ภาษากายสื่อรัก

1916 คำ
ตอนที่ 7 8.00 น. เช้าวันนี้แทนไท ตื่นขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้จะหลับไปเพียงแค่สองชั่วโมง แต่เขากลับรู้สึกสดชื่นและเต็มไปด้วยพลังงาน ความเบื่อหน่ายที่เคยเกาะกุมในใจมานานหลายปี กลับดูเหมือนจะจางหายไปสิ้น แทนที่ด้วยความมุ่งมั่นและความตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้โลกใบใหม่ของเด็กสาวใบ้ที่ชื่อ...มะลิ 12.00 น แทนไทก้าวเดินไปตามทางที่คลาคล่ำไปด้วยเหล่านักศึกษา เสียงจอแจของการสนทนาและเสียงหัวเราะดังระงมไปทั่ว ทว่าในใจของเขากลับมุ่งตรงไปยังจุดหมายเดียว นั่นคือคณะอักษรศาสตร์ เขากำลังตามหารุ่นน้องต่างคณะคนหนึ่ง สายตาคมกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กๆ ที่มุมหนึ่งของตึก ราวกับมีบางสิ่งดึงดูดให้เขาต้องหยุดนิ่งและจ้องมอง... “เพลงขวัญ!” แทนไทเรียกชื่อรุ่นน้องที่เขารู้จักเธอเป็นอย่างดี เพลงขวัญบอกลาเพื่อน ๆ ก่อนจะแยกตัวเดินมาหาแทนไทด้วยความดีใจ ดวงตากลมโตเป็นประกายภายใต้กรอบแว่นสีโรสโกลด์ภายใต้รอยยิ้มหวาน แทนไทจำรอยยิ้มสดใสของเธอได้ดี เพลงขวัญเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักศึกษาว่าเป็นคนน่ารัก มีน้ำใจ และที่สำคัญ... เธอแอบมีใจให้แทนไท แต่ความพิเศษของเพลงขวัญคือ เธอไม่เคยวุ่นวายหรือตามตื้อเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ “พี่แทน! มาได้ไงคะเนี่ย หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นพี่เลย” เพลงขวัญเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงสดใส แทนไทพาเพลงขวัญเดินมานั่งในมุมสงบ “พอดีพี่มีเรื่องอยากปรึกษาน้องเพลงหน่อย” “เรื่องอะไรเหรอคะ?” เพลงขวัญมองเขาอย่างตั้งใจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้ “ตอนนี้น้องเพลงยังเป็นครูอาสาสอนภาษามือให้กับเด็กๆ ที่โรงเรียนคนพิการอยู่หรือเปล่า” “ค่ะ ยังไปอยู่บ้างช่วงที่ว่าง ๆ แต่ช่วงนี้เพลงเรียนหนักก็เลยไม่ค่อยได้ไป พี่แทนมีอะไรเหรอคะ” แทนไทตัดสินใจอธิบายถึงความจำเป็นที่เขาต้องเรียนรู้ภาษามือให้เพลงขวัญฟังอย่างคร่าวๆ โดยไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก เพลงขวัญพยักหน้าเข้าใจ เธอสัมผัสได้ถึงแววตาที่จริงจังของแทนไทที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “เรื่องภาษามือไม่ต้องห่วงค่ะ เพลงถนัดอยู่แล้ว” เธอยิ้มกว้าง แทนไทรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที “ดีเลย! เพลงช่วยแนะนำพี่หน่อยสิ ว่าพี่ควรเริ่มต้นยังไง” “ได้สิคะ” เพลงขวัญขยับตัวเข้ามาใกล้เล็กน้อย แววตาของเธอเปล่งประกายด้วยความกระตือรือร้น “ง่ายๆ เลยนะคะ พี่แทน ลองทำมือแบบนี้นะคะ” เธอเริ่มสาธิตการทำมือเป็นตัวอักษรแรกๆ อย่างช้าๆ “นี่คือตัว ‘กอไก่’ ค่ะ...ส่วนนี่ ‘ขอไข่’...” เสียงหวานๆ ของเธออธิบายอย่างใจเย็น พร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าตลอดเวลา แทนไทมองตามมือของเพลงขวัญอย่างตั้งใจ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอดูนุ่มนวลและน่าหลงใหล ราวกับเธอกำลังร่ายรำ “การสื่อสารด้วยภาษามือมันไม่ได้มีแค่ตัวอักษรนะคะพี่แทน” เพลงขวัญอธิบายต่อ “มันต้องใช้สีหน้า แววตา แล้วก็น้ำเสียงที่แสดงออกทางภาษากายด้วยค่ะ เหมือนเรากำลังพูดด้วยความรู้สึกจากใจจริงๆ” เธอประสานมือเข้าหากันแล้ววางทาบที่หน้าอก ราวกับจะสื่อถึงความหมายที่ลึกซึ้ง “อย่างสมมติว่ามะลิบอกว่า ‘คิดถึง’ เธอก็จะทำมือแบบนี้” เพลงขวัญสาธิตท่าทางภาษามือที่สื่อถึงคำว่า ‘คิดถึง’ พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานที่สะท้อนถึงความรู้สึกนั้นออกมาอย่างชัดเจน “หรือถ้าบอกว่า ‘มีความสุข’ ก็จะทำแบบนี้” เธอทำมืออีกท่าทางหนึ่งที่ดูสดใสและร่าเริง แทนไทพยักหน้าซึมซับทุกคำอธิบาย เขารู้สึกว่าสิ่งที่เพลงขวัญกำลังสอนไม่ใช่แค่ภาษามือ แต่เป็นภาษาของหัวใจที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน “พี่แทนลองไปฝึกพื้นฐานจากพวกคลิปวิดีโอบน Youtube ก่อนก็ได้นะคะ แล้วถ้ามีคำถามอะไร หรืออยากให้เพลงช่วยฝึกให้เพิ่ม ก็บอกได้เลยนะคะ เพลงยินดีช่วยเต็มที่เลยค่ะ” เพลงขวัญพูดด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและจริงใจ แววตาของเธอสบกับแทนไทอย่างเปิดเผย และลึกๆ แล้วเธอหวังว่าเขาจะมองเห็นความรู้สึกพิเศษที่เธอมีให้เขาบ้าง...ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในทุกคำพูดและทุกท่าทางที่เธอแสดงออกไป แทนไทกล่าวขอบคุณเพลงขวัญด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็แอดไลน์ของเธอไว้เพื่อถามไถ่ เขาไม่เพียงได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ แต่ยังได้รับกำลังใจจากรอยยิ้มและความปรารถนาดีของเธออีกด้วย เพลงขวัญรู้ดีกว่าแทนไทเบื่อคนรอบข้าง เบื่อทุกอย่างที่คอยจัดสรร นาน ๆ เขาถึงจะเดินเข้าบ้านสักครั้ง บ้านที่ทุกอย่างพร้อมสำหรับเขา ขาดแต่คนที่คอยเข้าใจ หลังจากได้คำแนะนำดี ๆ แทนไทก็รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างเล็กๆ ส่องนำทางในเส้นทางใหม่ที่กำลังจะก้าวเดิน 17.00 น. แทนไทเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกปลอดโปร่งพัดผ่านเข้ามาในใจ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “สวัสดีครับพี่เมธ ผมแทนไทนะครับ” เขาเอ่ยทักทายปลายสายทันทีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสดใส “อ้าว ไอ้แทน! กูเองมีอะไรวะ พี่เมธเขาไม่อยู่เว้ย” เสียงของท็อป เพื่อนร่วมงานดังขึ้นจากปลายสาย “คือกูจะโทรมาลาออกกับพี่เมธ ยังไงมึงช่วยฝากบอกให้ด้วยนะ” แทนไทบอกความตั้งใจออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่ท็อปจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแปลกไป “อืม...เดี๋ยวกูบอกให้ ไม่เป็นไรหรอก เร็วๆ นี้กูเองก็ว่าจะลาออกเหมือนกัน” แทนไทรู้สึกประหลาดใจกับคำตอบนั้น “อ้าว! ทำไมวะ?” “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เบื่อๆ เหมือนมึงไง” ท็อปตอบเลี่ยงๆ แต่ในน้ำเสียงนั้นมีความรู้สึกบางอย่างที่แทนไทจับต้องได้ “โอเค แค่นี้ แล้วเจอกัน” แทนไทวางสายไปพร้อมกับความรู้สึกที่หลากหลายในใจ เย็นวันนี้แทนไท ตัดสินใจไปที่บ้านของคุณชมพู่ตามนัดหมายเพื่อเริ่มงานวันแรก ความตรงไปตรงมาของคุณชมพู่ และความต้องการที่จะให้เขาอยู่กับมะลิ...ทั้งหมดนี้มันเชื่อมโยงกันหมด และเขาเพิ่งตระหนักว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการได้ และอีกแง่หนึ่งแทนไทก็รู้สึกเห็นใจมะลิ เมื่อรถแท็กซี่ไปจอดหน้าคฤหาสน์หรู แทนไทโทรหาคุณชมพู่ “ผมมาถึงแล้วครับคุณชมพู่” เขากรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ “อ้อ!!! คุณแทน! พอดีฉันยังไม่เลิกงานเลยค่ะ คุณเข้าไปรอด้านในได้เลยนะคะ ประตูไม่ได้ล็อก” เสียงหวานของคุณชมพู่ตอบกลับมาอย่างเร่งรีบ แล้วเธอก็วางสายไป ทิ้งให้แทนไทยืนงงอยู่หน้าประตู ลูกสาวของเธอเป็นผู้หญิงอยู่ในบ้านตามลำพังเพียงคนเดียว แต่ทำไมถึงไม่ล็อกประตู! คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจของชายหนุ่ม แทนไทลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปในรั้วบ้าน ประตูรั้วเหล็กดัดเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นทางเดินหินอ่อนที่ทอดยาวไปสู่ตัวบ้าน ทันทีที่เขาเดินไปถึงหน้าประตูใหญ่ มะลิก็เดินมาเปิดประตูให้เขาพอดี เธอคงเห็นเขาตั้งแต่แรกแล้ว ใบหน้าสวยหวานของมะลิฉายแววดีใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขา ดวงตาคู่โตเปล่งประกายด้วยความคาดหวัง เธอก้าวหลบให้เขาเข้าไปด้านในแทนไทก้าวเข้าไปในห้องโถงกว้างขวางอีกครั้ง บรรยากาศเงียบสงบเหมือนเดิม แต่คราวนี้เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมที่เขากับเธอเคยนั่งเมื่อคืน มะลิเดินตามมานั่งลงข้างๆ อย่างเงียบเชียบ เธอหยิบสมุดโน้ตกับดินสอออกมา ยื่นให้เขาเป็นเชิงชวนคุย แทนไทรับสมุดมา เขามองหน้ามะลิ แววตาของเธอยังคงใสซื่อบริสุทธิ์ จนเขาไม่อาจโกรธหรือรู้สึกแย่กับเธอได้เลย เขาตัดสินใจที่จะทำตามหน้าที่ที่เขาเลือกจะทำ นั่นคือการทำให้เธอมีความสุข แทนไทเริ่มเขียนลงไปในสมุด: “วันนี้เป็นยังไงบ้างครับมะลิ?” เขาพยายามใช้ภาษามือที่เพลงขวัญสอนมาอย่างช้าๆ ประกอบกับคำพูดที่เขาออกเสียง มะลิมองตามการเคลื่อนไหวของมือเขา แล้วก็อ่านริมฝีปากเขาอย่างตั้งใจ มะลิยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเขียนตอบกลับ: ‘วันนี้มะลิมีความสุขมากค่ะ ที่พี่แทนมาหา’ แทนไทอ่านข้อความนั้น หัวใจของเขาอ่อนยวบลงทันที เขาไม่เคยคิดว่าการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเขาจะมีความหมายกับใครบางคนได้มากขนาดนี้ แทนไทเขียนต่อ: “พี่ก็ดีใจที่ได้มาหามะลิครับ” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ “พี่มีเรื่องอยากเล่าให้ฟังด้วย มะลิอยากฟังไหม?” เขาใช้ภาษามือประกอบคำพูดอีกครั้ง มะลิพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกาย เธอจับมือของแทนไทเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าเธอพร้อมจะรับฟัง แทนไทตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องที่เขาไปเรียนภาษามือกับเพลงขวัญให้เธอฟัง เขาเขียนและทำภาษามือประกอบอย่างช้าๆ: “วันนี้พี่ไปเรียนภาษามือมาครับ อยากจะสื่อสารกับมะลิให้เข้าใจกันมากขึ้น” มะลิมองดูการเคลื่อนไหวของมือเขาอย่างตั้งใจ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความดีใจอย่างเห็นได้ชัด เธอทำภาษามือรัวเร็ว พลางชี้ไปที่ตัวเขาแล้วทำท่าทางสื่อถึงคำว่า 'ดีใจ' และ 'ขอบคุณ' ซ้ำๆ แทนไทยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอแม้จะยังไม่เข้าใจภาษามือทั้งหมด เขาเขียนต่อ: “พี่จะพยายามเรียนรู้ให้เร็วที่สุด เพื่อที่เราจะได้คุยกันได้เยอะๆ นะครับ” มะลิยิ้มกว้าง ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับ น้ำตาเล็กๆ คลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง เธอวางมือบนสมุดโน้ตแล้วเขียนด้วยลายมือที่เร่งรีบขึ้นเล็กน้อย: ‘มะลิจะสอนพี่แทนเองค่ะ สอนทุกวันเลย’ แทนไทมองข้อความนั้น หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตของเขาจะมาถึงจุดนี้ จุดที่เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อใครบางคน เขาเขียนตอบกลับไป: “ตกลงครับ พี่จะตั้งใจเรียน” เขาหันมายิ้มด้วยแววตาทะเล้น ความเงียบกลับมาปกคลุมอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นความเงียบที่แสนสบาย เต็มไปด้วยความเข้าใจและความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันระหว่างคนสองคน ที่แม้จะไม่มีคำพูด แต่กลับสื่อถึงกันได้ด้วยหัวใจและแววตาที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม