล็กน้อย ทว่าเต็มไปด้วยความตั้งใจ แทนไทมองตามการเคลื่อนไหวของเด็กสาว และพยายามทำความเข้าใจทุกถ้อยคำที่เธอสื่อออกมา แต่แล้ว...เขาก็ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ ที่ไม่สามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตตรงหน้าได้ “ผม...ผมไม่เข้าใจภาษามือของคุณเลยครับ” แทนไทเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือความผิดหวังในตัวเองเล็กน้อย เขายิ้มขอโทษเธออย่างรู้สึกผิด มะลิเห็นดังนั้นก็ลดมือลง ใบหน้าหวานหม่นลงเล็กน้อย ราวกับผิดหวังเช่นกัน ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันหนักอึ้งกว่าเดิมหลายเท่า แทนไทถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากวาดสายตาไปรอบๆ ห้องโถงที่โอ่อ่า แต่กลับให้ความรู้สึกว่างเปล่าจับใจ ดวงตาพลันสะดุดกับเปียโนสีดำเงาวับที่ตั้งอยู่มุมห้อง ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเขา ราวกับแสงสว่างกลางความมืด “คุณชอบดนตรีไหมครับ...มะลิ?” แทนไทเอ่ยถามอีกครั้ง พลางลุกขึ้นเดินไปยังเปียโนอย่างช้าๆ มะลิมองตามเขาด้วยความสงสัย แทนไทตัดสินใจเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้เปียโน เขาวางปลายนิ้วเรียวยาวลงบนลิ่มเปียโนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงคลาสสิกที่คุ้นเคย บทเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย เสียงเปียโนกังวานไปทั่วห้องโถง ท่วงทำนองที่อ่อนหวานและเศร้าสร้อย ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนและทรงพลัง ก่อนจะจบลงด้วยความสงบราวกับได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมา มะลิยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่แทนไทไม่กะพริบ ใบหน้าของเธอไม่มีรอยยิ้ม แต่แววตาของเธอดูกระจ่างใสขึ้นเล็กน้อย ราวกับกำลังดื่มด่ำกับบทเพลงที่เธอ ‘สัมผัส’ ได้ “คุณชอบไหมครับ” มะลิพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นมาอีกครั้ง และเริ่มทำภาษามืออย่างช้าๆ คราวนี้เธอทำซ้ำๆ ราวกับต้องการให้เขาเข้าใจ แทนไทมองตามมือของเด็กสาวอย่างตั้งใจ และพยายามจับใจความ เขาเห็นมือของเธอกำลังเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ ราวกับกำลังบรรยายถึงเสียงเพลง แทนไทพอจะมีความหวังขึ้นมาเล็ก ๆ ในใจ “คุณ...คุณกำลังจะบอกว่าเพลงเพราะเหรอครับ?” แทนไทถามอย่างไม่แน่ใจ แต่เคยได้ยินคุณชมพู่บอกว่าลูกสาวของเธอพอจะอ่านปากได้อยู่บ้าง มะลิพยักหน้าอย่างแรง ดวงตาของเธอเป็นประกายแห่งความดีใจที่เขาเริ่มเข้าใจ เธอทำภาษามืออีกครั้ง คราวนี้เธอทำท่าทางที่สื่อถึงคือ “หัวใจ” และ “ความรู้สึก” “คุณรู้สึก...ดีกับเพลงนี้เหรอครับ?” แทนไทถามต่อ มะลิพยักหน้าอีกครั้ง ใบหน้าของเธอเริ่มมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้น รอยยิ้มแรกที่แทนไทได้เห็นจากเธอ ความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจของแทนไท เขาไม่เคยคิดว่าการสื่อสารกับคนใบ้จะสามารถสร้างความรู้สึกเช่นนี้ได้ ความเบื่อหน่ายที่เคยมีเริ่มจางหายไป ถูกแทนที่ด้วยความท้าทายและความอยากรู้อยากเห็นที่จะเข้าใจโลกของเธอ แทนไทลุกขึ้นจากเปียโน เดินกลับมานั่งข้างมะลิบนโซฟา เขายื่นมือออกไปอีกครั้ง คราวนี้มะลิไม่ลังเล เธอวางมือของเธอลงบนฝ่ามือของแทนไทอย่างนุ่มนวล ปลายนิ้วเรียวของเธอสัมผัสกับผิวของเขาอย่างแผ่วเบา “มีอะไรที่คุณอยากสื่อกับผมอีกมั้ย” แทนไทเอ่ยเสียงเบา ดวงตาของเขามองตรงเข้าไปในดวงตาของมะลิ “ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง...แต่ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะ” มะลิมองเขา ดวงตาของเธอดูเศร้าสร้อยอีกครั้ง เธอค่อยๆ เลื่อนมือของเธอมาแตะที่แก้มของแทนไทอย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วของเธอไล้ไปตามโครงหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน ราวกับกำลังสำรวจความรู้สึกของเขา แทนไทรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แก้ม ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันบริสุทธิ์และจริงใจ ราวกับแสงตะวันแรกยามเช้าที่สาดส่องลงบนพื้นดินที่แห้งแล้ง มันอบอุ่นและปลอบโยน จนเขาเผลอหลับตาลงรับสัมผัสนั้น ไม่นานนักมะลิก็ทำภาษามืออีกครั้ง คราวนี้เธอทำท่าทางที่สื่อถึง “ความเหงา” และ “การรอคอย” แทนไทพยายามตีความ เขาคิดถึงคำพูดของคุณชมพู่ที่บอกว่ามะลิเหงา และอยากให้เธอมีใครสักคนมาดูแล จึงตัดสินใจเอ่ยถาม โดยการขยับปากอย่างช้า ๆ เพื่อให้เธอเข้าใจ “คุณเหงาใช่ไหมครับ” แทนไทถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน มะลิพยักหน้า น้ำตาคลอเบ้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น แทนไทรู้สึกสงสารมะลิจับใจ เขาดึงเธอเข้ามากอดอย่างแผ่วเบา มะลิสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน เธอซบหน้าลงกับไหล่ของแทนไท ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างเงียบงัน แทนไทลูบศีรษะของมะลิอย่างปลอบโยน เขาสัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้านของร่างกายเธอ ความรู้สึกอบอุ่นบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจของเขา ไม่ใช่ความใคร่ แต่เป็นความเห็นใจและความผูกพันที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด “ต่อไปนี้ผมจะดูแลคุณเอง” แทนไทกระซิบข้างหูเธอ เสียงของเขาอ่อนโยนราวกับจะพัดพาความเจ็บปวดให้จางหาย “คืนนี้...ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน” มะลิเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความซาบซึ้ง เธอทำภาษามืออีกครั้ง คราวนี้เธอทำท่าทางที่สื่อถึง ‘ความสุข’ พร้อม ๆ กับแววตาที่ขอบคุณ แทนไทคลี่ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ เขาไม่เคยรู้สึกพึงพอใจกับตัวเองได้มากเท่านี้มาก่อน การได้เห็นรอยยิ้มและความสุขเล็กๆ ของมะลิ ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้มีคุณค่ามากกว่าการใช้เงินไปวันๆ แบบเมื่อก่อน ค่ำคืนนั้น แทนไทและมะลิใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้องโถงกว้างขวาง แทนไทพยายามเรียนรู้ภาษามือจากมะลิ เธอสอนเขาอย่างอดทน และเขาเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาหัวเราะกันอย่างเงียบๆ ผ่านภาษากายและแววตา แทนไทนั่งลงข้างเธอ เว้นระยะห่างเล็กน้อย มะลิหันมามองเขาอีกครั้ง แล้วค่อยๆ หยิบสมุดโน้ตเล็กๆ กับดินสอจากกระเป๋าผ้าที่วางอยู่ข้างตัว เธอยื่นมันให้เขา แทนไทรับมาอย่างงงๆ “อยากให้ผมเขียนอะไร? ในนี้ใช่มั้ย” มะลิยิ้มแล้วชี้ดินสอไปที่สมุดโน้ต ก่อนจะชี้ไปที่ตัวเขา นั่นทำให้แทนไทเข้าใจว่าเธออยากให้เขาเป็นคนเขียน เขาตัดสินใจเขียนคำถามตรงๆ “คุณมะลิ...มีแฟนหรือยังครับ?” มะลิมองคำที่เขาเขียน เธอส่ายหน้าเบาๆ แล้วยิ้ม “แล้วอยากเป็นแฟนกับผมมั้ย” แทนไทพูดเบาๆ แต่ไม่กล้าเขียนลงไป มะลิยิ้มกว้างกว่าเดิม ดวงตาของเธอเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อสาร แทนไทรู้สึกถึงกำแพงบางๆ ที่กำลังจะพังทลายลง แม้จะยังไม่เข้าใจกันด้วยคำพูด แต่การที่เธอพยายามสื่อสาร และเขาก็พยายามทำความเข้าใจ มันคือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่กำลังจะเชื่อมโยงคนสองคนเข้าไว้ด้วยกัน แทนไทมองสมุดโน้ตในมือ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับมะลิอีกครั้ง เขาเห็นความคาดหวังบางอย่างในดวงตาคู่นั้นของเธอ และเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามคำขอของคุณชมพู่ เขาหยิบดินสอขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเขียนลงไปในสมุดโน้ตช้าๆ ด้วยตัวบรรจง “คืนนี้ผมขออยู่กับคุณทั้งคืนได้มั้ย” เมื่อมะลิอ่านข้อความนั้น รอยยิ้มของเธอก็แผ่กว้างขึ้น ดวงตาเป็นประกายด้วยความโล่งใจและความสุข เธอพยักหน้าเบาๆ แล้วยื่นมือมาแตะแขนของแทนไทเบาๆ เป็นเชิงขอบคุณ สัมผัสที่แผ่วเบานั้นทำให้หัวใจของแทนไทเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ความเงียบไม่ได้น่าอึดอัดอีกต่อไป มันกลับกลายเป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความผูกพันที่กำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ ระหว่างคนสองคน ที่แม้จะไม่มีคำพูด แต่กลับรู้สึกถึงกันได้ด้วยหัวใจ มะลิชี้ไปที่กองหนังสือบนโต๊ะข้างโซฟา แล้วหันมามองเขา แทนไทพอจะเดาได้ว่าเธอชวนอ่านหนังสือด้วยกัน เขาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา เป็นหนังสือนิทานภาพเก่าๆ แทนไทเปิดหน้าแรก แล้วเริ่มใช้นิ้วลากไปตามตัวอักษรช้าๆ พร้อมกับมองหน้ามะลิเป็นระยะ มะลิมองภาพประกอบในหนังสืออย่างตั้งใจ บางครั้งเธอก็ยิ้ม บางครั้งก็ทำท่าทางเหมือนกำลังคิดตาม ราวกับเด็กน้อยที่กำลังค้นพบโลกใบใหม่ที่น่าตื่นเต้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม