“เด็กเส้น”

2344 คำ
-ฝั่งไทเกอร์- “อ้าว เกอร์ วันนี้เข้าร้านด้วยเหรอ?” เสียงของพี่มะเหมี่ยวดังขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาในโซนพนักงาน “ครับ ไอคิวมันบอกว่ามีเด็กใหม่มาสมัคร เลยแวะมาดูหน่อย” พี่มะเหมี่ยวยิ้มนิด ๆ แซวอย่างรู้ทัน “แหมมม… ทำมาเป็นพูด จริง ๆ ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ถึงได้ฝากเจ้าคิวให้รับเข้าทำงานน่ะ” ไทเกอร์ยกยิ้มบาง “ก็รุ่นน้องที่รู้จักกันนิดหน่อย ยังไงก็ฝากพี่ช่วยดูแลด้วยนะครับ” “ได้สิ พี่ดูให้” เธอตอบรับทันที ก่อนจะเอ่ยต่อพลางปรายตามองไปทางแบมแบมที่อยู่ไม่ไกล “เหมือนน้องแบมจะเข้ากับคนง่ายอยู่นะ แต่แววตากับท่าทางบางอย่าง… ก็ดูแอบดื้อใช่เล่นอยู่เหมือนกันนะ” ไทเกอร์หัวเราะเบา ๆ ไม่ปฏิเสธหรือยืนยัน ก่อนจะปล่อยให้บทสนทนาหยุดลง พร้อมสายตาที่เผลอมองไปทางเด็กสาวในชุดเดรสสีดำคนนั้น… อย่างเงียบ ๆ …… – ฝั่งแบมแบม – ฉันนั่งจัดกระเป๋าใบเล็กของตัวเองอยู่ที่มุมห้องพักพนักงานหลังเปลี่ยนชุดเสร็จ ระหว่างนั้นก็แอบเหลือบตามองไปทางประตูเป็นระยะ เพราะเมื่อกี้เหมือนเห็นใครบางคนเดินเข้ามา …ผู้ชายคนนั้นสูงมาก ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาวพับถึงศอก กางเกงยีนส์เข้ารูปแบบเรียบ ๆ แต่มองแล้ว… โคตรดูดี กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ แนวผู้ชายแพง ๆ ยังลอยตามมาถึงตรงนี้ ฉันไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง “แบม ๆ ไปโต๊ะ 3 หน่อยนะลูก ลูกค้าประจำเพิ่งเข้ามา พี่ขอคนหน้าตาน่ารักไปดูแลก่อน” พี่มะเหมี่ยวพูดพร้อมยิ้มทะเล้น “ค่ะ!” ฉันลุกขึ้นตอบรับ ก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย สายตาฉันก็เผลอมองไปยังมุมโซฟาร้านอีกครั้ง เขายังนั่งอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มคนนั้น… เขากำลังนั่งคุยอะไรบางอย่างกับคิว คนที่สัมภาษณ์ฉันเมื่อหัวค่ำนี้ …หรือว่าเขาคือ “พี่ไทเกอร์” ดวงตาของเขาเฉียบคม เหมือนมองทะลุใจคนได้ยังไงยังงั้น เขาไม่ได้ยิ้ม แต่ก็ดูไม่เย็นชา… กลับกัน มันดูนิ่งลึก และน่าค้นหา ฉันรีบเบือนหน้าหนี ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะลูกค้าแบบเก้ ๆ กัง ๆ ‘อย่าเผลอมองสิแบม… อย่าเผลอมอง…’ แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี… เมื่อฉันเดินมาถึงโต๊ะของลูกค้า แค่สบตา ฉันก็รู้ทันทีว่ากลุ่มนี้ไม่ใช่ลูกค้าทั่วไปที่แค่เข้ามาดื่มเฉย ๆ … ทุกคนดูแต่งตัวดี กลิ่นน้ำหอมกับนาฬิกาแต่ละเรือนก็บอกชัดว่าคงไม่ธรรมดา “ไม่เคยเห็นหน้าเลยนี่ มาใหม่หรอครับ?” เสียงทักอย่างเป็นมิตรของผู้ชายคนหนึ่งทำให้ฉันยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไป “ใช่ค่ะ เพิ่งเริ่มวันนี้วันแรกเลยค่ะ” “หน้าตาดีเชียว ถ้าไอคิวไม่รับก็แปลก ฮ่าๆ” ผู้ชายอีกคนหัวเราะเสียงดัง ทำให้คนทั้งโต๊ะหัวเราะตามอย่างอารมณ์ดี “แบบนี้น้องช่วยอยู่ดูแลพวกพี่ทั้งคืนเลยนะครับ” อีกคนเสริมขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างที่มองมาทางฉันไม่ละสายตา “น้องชื่ออะไรละ พี่ชื่อไม้นะ ส่วนนี่เพื่อนพี่ ชื่อ หนึ่ง นาย แล้วก็ตูน” “ชื่อแบมแบมค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่ไม้ พี่หนึ่ง พี่นาย พี่ตูน” ฉันพูดพลางยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แต่น้ำเสียงก็แฝงด้วยความสดใส ไม่แสดงความอึดอัดออกไปแม้แต่น้อย “น้องแบมแบม ยิ้มทีโลกละลายเลยอะ น่ารักเกินไปละ” พี่ตูนพูดพลางยกแก้วขึ้นดื่ม “พวกพี่อยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ? หรืออยากให้ช่วยอะไรเป็นพิเศษก็บอกได้นะคะ เดี๋ยวแบมจัดให้ค่ะ” ฉันส่งยิ้มอีกครั้งก่อนจะหยิบเมนูให้ พยายามโฟกัสกับงานเพื่อไม่ให้ตัวเองวอกแวกมากกว่านี้… โดยเฉพาะตอนที่สายตาเหลือบไปเห็น “เขา” ยังคงนั่งอยู่ไม่ไกล และใช่… เขายังมองมาทางฉันอยู่จริง ๆ ด้วย อีตาบ้านี่เป็นโรคจิตหรือไง มองอยู่นั่นแหละ! ฉันเหลือบมองกลับไปแบบไว ๆ ก่อนจะรีบหันหน้าหนีอย่างเนียน ๆ ไม่ใช่แค่มองธรรมดานะ… มองแบบที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกสแกนตั้งแต่หัวจรดเท้า หรือเขามีรังสีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกแปลก ๆ ก็ไม่รู้ เฮอะ! ทำเป็นนิ่ง ๆ หน้าไม่แสดงอารมณ์ แต่ตาก็ยังมอง! ไม่รู้จะโกรธหรือจะเขินดี “น้องแบมแบม~ ขอเบอร์ไว้หน่อยดิ เดี๋ยวพวกพี่มาร้านอีก จะได้เรียกน้องโดยตรงเลย” เสียงพี่นายทำให้ฉันหลุดจากความคิด ก่อนจะรีบเบี่ยงประเด็นด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “เบอร์ร้านดีกว่าค่ะ ถ้าพี่โทรมาจองโต๊ะ เดี๋ยวพี่มะเหมี่ยวจะดูให้เลยว่าแบมว่างมั้ย~” ฉันตอบพร้อมส่งสายตาให้พี่มะเหมี่ยวที่ยืนอยู่ไม่ไกลช่วยซัพพอร์ตฉันที! “โอ๊ย! ปากหวาน น่ารักอีกต่างหาก!” พี่หนึ่งแซวตามมา ขณะที่ฉันก็แกล้งหัวเราะเบา ๆ และจะรีบเบี่ยงตัวเดินไปเอาเมนูเพิ่ม “เอ้าาา น้องแบมแบมครับ~ มากินด้วยกันมั้ย พวกพี่สั่งอาหารไว้เยอะเลย” เสียงพี่ไม้ยังไม่จบ พร้อมกับมือของพี่นายที่เอื้อมมาทางหลังฉันเหมือนจะจับเบา ๆ แต่ยังไม่ทันได้แตะ… “มือ…” เสียงทุ้มต่ำ ฟังดูนิ่งแต่แฝงความเย็นชาหนัก ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง น้ำเสียงที่ทำให้ทั้งโต๊ะชะงัก รวมถึงฉัน… ที่ถึงกับสะดุ้งเบา ๆ “ก่อนจะยื่นไปโดนตัวเด็กในร้าน ลองถามเจ้าของร้านก่อนดีมั้ย ว่าคนไหนจับได้ คนไหนจับไม่ได้” ทุกสายตาหันไปที่ต้นเสียง และแน่นอน พี่ไทเกอร์ ยืนอยู่ตรงนั้น เขาไม่ได้มองใครเลย… นอกจากฉัน สายตาคม ๆ นิ่งมาก แต่แววตากลับดูเหมือนจะดุ จนพี่นายรีบชักมือกลับแทบไม่ทัน “โห พี่เกอร์ มาเองเลยเหรอ!” พี่ตูนรีบยกมือทักอย่างประจบ “นึกว่ายังไม่เข้า… ฮ่า ๆ พวกผมก็แค่แซวน้องเล่นเฉย ๆ ไม่ได้อะไรจริงจังนะ” “งั้นก็ดี” ไทเกอร์พูดเรียบ ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฉันอย่างเงียบ ๆ แล้วพูดเบา ๆ แค่ให้ฉันได้ยิน “ให้มาทำงานไม่ได้ให้มานั้งอ่อย…” ฉันเงยหน้ามองเขา ตากระพริบถี่ ๆ อย่างไม่เข้าใจ “อ่อยบ้าอะไรของนาย?” ฉันพูดเสียงกระซิบ เขาไม่ตอบ แต่สายตานั่น…ทำฉันร้อนวูบทั้งหน้า! ก่อนเขาจะหันไปทางพี่มะเหมี่ยวแล้วพูดเสียงปกติ “พี่มะเหมี่ยว เดี๋ยวผมจะพาน้องไปดูโซน VIP เองครับ มีเรื่องจะคุยนิดหน่อย” “ได้เลยจ้าาาา~” พี่มะเหมี่ยวยิ้มมีเลศนัย เหมือนรู้ทันอะไรบางอย่าง ส่วนฉัน… ยังยืนงง ๆ กึ่งตื่นเต้น กึ่งหายใจไม่ทันอยู่ตรงนั้น ไทเกอร์หันกลับมามองฉันอีกครั้ง แล้วพูดเสียงนิ่ง ๆ แต่อ่อนลง “ตามมา อย่าช้า” แล้วเขาก็เดินนำไป… ปล่อยให้หัวใจของฉันเต้นโครม ๆ ตามหลังไปแบบไม่ทันตั้งตัว ฉันเดินตามเขามาเงียบ ๆ โดยไม่กล้าพูดอะไร รองเท้าส้นสูงที่ใส่มันเริ่มกดเท้าจนรู้สึกเมื่อย แต่ที่เต้นแรงกว่าคงเป็นหัวใจ “เอ่อ… นายจะพาฉันไปไหนเนี่ยย?” ในที่สุดฉันก็กล้าถามออกไป เสียงฉันสั่นเบา ๆ ทั้งที่พยายามให้มั่นใจแล้วแท้ ๆ เขาไม่หันกลับมามอง แค่พูดเสียงเรียบว่า “ไปดูโซน VIP ตามที่บอก” แต่…ทำไมเดินผ่านโซนนั้นไปแล้วล่ะ!? สุดท้ายฉันก็รู้คำตอบตอนที่เขาหยุดหน้าห้องกระจกบานหนึ่ง มีป้ายเล็ก ๆ เขียนว่า “ห้องผู้บริหาร” ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปแล้วหันมามองฉัน “เข้ามา” ฉันลังเลนิดหน่อยก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในห้อง บรรยากาศในนี้แตกต่างจากข้างนอกโดยสิ้นเชิง เงียบ… และเย็น เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะเอนตัวพิงพนักอย่างสบาย ๆ สายตายังจับจ้องมาที่ฉันไม่วาง “มานั่งสิ จะยืนจนเลิกงานหรือไง” เขาพูดเหมือนขำ แต่สีหน้าไม่ได้ขำสักนิด ฉันค่อย ๆ นั่งลงอีกฝั่งของโซฟา พยายามไม่ให้กระโปรงมันร่นขึ้นมามากนัก บอกตามตรง… ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักเรียนที่ถูกอาจารย์เรียกพบผู้ปกครองยังไงยังงั้น “นายมีอะไรจะคุยกับฉันก็ว่ามา ฉันมีงานต้องทำนะ” เสียงฉันยังคงเบา ๆ แต่นิ่งมากพอจะบอกว่า… เริ่มตั้งสติได้บ้างแล้ว เขานิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ “อยู่ตรงนั้นไม่สบายหรอก?” “…หือ?” “เมื่อกี้น่ะ ตอนอยู่กับลูกค้า” เขาหันมามองตาฉันตรง ๆ แววตาแข็งแต่ลึกเหมือนซ่อนความห่วงบางอย่าง ฉันเงียบ ไม่ตอบ เพราะไม่รู้จะตอบยังไง ก็แค่ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย… เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดต่อ “จำไว้นะ… ต่อให้ที่นี่เป็นผับ ต่อให้มีดนตรี เสียงดัง หรือไฟสลัวแค่ไหน แต่ถ้าเธอไม่สบายใจหรือไม่โอเคกับใคร ให้ลุกออกมาทันที ไม่ต้องฝืน” “…” “ไม่ต้องเกรงใจลูกค้า ไม่ต้องแคร์ยอด ไม่ต้องกลัวเสียหน้า” เขาพูดเน้น ๆ ก่อนจะมองออกไปเหมือนไม่อยากสบตาฉัน “แล้วถ้ามีปัญหา… ให้โทรหาคิว หรือไม่ก็ฉัน” ฉันเบิกตานิด ๆ ก่อนจะถามเสียงเบา “…แล้วเบอร์นาย ฉันไม่มีหรอกนะ จะโทรยังไง” เขาหันมามองทันที ยกมุมปากนิด ๆ แล้วพูดแบบนิ่ง ๆ แต่ชัดเจน “งั้นก็จดไว้สิ” … ใจฉันเต้นดังยิ่งกว่าตอนเดินเข้าร้านวันแรกอีก! “วันนี้ฉันอนุญาตให้เธอเลิกงานก่อนเวลาได้” “นายจะบ้าหรือไง! ฉันเพิ่งจะเริ่มงานวันนี้วันแรกนะ เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าฉันเป็นเด็กเส้นหรอก!” เขาพูดเบา ๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจให้ได้ยิน “ก็เด็กเส้นจริง ๆ …” “…อะไรนะ? เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ?” “เปล่า” เขาตอบเรียบ ๆ “กลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง” “นายเป็นใคร ถึงคิดว่ามีสิทธิ์มาสั่งฉันแบบนี้ ห๊ะ!?” เขาเงยหน้ามองฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบชัดเจน “ก็เป็นเจ้าของร้านที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ไง… หรืออยากให้ฉันเป็นอย่างอื่น?” ประโยคนั้นทำให้ฉันชะงัก ก่อนที่เขาจะลุกพรวดขึ้น เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ฉันถอยหลังแทบไม่ทัน จนแผ่นหลังแทบจะชิดกับผนัง “นี่! ออกไปนะ! อย่าเข้ามา…” ฉันยกมือดันหน้าอกเขาไว้ แต่ยิ่งพูด เขาก็ยิ่งเข้ามาใกล้ ลมหายใจฉันเริ่มติดขัด ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เหมือนภาพในอดีต… ภาพที่พยายามลืมมันไปหมดแล้ว กำลังไหลย้อนกลับมา ภาพมือของใครบางคนที่เคยบีบแขนฉันแน่นจนเป็นรอย ภาพที่ฉันเคยร้องไห้แต่ไม่มีใครได้ยิน “อย่า… อย่าเข้ามา…” เสียงของฉันเริ่มสั่น มือที่เคยผลักเขาไว้ เริ่มสั่นระริก น้ำตาคลอเบ้า หายใจเริ่มไม่ทัน… หายใจไม่ออก… หัวใจบีบรัดแน่นไปหมด… “เห้ย! แบมแบม! เป็นอะไร!” เสียงของเขาอยู่ใกล้ข้างหูฉัน ฉันรู้สึกถึงมือเขาที่คว้าไหล่ไว้แน่น แต่มันเหมือนเสียงทุกอย่างในโลกเริ่มเบาลง… เหลือแค่เสียงลมหายใจของตัวเองที่ติดขัดอย่างหนัก “เฮ้! แบมแบม! ตั้งสตินะ มองหน้าฉันสิ! หายใจลึก ๆ!” เขาเขย่าไหล่ฉันเบา ๆ แล้วรีบคว้ามือฉันมากุมไว้ “มองตาฉัน! อย่าหลบ หายใจตามนะ… ตามฉันนะ…” ฉันมองเขาทั้งน้ำตา พยายามทำตามที่เขาบอก หายใจเข้า… ช้า ๆ หายใจออก… ช้า ๆ ทีละนิด ทีละนิด… “เธอโอเคไหม?” เขาถามเสียงเบา สายตายังจับจ้องมาที่ฉันไม่วาง ฉันพยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่น้ำตายังคลออยู่ “อะ…อืม ขอบคุณ…” เสียงฉันแผ่วเบาแทบเป็นกระซิบ “ฉัน…ขอกลับก่อนนะ” ฉันพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อจะลุกขึ้น แล้วหันหลังเดินหนีไปให้ไกลที่สุดจากสายตาของเขา แต่ยังไม่ทันก้าวขาออกจากตรงนั้น มืออุ่น ๆ ของเขาก็คว้าข้อมือฉันไว้แน่น “ให้ไปส่งไหม?” คำถามสั้น ๆ แต่ใจฉันกลับสะดุดจนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ฉันหันไปสบตาเขาอีกครั้ง ในแววตาคู่นั้น… ไม่มีความล้อเล่นหรือความเจ้าชู้เหมือนตอนแรก มีแต่ความห่วงใยจริง ๆ ที่ฉันไม่แน่ใจว่ามันมาจากไหน หรือเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ “ไม่เป็นไร…” ฉันตอบเบา ๆ “ฉันกลับเองได้” “แน่ใจนะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง “ใช่” ฉันพยักหน้าช้า ๆ มือของเขาคลายออกจากข้อมือฉันอย่างนุ่มนวล ไม่มีคำพูดใด ๆ ต่อจากนั้น มีเพียงแค่แววตาของเขาที่มองตามฉัน… …จนฉันเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ และเมื่อประตูปิดลง ฉันรู้สึกได้ว่า… หัวใจของฉันไม่ได้เต้นเพราะความกลัวเหมือนตอนแรกอีกแล้ว แต่มันกลับเต้นแรงเพราะคำถามสุดท้ายของเขาต่างหาก… “ให้ไปส่งไหม” คำพูดที่ไม่คิดว่าจะทำให้ใจสั่นได้…ขนาดนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม